เมื่อพูดถึงเกมในซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ทุกคนคงกำลังคิดถึงเกมภาษาหรือแนว RPG ที่เราจะต้องเล่นไปตามเนื้อหาที่เกมกำหนด และมีฉากต่อสู้ที่เป็นแบบยืนเรียงหน้ากระดานผลัดกันโจมตี แต่ของ ‘Dragon Quest’ จะต่างออกไปตรงที่เราจะเห็นแค่ตัวศัตรูไม่เห็นตัวละคร เหมือนมุมมองบุคคลที่ 1 ในเกมแนวยิง แต่ภาคหลัง ๆ ตัวเกมก็เปลี่ยนมาเป็นเห็นตัวละครและง่ายต่อการเข้าถึงของผู้เล่นหน้าใหม่ แต่ถึงแบบนั้นหลายคนก็ยังไม่ค่อยชอบเกมแนวนี้ ซึ่งทีมพัฒนาเกม ‘Dragon Quest’ ก็คงจะคิดแบบนั้นจึงพยายามเอาเกมซีรีส์ ‘Dragon Quest’ มาใส่ในเกมแนวอื่นที่นอกจากเกม RPG อยู่หลายแนว วันนี้เราเลยไปรวบรวมเกมหลากหลายแนวที่ ‘Dragon Quest’ ทำมานำเสนอ โดยเราจะแบ่งเป็นแนวเกมต่าง ๆ ให้เป็นหมวดหมู่เพื่อง่ายต่อการอ่าน สำหรับคนที่สนใจจะไปหาเกมเหล่านั้นมาเล่น  จะมีเกมอะไรภาคไหนที่น่าสนใจบ้างก็จับดาบเตรียมอาวุธให้พร้อมแล้วมาลุยกันเลย

Dragon Quest Main series Mobile

Dragon Quest

เริ่มต้นสำหรับมือใหม่ที่อยากหาเกมซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ภาคหลักมาเล่น แต่ไม่มีเครื่องเกมเหมือนคนอื่น ก็สามารถหาเกม ‘Dragon Quest’ มาเล่นได้บนโทรศัพท์มือถือ ซึ่งถ้านับเฉพาะภาคหลักที่ถูกเอามาทำลงบนมือถือตอนนี้ก็มีถึง 7 ภาคเลยทีเดียว โดยแต่ละภาคนั้นจะถูกดัดแปลงระบบเพื่อให้ง่ายต่อการควบคุมบนโทรศัพท์มือถือ รวมถึงกราฟิกที่เปลี่ยนให้สวยงามขึ้นกว่าเกมต้นฉบับ แต่เนื้อเรื่องระบบการเล่นต่าง ๆ ยังคงเหมือนเดิม ซึ่งน่าเสียดายที่ ‘Dragon Quest Vll’ ก็เคยทำลงบนโทรศัพท์มือถือ แถมตัวเกมจะใช้กราฟิกแบบเครื่อง ‘Nintendo 3DS’ แต่ด้วยปัญหาบางอย่างจึงทำให้เกมนี้ไม่ได้วางขาย ส่วนมือใหม่ที่เพิ่งเคยเล่นเกมนี้ครั้งแรก ก็แนะนำให้เล่นที่ภาค 8 ไปก่อนแล้วค่อยมาเล่นภาคอื่น ๆ เพราะคุณชอบเนื้อเรื่องระบบการเล่นภาคนี้ คุณก็จะต้องชอบภาคอื่น ๆ แน่นอน

Dragon Quest

Dragon Quest Monsters series

Dragon Quest Monsters

มาเริ่มต้นซีรีส์แรกของเกม ‘Dragon Quest’ ที่เราอยากแนะนำให้คุณหามาเล่น กับซีรีส์ที่มีชื่อว่า ‘Dragon Quest Monsters’ ที่วางจำหน่ายครั้งแรกบนเครื่อง ‘Game Boy’ ในปี 1998 สมัยที่เครื่องเกมยังเป็นขาวดำ กับเรื่องราวการเดินทางของเทอร์รี่ (Terry) ตอนเด็ก ที่ในอนาคตหลังจากนั้นเขาจะกลายเป็นนักล่ามอนสเตอร์พรรคพวกสุดแกร่งในเกม ‘Dragon Quest VI’ ในส่วนของตัวเกมนี้จะเริ่มต้นกับการเดินทางข้ามมาต่างมิติ เพราะพี่สาวของเทอร์รี่ถูกลักพาตัวมา แต่ตัวเขาที่เป็นเพียงเด็กน้อยจึงต้องพึ่งพาเหล่มอนสเตอร์มาช่วยต่อสู้ ตัวเกมนั้นเป็นการอ้างอิงระบบการชักชวนมอนสเตอร์ของ ‘Draagon Quest V’ มาพัฒนาดัดแปลง ที่เราจะต้องออกเดินทางตามเนื้อเรื่อง และเมื่อเจอมอนสเตอร์ดี ๆ ก็ชวนมันมาเป็นพวก นอกจากนี้เรายังเอาตัวพ่อแม่มาฟักไข่ออกมาเป็นลูกที่มีพลังของพ่อแม่  และความสนุกของเกมนี้คือระบบการสร้างมอนสเตอร์ ที่เราต้องจับตัวพ่อแม่ตามที่เกมกำหนดเป็นขั้น ๆ เช่นผสมตัวนี้จนออกมาเป็นตัวนี้ เสร็จแล้วต้องมาผสมกับตัวนี้ซึ่งตัวนี้ก็ต้องมาจากการผสมจากคู่นั้น เรียกว่ารายชื่อการผสมเยอะมาก ๆ ซึ่งถ้าเราอยากได้มอนสเตอร์ระดับจอมมารก็ต้องใช้เวลาหลายชั่วโมงเพื่อสร้างมันขึ้นมา

Dragon Quest Monsters

ตัวเกมค่อนข้างประสบความสำเร็จจนมีภาคต่อออกมาอย่างมากมายทั้ง ‘Dragon Quest Monsters 2’, ‘Dragon Quest Monsters Caravan Heart’ ที่เล่าเรื่องราวของเจ้าชายคีฟา (Kiefer) ตัวเอกจากภาค 7 ไปจนถึงซีรีส์ที่ถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนเครื่อง ‘Nintendo DS’ อย่าง ‘Dragon Quest Monsters Joker’ ที่ทำออกมา 2 ภาคก่อนจะย้ายมาที่เครื่อง ‘Nintendo 3DS’ กับภาคล่าสุดอย่าง ‘Dragon Quest Monsters Joker 3 Professional’ ที่ตัวเกมก็พัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ใครที่อยากเล่นต้องไปบนเครื่องพกพาเท่านั้น แต่ ‘Dragon Quest Monsters’ สองภาคแรกถูกเอามา Remake ลงบน ‘PlayStation 1’ ด้วย ซีรีส์นี้เล่นแล้วเพลินลืมเวลาแน่นอน

Dragon Quest Monsters

Mystery Dungeon series

Mystery Dungeon

ถ้านับกันตามจริงแล้วซีรีส์แยกครั้งแรกสุดของเกม ‘Dragon Quest’ ที่หลุดออกมาจากเกมแนว RPG ก็คือเกมแนว ‘Mystery Dungeon’ ที่เราจะได้ควบคุมตัวละครให้ลงไปสถานที่ต่าง ๆ ที่เรียกว่า ‘Dungeon’ ซึ่งเมื่อลงไปเราต้องเดินเพื่อเปิดแผนที่เพื่อหาบันไดทางลงให้เจอทำแบบนี้ไปเรื่อย ๆ จนถึงปลายทางเราก็จะเจอหัวหน้ารออยู่ แต่เมื่อเราเอาชนะหัวหน้าประจำสถานที่นั้น ๆ ได้จนออกมา ของเราที่ได้รวมถึงค่าประสบการณ์ที่สั่งสมมาจะหายไปจนหมดนั่นคือสิ่งที่เกมแนวนี้เป็น ซึ่งในตอนนี้อาจจะหาเกมแนวนี้เล่นได้ยากที่มีใกล้เคียงสุดก็น่าจะเป็น ‘Dark Souls’ โดยตัวละครที่ถูกเอามาทำเป็นแนว ‘Mystery Dungeon’ ก็คือลุงหนวดโทเนโก้ (Torneko) พ่อค้าสุดแกร่งหนึ่งในเพื่อนร่วมเดินทางในเกม ‘Dragon Quest lV’ ในชื่อเกม ‘Torneko no Daiboken Fushigi no Dungeon’ ที่ลงบนเครื่อง ‘Super Famicom’ ในปี 1993

Mystery Dungeon

โดยเรื่องราวของเกม ‘Torneko no Daiboken Fushigi no Dungeon’ ก็คล้าย ๆ เรื่องราวในเกม ‘Dragon Quest lV’ ที่เป็นการเดินทางไปตามของตามสถานที่ต่าง ๆ เพื่อเอามาขายและเปิดร้านค้าของตัวเอง จนบานปลายเป็นการปราบจอมมาร ซึ่งเนื้อเรื่องในเกมนี้จะเล่าหลังจากจบเรื่องราวในเกมภาค 4 ไปแล้ว ตัวเกมซีรีส์ ‘Torneko no Daiboken’ ถูกทำออกมาถึง 3 ภาค ก่อนที่จะเริ่มต้นภาคใหม่ในชื่อ ‘Young Yangus and the Mysterious Dungeon or Shonen Yangus to Fushigi no Dungeon’ ที่ยังคงเนื้อหารูปแบบการเล่นเหมือนเดิม แต่เปลี่ยนตัวเอกมาเป็น ยังกัส (Yangus) ตอนเด็ก ที่ในอนาคตเขาจะกลายเป็นโจรป่าร่างอ้วน หนึ่งในเพื่อนร่วมทางของเราในเกม ‘Dragon Quest Vlll’ ในส่วนของระบบการเล่นที่ถูกเพิ่มเติมมาคือเพื่อนร่วมทีมมาช่วยสู้ รวมถึงการขี่มอนสเตอร์เพื่อเพิ่มความสามารถ ตัวเกมวางจำหน่ายบน ‘PlayStation 2’ ซึ่งถ้าคุณเคยเล่นภาค 8 มาแล้วจะอินกับเรื่องราวและตัวละครที่มีมาก ๆ ตัวเกมมีกราฟิกที่สวยงามเนื้อเรื่องสนุกแถมยังมีตาลุงโทเนโก้มาร่วมผจญภัยด้วย นับเป็นหนึ่งในซีรีส์ที่เล่นได้เพลิน ๆ สำหรับคนที่ชอบสำรวจ

Mystery Dungeon

Slime Morimori series

Slime Morimori

เมื่อพูดถึงเกมในซีรีส์ ‘Dragon Quest’ หลายคนต้องคิดถึงเจ้าตัวหยดน้ำสีฟ้า ‘Slime’ ที่เป็นตัวละครคู่บุญของซีรีส์นี้มาอย่างยาวนานตั้งแต่ภาคแรกของเกม จนทุกซีรีส์ที่แปะชื่อว่า ‘Dragon Quest’ ต้องมีเจ้าตัวนี้อยู่ในเกม ซึ่งจากข้อมูลบอกว่าตัวละครแรกที่ อากิระ โทริยามะ (Akira Toriyama) ออกแบบก็คือเจ้าตัวนี้ โดยเขาได้ไอเดียจากหยดน้ำที่เป็นการออกแบบง่าย ๆ แต่กลับเป็นที่จดจำของแฟน ๆ จนทำให้มีเกมของตัวเองในชื่อ ‘Slime Morimori Dragon Quest’ ที่บอกเล่าเรื่องราวของหมู่บ้าน ‘Slime’ อันสงบสุขที่จู่ ๆ วันหนึ่งก็มีมอนสเตอร์สัตว์หางมาสร้างความวุ่นวายจนเหล่า ‘Slime’ ต้องช่วยหาคำตอบ  ตัวเกมจะเป็นเกมแอ็กชันที่ต้องเดินหาเนื้อเรื่อง โดยเราจะได้เล่นเป็นเจ้า ‘Slime’ ตัวฟ้าที่มีความสามารถในการยืดตัวเป็นหนังยางเพื่อดีดตัวเองใส่ศัตรู กับความสามารถในการแบกเพื่อน ๆ ขึ้นบนหัวเพื่อใช้ความสามารถของเพื่อน ๆ ที่ถ้าใครเคยเล่นเกมซีรีส์ ‘Dragon Quest’ มาจะทราบดีว่า ‘Slime’ ในเกมซีรีส์นี้มีหลายสายพันธุ์ ซึ่งแต่ละสายพันธุ์ก็มีพลังความสามารถที่ต่างกัน จึงทำให้ตัวเกมค่อนข้างสนุกเล่นได้ทุกเพศทุกวัย

Slime Morimori

ตัวเกมในซีรีส์ ‘Slime Morimori’ นั้นมีทั้งหมด 3 ภาคที่มีเนื้อเรื่องกับตัวละครชุดเดียวกัน แต่ในภาค 2 กับ 3 นั้นตัวเกมจะถูกเปลี่ยนชื่อมาเป็น ‘Rocket Slime’ และ ‘Slime Morimori Dragon Quest 3’ ที่ตัวเกมยังคงรูปแบบการเล่นที่เหมือนกับภาคแรก แต่เนื้อหาเรื่องราวจะยิ่งใหญ่ขึ้น รวมถึงการต่อสู้ที่ทั้งสองภาคนี้เราจะได้ควบคุมพัฒนารถถังไปจนถึงเรือรบเพื่อสู้กับศัตรู ที่เพิ่มความสนุกมากขึ้นไปอีกหลายเท่า ใครที่สนใจอยากเล่นตั้งแต่ภาคแรกก็ต้องไปหาเครื่อง ‘Game Boy Advance’ มาเล่นเลย ส่วน 2 ภาคใหม่นั้นทำลงบนเครื่อง ‘Nintendo 3DS’ ตัวเกมเด็กเล่นดีผู้ใหญ่เล่นได้บอกเลยว่าสนุกเพลินมาก ๆ แม้คุณจะไม่ได้เป็นแฟนเกมนี้ก็สามารถเล่นได้

Slime Morimori

Builders series

Dragon Quest Builders

“ผู้กล้าเอ๋ยเจ้าเก่งมากที่สามารถมาถึงที่นี่ได้ ข้ามีข้อเสนอถ้าเจ้ายอมมาเป็นพวก ข้าจะแบ่งโลกให้เจ้าครึ่งหนึ่งจะตกลงไหม” นี่คือประโยคในตำนานที่คนเล่นเกม ‘Dragon Quest’ ภาคแรกจดจำได้เป็นอย่างดีกับสิ่งที่ราชามังกรพูดกับเรา ซึ่งแน่นอนว่าเราในฐานะผู้กอบกู้โลกเราต้องไม่มีทางรับข้อเสนอนี้อย่างแน่นอน แต่ถ้าผู้กล้ารับข้อเสนอนี้ละจะเกิดอะไรขึ้น นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นในเกม ‘Dragon Quest Builders’ ภาคแรก ที่เราจะได้รับบทเป็น ‘Builders’ ที่ตื่นมาจากการหลับใหลเพื่อมากอบกู้โลกเมื่อผู้กล้าไปอยู่ฝั่งจอมมาร ตัวเกมจะให้เราเลือกเพศและหน้าตาของตัวละครก่อนจะออกเดินทางช่วยเหลือผู้คนที่เดือดร้อน โดยการสร้างสิ่งต่าง ๆ ที่คนเหล่านั้นต้องการ เช่นห้องอาหารห้องนอนไปจนถึงสร้างอาวุธต่าง ๆ ซึ่งเราจะค่อย ๆ เรียนรู้การสร้างสิ่งต่าง ๆ โดยการไปหาวัตถุดิบจากมอนสเตอร์หรือตามทางมาสร้าง จนสามารถสร้างเมืองขึ้นมาจากการความคิดของเราได้เลย และในตอนท้ายของภารกิจแต่ละครั้ง ก็จะมีการต่อสู้ครั้งใหญ่ที่สมเป็น ‘Dragon Quest’ แบบไม่มีผิดเพี้ยนไปเลยแม้แต่น้อย

Dragon Quest Builders

ในส่วนของภาคที่ 2 ของซีรีส์ ‘Builders’ ก็จะเป็นเรื่องราวหลังจากเกม ‘Dragon Quest ll’ จบไปแล้ว โดยเราจะได้เล่นเป็นลูกหลานของ ‘Builders’ ภาคแรกที่ไปอยู่กับเหล่าปีศาจลูกน้องจอมมารที่หนีตายออกมา ก่อนที่เรือนั้นจะจมและมาติดเกาะก่อนจะเจอเพื่อน ๆ ที่รอดตาย จนมาร่วมกันสร้างพัฒนาเกาะและไปช่วยเหลือสถานที่ต่าง ๆ และสุดท้ายก็บานปลายเป็นการปกป้องโลกจากจอมมารที่จะตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ตัวเกมพัฒนาระบบให้ดีกว่าภาคแรก และตัดความยุ่งยากต่าง ๆ ที่เคยมีในภาคเก่าทิ้งไปพร้อมใส่ระบบการสร้างสิ่งใหม่ ๆ ลงไปแทน ซึ่งถ้าใครคิดภาพไม่ออกว่าเกมนี้จะเป็นอย่างไร ก็ให้คิดถึงเกมในซีรีส์ ‘Minecraft’ แต่มีกลิ่นอาย ‘Dragon Quest’ ใครที่ชอบการสร้างสิ่งต่าง ๆ ไม่ควรพลาด ส่วนมือใหม่แนะนำให้เล่นภาค 2 ไปเลย เพราะภาคแรกมีข้อจำกัดในการเล่นเยอะจนน่าหงุดหงิดมากกว่าสนุก ส่วนภาค 2 นั้นจะตัดความยุ่งยากเหล่านั้นไปให้เล่นสนุกขึ้น พอทำเสร็จก็เอาเกาะมาอวดผู้เล่นคนอื่นในระบบออนไลน์ได้ด้วย หรือเราจะไปสำรวจเกาะคนอื่นก็สามารถทำได้ ตัวเกมมีบน ‘PC’, ‘Nintendo Switch’ และ ‘PlayStation 4’

Dragon Quest Builders

Heroes series

ถ้าพูดถึงซีรีส์เกม ‘Dragon Quest’ ที่จะเข้าถึงผู้เล่นได้มากที่สุดก็น่าจะเป็นซีรีส์ ‘Heroes’ อย่างเกม ‘Dragon Quest Heroes’  ที่ตัวเกมทั้งสองภาคนี้จะเปลี่ยนตัวเองมาเป็นแนว ‘Hack and slash’ ผสมแอ็กชันที่เป็นแบบตัวละครเดียวลุยทั้งกองทัพเหมือนซีรีส์ ‘Dynasty Warrior’ แต่ตัวเกมได้ใส่กลิ่นอายความเป็น ‘Dragon Quest’ ลงไปแบบที่แฟนเกมฉบับ RPG ต่างขนลุก เพราะนอกจากจะมีตัวละครใหม่ที่ถูกขึ้นมาเพื่อเกมซีรีส์นี้แล้ว ยังมีแขกรับเชิญเป็นตัวละครเกม ‘Dragon Quest’ ภาคต่าง ๆ มาร่วมต่อสู้ด้วย แถมตัวละครบางตัวก็มาจากสมัยเครื่อง ‘Famicom’ เหลี่ยม ๆ แต่ได้มาเห็นแบบกราฟิก 3D ที่สวยงามในเกมนี้ แถมเรายังควบคุมเป็นตัวละครเหล่านั้นได้ด้วย ยิ่งทำให้แฟน ๆ ‘Dragon Quest’ ชื่นชอบ รวมถึงเนื้อเรื่องก็ทำออกมาได้สนุกน่าติดตามที่แม้แต่คุณที่ไม่ใช่แฟนเกมนี้ก็ต้องชอบ

Dragon Quest Heroes

ตัวเกมซีรีส์ ‘Dragon Quest Heroes’ นั้นมีทั้งหมดสองภาคที่เป็นเรื่องที่ต่างกัน แต่มีรูปแบบการเล่นที่เหมือนกัน จะต่างกันตรงที่ระบบการเล่นที่ในภาค 2 นั้นจะเพิ่มเติมในส่วนของตัวละครผู้กล้า ที่สามารถเปลี่ยนอาชีพเป็นแบบอื่นได้ ขณะที่เพื่อนร่วมทีมในภาคที่ 2 นี้ก็จะเยอะขึ้นกว่าภาคแรก รวมถึงฉากจำนวนศัตรูที่ใส่ลงมาแบบเยอะสะใจคนเล่นเกม ใครที่สนใจจะเริ่มจากภาคไหนก่อนก็ได้ และถึงคุณจะไม่เคยเล่นเกม ‘Dragon Quest’ มาเลยก็สามารถสนุกกับเกมซีรีส์นี้ได้ แต่ถ้าจะให้ดีก็ควรไปหาภาคหลักมาเล่นก่อนแล้วค่อยมาเล่นภาคนี้ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมแฟน ๆ ‘Dragon Quest’ ถึงชอบเกมซีรีส์นี้มาก ๆ เพราะนอกจากจะได้เจอเพื่อนเก่าแล้วยังได้เล่นเกมสนุกที่ไม่ได้แค่กดฟันอย่างเดียว แต่เราต้องใช้ทุกอย่างที่มีในการต่อสู้ทั้ง ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนตัวละครไปมาระหว่างสู้ได้ ทำให้อารมณ์การเล่นต่างกันไปทุกครั้งที่เล่น ใครที่กำลังหาเกมแอ็กชันสนุก ๆ ไม่ควรพลาด ตัวเกมมีลงบน ‘Nintendo Switch’, ‘PC’, ‘Playstation Vita’ และ ‘Playstation 3-4’ รับประกันความสนุก

‘Dragon Quest Heroes

Monster Battle Road series

Dragon Quest Monster Battle Road Victory

มาถึงซีรีส์ที่แฟน ๆ ‘Dragon Quest’ อาจจะไม่ค่อยคุ้นเคยกับเกม ‘Dragon Quest Monster Battle Road’ โดยตัวเกมนั้นจะเป็นการต่อยอดระบบการชวนมอนสเตอร์ในเกม ‘Dragon Quest Vlll’ มาดัดแปลงพัฒนาให้เป็นรูปแบบของการ์ดเกม ให้แฟน ๆ ในญี่ปุ่นได้หามาสะสม ในการตั้งเป็นทีมมอนสเตอร์สุดแกร่งเพื่อเอาไปเล่นบนเกมตู้ ที่บ้านเราก็มีแต่ค่อนข้างหายากมาก ๆ แต่ที่ญี่ปุ่นค่อนข้างได้รับความนิยมมากจนออกมาถึง 2 ภาค แต่ภาคที่นักเล่นเกมบ้านเราสามารถเข้าถึงได้ง่ายที่สุดก็น่าจะเป็น ‘Dragon Quest Monster Battle Road Victory’ ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง ‘Nintendo Wii’ ที่ตัวเกมจะให้เรารับบทเป็นนักเล่นเกมการ์ด ‘Monster Battle Road’ ที่จะเป็นเหมือนเกมการ์ดทั่วไป ที่เราต้องสู้กับคนอื่น ๆ เพื่อสะสมการ์ดในการแข่งขันเพื่อชิงที่หนึ่ง และความพิเศษของเกมนี้ที่นอกจากตัวมอนสเตอร์แล้ว ยังมีการ์ดผู้กล้าตัวละครจากเกมภาคต่าง ๆ จากเกม ‘Dragon Quest’ มาร่วมสู้ด้วย และเมื่อเราใช้การ์ดตัวละครก็จะได้เห็นผู้กล้าเหล่านั้นใช้ท่าต่าง ๆ ในแบบอลังการบ้านระเบิดกราฟิกกระจาย จนแฟน ๆ หลายคนอินตาค้างกันเลยทีเดียว แฟนเกม ‘Dragon Quest’ ไม่ควรพลาด

Dragon Quest Monster Battle Road Victory

Dragon Quest Mobile

Dragon Quest Mobile

กลับมาที่ ‘Dragon Quest’ บนโทรศัพท์มือถือกันอีกครั้ง แต่คราวนี้จะเป็นเกมที่ถูกพัฒนามาเพื่อลงบนโทรศัพท์โดยเฉพาะไม่ใช่การเอาเกมเก่ามาลง โดยซีรีส์เกมที่ถูกเอามาลงบนโทรศัพท์มือถือตอนนี้ก็มีอยู่ 3 กม นั่นคือ ‘Dragon Quest of the Stars’ เกมแนว RPG ที่เราจะได้รับบทเป็นทายาทของ ‘Questocrat’ ที่ต้องตามหาเหล่าผู้กล้าเพื่อมาต่อสู้กับ ‘Dark Lord of the Stars’ ที่จะยึดครองโลก ตัวเกมจะมีภารกิจต่าง ๆ ให้เราออกไปสู้กับศัตรูเพื่อสะสมค่าประสบการณ์ ซึ่งความพิเศษของเกมนี้คือเมื่อเราสวมใส่อาวุธชุดเกราะเราจะเห็นตัวละครได้สวมใส่ด้วย แต่น่าเสียดายที่ตัวเกมกำลังจะปิดตัวลงแล้วปลายเดือนมิถุนายน 2021นี้ อีกหนึ่งเกมที่น่าสนใจและอยากให้มีในบ้านเรามาก ๆ กับ ‘Dragon Quest Walk’ ที่ถ้าใครคิดไม่ออกมันก็คือเกม ‘Pokemon GO’ แต่เปลี่ยนมาเป็นการต่อสู้กับมอนสเตอร์แทนการจับ เรียกว่ามีกลิ่นอายความเป็น ‘Dragon Quest’ แบบสุด ๆ แต่เมื่อดูจากสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นตอนนี้คงยากที่เกมนี้จะมาเปิดในบ้านเรา

Dragon Quest Mobile

นอกจาก 2 เกมที่ได้กล่าวมาก็มี ‘Dragon Quest TACT’ ที่มาในรูปแบบของเกมแนววางแผนการรบ ที่เราจะได้จัดทีมมอนสเตอร์สุดแกร่งไปทำภารกิจต่าง ๆ เพื่อหามอนสเตอร์ใหม่ ๆ รวมถึงสู้กับผู้เล่นคนอื่น ใครที่เล่นเกมแนววางแผนจะเข้าใจระบบได้ทันทีที่เล่น อีกเกมที่น่าสนใจบนโทรศัพท์มือถือ คือเกม ‘Dragon Quest Monster Parade’ ที่ตัวเกมนั้นอ้างอิงระบบกองคาราวานจากเกม ‘ Dragon Quest Monsters Caravan Heart’ ที่เราจะมีมอนสเตอร์ประจำทีม กับเหล่าตัวละครในอาชีพต่าง ๆ ที่มาช่วยสู้ร่วมกับมอนสเตอร์ แต่เกมนี้จะตัดระบบตัวละครมนุษย์ช่วยสู้ออกไป แต่เพิ่มมอนสเตอร์ลงไปเพื่อสู้แทนเราในการเดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ตัวเกมค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว นอกจากนี้ก็มี ‘Dragon Quest Rivals’ ที่เป็นแนวการ์ดเกมซึ่งเราสามารถจัดชุดการ์ดที่มาจากตัวละครจากเกม ‘Dragon Quest’ มาร่วมสู้ได้ ตัวเกมต้องศึกษาระบบการเล่นเล็กน้อย แต่เมื่อเล่นเป็นแล้วทีมนี้คุณจะสนุกจนลืมเวลาเลยทีเดียว

Dragon Quest Mobile

Other Dragon Quest games

‘Dragon Quest Swords

ในส่วนนี้คือเกมที่ไม่รู้จะไปเอาไปรวมในหมวดหมู่ไหน เพราะเกมเหล่านี้ออกมาเพียงแค่ภาคเดียวเลยเอามารวมกันที่นี่ เริ่มจากเกมบนเครื่อง ‘Nintendo Wii’ อย่าง ‘Dragon Quest Swords’ ที่ถ้าจะให้อธิบายก็คือ ‘Dragon Quest’ ในมุมมองบุคคลที่ 1 แต่เปลี่ยนจากการยิงปืนมาเป็นการฟันดาบแทน เหมือนในซีรีส์ ‘The Elder Scrolls V Skyrim’ แต่เราจะต้องสะบัดตัวควบคุมที่เรียกว่าจอย Wii แทนการกดแบบเกมทั่วไป ซึ่งตัวเกมนั้นได้พัฒนาต่อยอดมาจากของเล่นที่ชื่อว่า ‘Kenshin Dragon Quest’ อีกเกมที่บ้านเราน้อยคนจะได้เล่น เพราะเกมนี้จะมีให้ซื้อบน ‘Nintendo DSiWare’ บนเครื่อง ‘Nintendo DS’ กับเกมแนววางแผนการรบกึ่ง ๆ RPG กับเกม ‘Dragon Quest Wars’ ที่มีรูปแบบคล้าย ๆ ‘Dragon Quest TACT’ ที่น่าจะเป็นการต่อยอดของระบบมา กับอีกเกมที่เป็นแนวดลตรีอย่าง ‘Theatrhythm Dragon Quest’ ที่เป็นเกมแนวกดตามจังหวะเพลงในซีรีส์ ‘Dragon Quest’ พร้อมฉากต่อสู้ที่การกดของเราจะเป็นตัวกำหนดค่าพลังในการโจมตีศัตรู ตัวเกมลงบนเครื่อง ‘Nintendo 3DS’ ใครชอบแนวไหนก็ไปหามาเล่นกันได้

‘Dragon Quest

Compilations

Dragon Quest 25th Anniversary Collection

ปิดท้ายกับใครที่อยากได้เกมซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ภาคเก่า ๆ มาสะสมที่สามารถเอามาเล่นได้ด้วย ตัวเกมก็มีแบบรวมให้สะสมทั้ง ‘Dragon Quest 25th Anniversary Collection’ ที่ลงบนเครื่อง ‘Nintendo Wii’ ที่เป็นการรวมเกม ‘Dragon Quest’ ภาค 1 – 3 บนเครื่อง ‘Famicom’ ในฉบับเก่าให้เล่น แถมด้วย ‘Dragon Quest lll’ ฉบับ ‘Super Famicom’ ที่เหมาะแก่การหามาสะสม หรือใหม่หน่อยบนเครื่อง ‘Nintendo Switch’ กับเกม ‘Dragon Quest 1 + 2 + 3 Collection’ ที่เป็นการรวมเหมือนชุด 25 ปีแต่จะมีแค่เกมฉบับ ‘Famicom’ เท่านั้น  แถมอีกหนึ่งซีรีส์ที่มาควบ 2 ภาคในเกมเดียวนั่นคือ ‘Dragon Quest Heroes I·II’ ที่ซื้อหนึ่งได้ถึงสอง ใครสนใจก็ไปหามาสะสมกันได้รับรองคุ้มค่าเงินแน่นอน

Dragon Quest 25th Anniversary Collection

ก็จบกันไปแล้วกับการรวมเกมต่าง ๆ ในซีรีส์ ‘Dragon Quest’ ในหมวดหมู่ต่าง ๆ หวังว่าจะถูกใจกัน โดยเป้าหมายของบทความนี้ต้องการให้มือใหม่ที่อยากติดตามซีรีส์นี้จะได้ไปหาเกมอื่น ๆ ที่ไม่ใช่เพียงเกมภาษามาเล่น ซึ่งจุดเด่นของ ‘Dragon Quest’ นั้นคือความเรียบง่ายแต่เข้าถึงได้ทุกเพศทุกวัย เพราะแม้ตัวละครมอนสเตอร์ก็ถูกออกแบบมาดูน่ารักเป็นมิตรต่างกับเกมอื่น ๆ จึงทำให้เกมซีรีส์นี้ไปอยู่ในเกมหลาย ๆ แนวได้ แถมตัวเกมยังลงบนหลายเครื่องเกมในตลาด ใครที่มีเครื่องไหนก็ลองไปหามาเล่นกันดู และถ้าขาดตกเกมซีรีส์ไหนไปก็เพิ่มเติมกันมาได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส