ถ้าใครที่ติดตามข่าวสารวงการเกมมาตลอด คงจะได้ข่าวการเปิดตัวเครื่องเกมพกพาเครื่องใหม่จากทาง ‘Valve’ ในชื่อ ‘Steam Deck’ เครื่องที่หลายคนเรียกว่า ‘PC’ ย่อส่วนที่เราสามารถนำเกมที่วางขายใน ‘Steam’ มาเล่นได้ทั้งหมด แถมยังสามารถต่อกับทีวีเพื่อใช้เป็นคอมพิวเตอร์หรือเล่นในจอใหญ่ได้ แต่สิ่งที่เป็นจุดเด่นของ ‘Steam Deck’ คือการพกพา ที่คราวนี้เราจะได้เล่นเกมบน ‘PC’ ที่ไหนก็ได้ ไม่ต้องโดนผู้ปกครองบ่นว่า “วัน ๆ เอาแต่เล่นเกมออกไปข้างนอกบ้านบ้าง” แถมยังสามารถพกไปเล่นที่บ้านเพื่อนหรือนั่งเล่นกับเพื่อนที่ไหนก็ได้ไม่ต้องอุดอู้อยู่หน้าคอม จนทำให้หลายคนเกิดความลังเลว่าจะซื้อดีไหมเมื่อเครื่องออกในช่วงปลายปี(ถ้าหาซื้อได้) วันนี้เราเลยขอยกเหตุผลว่าควรหรือไม่ควรซื้อ ‘Steam Deck’ มานำเสนอ เพื่อให้คนที่กำลังคิดได้ตัดสินใจง่ายขึ้นว่าจะเตรียมเงินไว้ซื้อดีไหม ถ้าพร้อมแล้วมาดูเหตุผลเหล่านั้นกันเลย

Steam Deck คือเกมอะไร

Steam Deck

ก่อนจะเข้าสู่เนื้อหาเรามาทำความรู้จักเครื่องเกมพกพาตัวใหม่ของ ‘Valve’ ที่หลายคนซึ่งไม่ได้ตามข่าวอาจจะไม่ทราบ ว่าในอนาคตเราจะมีเครื่องพกพาตัวใหม่ที่ชื่อ ‘Steam Deck’ ที่จะเข้ามาสู่ตลาดเกมพกพา ที่มีเจ้าพ่อแห่งวงการเกมพกพาอย่าง ‘Nintendo’ครองอยู่ตอนนี้ กับความสามารถในการเล่นเกมที่มีในระบบ ‘Steam’ ได้ทุกเกม เรียกว่าแรงกว่าคอมพิวเตอร์ที่ใช้เล่นเกมของใครหลาย ๆ คนเสียอีก แถมยังสามารถพกไปเล่นต่อข้างนอกได้ และยังต่ออุปกรณ์เสริมอย่างเมาส์และคีย์บอร์ดได้ด้วย โดยภายในเครื่องก็มี ‘CPU AMD Zen 2’ ที่มี ‘4-Core’ และ ‘8-Thread’ ความเร็ว 2.4 – 3.5 GHz ที่ถูกออกแบบมาโดยเฉพาะ ส่วน GPU นั้นใช้สถาปัตยกรรม RDNA2 รุ่นล่าสุดที่มีหน่วยประมวลผล 8 ตัว มี RAM แบบ LPDDR5 ขนาด 16GB ตัวเกมมาพร้อมความจุ 3 ขนาด คือ 64GB (eMMC), 256GB (NVMe SSD) และ 512GB (NVMe SSD) ซึ่งราคาก็ถูกแพงตามความจุที่เราสามารถเพิ่มได้ พร้อมกับหน้าจอ LCD ขนาด 7 นิ้ว ความละเอียด 1280 x 800 ใหญ่เต็มตาสำหรับเครื่องพกพาในยุคนี้ นั่นคือสิ่งที่ทาง ‘Valve’ บอกกับเราเกี่ยวกับ ‘Steam Deck’ ที่คุณควรรู้

Steam Deck

5 เหตุผลที่ควรซื้อ Steam Deck

เหมาะสำหรับคนที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์แรง ๆ ไว้เล่นเกม

Steam Deck

เคยมีตำนานกล่าวไว้ว่าถ้าคุณอยากประกอบคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกม คุณต้องใช้เงินสามถึงสี่หมื่นบาท ซึ่งความเป็นจริงแล้วถ้าเราซื้ออุปกรณ์ราคาถูก ๆ ไม่เน้นยี่ห้อการประกอบคอมพิวเตอร์จริง ๆ ก็แค่หลักหมื่นต้น ๆ เท่านั้น และด้วยความบอกเล่าแบบนี้จึงทำให้หลายคนที่ไม่รู้เรื่องคอมพิวเตอร์ ต่างหวาดกลัวการประกอบคอมพิวเตอร์เพื่อใช้เล่นเกม เมื่อเป็นแบบนั้นการซื้อ ‘Steam Deck’ จึงเป็นคำตอบที่เหมาะสม เพราะตัวเครื่อง ‘Steam Deck’ นั้นสามารถเล่นเกมที่มีอยู่ตอนนี้ได้อย่างไม่มีติดขัด อย่างในวิดีโอตัวอย่างเราก็ได้เห็นเกม ‘Star Wars Jedi Fallen Order’ ให้ดู ซึ่งเกมนี้ถ้าคอมพิวเตอร์ใครไม่แรงพอไม่สามารถเล่นได้ แม้จะปรับต่ำสุดแล้วก็ตาม ซึ่งถ้าใครไม่ใช่สายเกมพกพาก็สามารถวางมันเอาไว้ที่โต๊ะ และต่อเมาส์และคีย์บอร์ดเป็นคอมพิวเตอร์สำหับเล่นเกมไปเลยก็ทำได้

Steam Deck

พกพาไปเล่นได้ทุกที่แม้ไม่มีเมาส์และคีย์บอร์ดก็เล่นได้เหมือนมี

Steam Deck

แน่นอนว่าความพิเศษของ ‘Steam Deck’ คือการพกพาคอมพิวเตอร์ในบ้านให้ออกไปเล่นข้างนอกได้ทุกที่ทุกเวลา แม้แต่ตอนขึ้นรถเมล์สาย 8 ยืนแออัดบนรถไฟฟ้า นั่งตกปลาฉลามกลางทะเล หรือเหาะอยู่บนฟ้าด้วยคอปเตอร์ไม้ไผ่ของโดราเอมอน เราก็สามารถสนุกกับ ‘Steam Deck’ ได้ และเมื่อตัวเกมเกือบทั้งหมดมันคือเกมบนเครื่อง ‘PC’ การใช้เมาส์และคีย์บอร์ดจึงเป็นสิ่งสำคัญในการเล่นเกม ซึ่งแน่นอนว่าผู้สร้างเครื่องได้คิดเอาไว้แล้ว ตัว ‘Steam Deck’ จึงมีแผ่นทัชแพดสองข้างเพื่อเป็นตัวแทนของเมาส์เหมือนที่มีบนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ก ส่วนของคีย์บอร์ดนั้นก็มาในรูปแบบของจอสัมผัสที่สามารถเรียกแป้นพิมพ์ออกมาได้ระหว่างเล่น และนอกจากการต่อเมาส์และคีย์บอร์ดแล้วตัวเครื่องยังสามารถต่ออุปกรณ์เสริมต่าง ๆ ได้อีกมากมายเพื่อความบันเทิงของทุกคนอีกด้วย

Steam Deck

เป็นคอมพิวเตอร์พกพาแทนคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊

Steam Deck

แน่นอนว่าเมื่อคุณจะซื้อเครื่องเกมตัวใหม่เข้าบ้าน ด่านแรกที่คุณต้องเจอเลยก็คือเหล่าแม่บ้านหรือคนในครอบครัวที่ต้องต่อว่าคุณแน่ ๆ เมื่อต้องเสียเงินซื้อของแบบนี้เข้าบ้าน ซึ่งสิ่งที่เราสามารถทำได้ก่อนซื้อหรือซื้อมาแล้วก็คือ การอวดสรรพคุณของสินค้าที่คุณซื้อมาว่ามันทำอะไรได้มากกว่าเล่นเกม โดยเฉพาะเครื่อง ‘Steam Deck’ ตัวนี้ที่เป็นมากกว่าเครื่องเล่นเกมอย่าง ‘PlayStation 5’ หรือ ‘Nintendo Switch’ ที่ทำได้แค่เล่นเกมเป็นหลัก แต่สำหรับ ‘Steam Deck’ มันคือคอมพิวเตอร์ย่อส่วน ที่ตัวเครื่องนั้นจะใส่ระบบปฏิบัติการ ‘Linux’ อยู่ในนั้น แต่คุณก็สามารถใส่ระบบปฏิบัติการ ‘Windows’ หรือ OS อื่นๆ ได้  นั่นก็แปลว่าคุณสามารถพกเจ้าเครื่อง ‘Steam Deck’ ออกไปทำงานนอกบ้านไม่ต่างกับคอมพิวเตอร์ ‘Notebook‘ เลยทีเดียว หรือคุณจะใช้มันทำงานแทนคอมบ้านก็ทำได้(แต่แนะนำว่าอย่าหาทำเพราะอะไรนั้นค่อยดูที่ไม่ควรซื้อ) ด้วยข้อดีขนาดนี้จึงเป็นเหตุผลที่คุณจะไม่ถูกคุณภรรยาหรือคนที่บ้านบ่นอย่างแน่นอน

Steam Deck

ศูนย์รวมความบันเทิงครบจบในที่เดียวมากกว่า PlayStation 5 หรือ Nintendo Switch

Steam Deck

ต่อเนื่องจากหัวข้อที่แล้ว ถ้าคนในบ้านของคุณแย้งมาว่าตอนซื้อเครื่อง ‘PlayStation 5’ หรือ ‘Nintendo Switch’ ก็พูดถึงข้อดีแบบนั้นแบบนี้แต่พอซื้อมาจริง ๆ ก็เอามาแค่เล่นเกม ถ้าอย่างนั้นเราจึงควรนำเสนอเพิ่ม ด้วยการนำเสนอความบันเทิงทุกอย่างที่คอมพิวเตอร์ทำได้และ ‘Steam Deck’ ก็ทำได้สุดยอดกว่าโทรศัพท์มือถือ ด้วยการเปิดสื่อความบันเทิงที่คอมพิวเตอร์ทำได้ให้คนเหล่านั้นได้ดู ไม่ว่าจะเป็นการเปิดภาพยนตร์หรือโชว์ขุมพลังที่สูงกว่าโทรศัพท์มือถือตอนออกไปข้างนอกบ้านให้คนเหล่านั้นเห็น โดยเครื่อง ‘Steam Deck’ สามารถเชื่อมต่อกับ ‘PC’ บ้านด้วยระบบ ‘Steam’ ยกตัวอย่างเช่น ระหว่างที่คุณกำลังเล่นเกม ‘DOTA 2’ กับเพื่อนอย่างสนุกสนาน แต่ภรรยาใช้ให้ไปซื้อน้ำปลาหน้าปากซอยคุณก็สามารถหยิบ ‘Steam Deck’ มาเล่นระหว่างเดินไปซื้อน้ำปลาได้ หรือถ้าแฟนของคุณด่าว่าวัน ๆ เอาแต่เล่นเกมไม่มีเวลาออกไปไหนด้วยกัน คุณก็แค่ปิด ‘PC’ และเอา ‘Steam Deck’ ออกไปเล่นเกมระหว่างเที่ยวกับแฟนได้โดยที่ไม่เสียเวลาเล่นเกม แถมยังสร้างสายสัมพันธ์ให้ครอบครัวและแฟนด้วย

Steam Deck

นอกจากเกมบนสตรีมก็สามารถเล่นของค่ายอื่นได้ด้วย

Steam Deck

ปิดท้ายความเห็นว่าคุณควรซื้อ ‘Steam Deck’ กับข้อสงสัยว่านอกจากระบบ ‘Steam’ แล้วตัว ‘Steam Deck’ ยังสามารถเล่นหรือซื้อเกมบน Store อื่นอย่าง ‘Epic’ กับ ‘Origin’ หรือเจ้าต่าง ๆ ได้รึเปล่า ซึ่งคำถามนี้ก็ได้รับคำตอบอย่างชัดเจนแล้วว่าสามารถทำได้ คุณสามารถใช้ ‘Steam Deck’ เล่นหรือซื้อเกมบน Store อื่นได้แบบไม่มีปิดกั้น แถมเกมเหล่านั้นก็รองรับระบบความสามารถทุกอย่างที่ ‘Steam Deck’ มี เหมือนที่เกมบน ‘Steam’ มีทุกอย่าง นับเป็นความใจกว้างที่ดีงามจนเราแทบรอให้เกมวางจำหน่ายไม่ไหวเลยทีเดียว ใครที่อยากได้ก็ตอนนี้ก็เก็บเงินแอบภรรยาเอาไว้ได้เลย ปลายปีนี้เครื่องก็วางจำหน่ายแล้ว

Steam Deck

5 เหตุผลที่ไม่ควรซื้อ Steam Deck

สเปกเครื่องที่อาจอยู่ได้ไม่กี่ปีก็ต้องเปลี่ยนเครื่องใหม่

Steam Deck

คราวนี้มาดูเหตุผลที่ไม่ควรซื้อ ‘Steam Deck’ กันบ้าง กับข้อแรกที่เกี่ยวกับสเปกเครื่อง ‘Steam Deck’ ที่ตอนนี้ทาง ‘Valve’ ได้ออกมาบอกแล้วว่าตัวเครื่องเกมสามารถเล่นเกมที่อยู่บน ‘Steam’ ได้ทุกเกมเทียบเท่ากับ ‘PC’   แรง ๆ ไม่ยุคนี้ได้เลย แต่เราก็อย่าลืมไปว่าการเล่นเกมบน ‘PC’ นั้นมีการพัฒนาตัวเองไปเรื่อย ๆ ต่างกับคอนโซลที่จะมีระบบภายในตายตัว จึงมีคนคาดการณ์ว่าตัว ‘Steam Deck’ จะมีอายุในตลาดได้ราว ๆ 2 ปีเศษเท่านั้น ก่อนที่สเปกเครื่องนี้จะล้าสมัยจนไม่สามารถเล่นเกมใหม่ ๆ ที่จะวางจำหน่ายได้ในระดับ High ได้ ซึ่งถ้าคุณไม่ใช่สายกราฟิกแต่เล่นในระดับกลาง ๆ ที่ขอให้ลื่นเป็นพอก็สามารถต่ออายุได้ไปอีกหน่อย แต่สุดท้ายคุณก็ต้องซื้อเครื่องใหม่อยู่ดี เพราะทาง ‘Valve’ จะไม่ออกระบบมารองรับเมื่อเครื่องใหม่ออกมา ซึ่งก็คือเรื่องปกติที่เกิดขึ้นในวงการเกมอยู่แล้ว ใครซื้อมาก็เตรียมทำใจเรื่องนี้ไว้ได้เลย

Steam Deck

เวลาในการเล่นกับความร้อนของตัวเครื่อง

Steam Deck

ถ้าใครที่เคยเล่นเกมพกพามาก่อนไม่ว่าจะเป็นสมัยเครื่อง ‘Game Boy’ รุ่นแรก ‘PlayStation Vita’ มาจนถึง ‘Nintendo Switch’ สิ่งที่นักเล่นเกมสายนี้ต้องเจอหลัก ๆ มีอยู่ 2 อย่างนั่นคือเรื่องของความร้อนที่ออกมาจากเครื่อง กับเวลาในการเล่นที่อาจจะไม่มากอย่างที่คิด ยิ่งตัวเครื่อง ‘Steam Deck’ เปรียบได้กับ ‘PC’ แรง ๆ หนึ่งเครื่อง การรันกราฟิกที่หนักเทียบเท่าเท่า ‘PC’ ทั่วไปที่ก็ร้อนจนแทบทอดไข่ได้ บน ‘Steam Deck’ ก็คงหนีไม่พ้นปัญหานี้ ซึ่งทาง ‘Valve’ ก็ออกมาบอกแล้วว่าตัวเครื่องจะมีพัดลมและช่องระบายความร้อนที่ด้านหลังขนาดใหญ่เพื่อระบายความร้อน(รูปด้านบน) ซึ่งหลายคนที่เล่นเกมพกพาหรือ ‘PC’ มาแล้วจะรู้ว่ามันไม่น่าจะเพียงพอ และนอกจากความร้อนแล้วการรันกราฟิกที่สูงก็จะต้องกินพลังงานเยอะ จนเราอาจจะเล่นเกมที่กราฟิกสูง ๆ ได้แค่ 1 หรือ 2 ชั่วโมงเท่านั้น  ซึ่งมันน้อยมาก ๆ เมื่อเทียบกับ ‘Nintendo Switch’ ที่ถูกสร้างและทำเกมมาเพื่อพกพาโดยเฉพาะ ซึ่งเราก็ทำได้แค่คาดเดาเท่านั้นว่ามันน่าจะเล่นได้ประมาณนี้ เมื่อเปรียบเทียบกับเครื่องเกมพกพาเครื่องอื่นที่เคยออกมา

 ‘Nintendo Switch

เทียบราคาและความคุ้มค่าในการเล่นเกม

Steam Deck

คราวนี้มาดูส่วนสำคัญที่หลายคนจะตัดสินใจซื้อเครื่อง ‘Steam Deck’ คือราคาที่มีถึง 3 แบบตามความจุเครื่อง โดยรุ่นเล็กสุดความจุ 64 GB ราคา 399 เหรียญที่คิดเป็นเงินไทยตอนนี้อยู่ที่ 13,119 บาท รุ่น 256 GB ราคา 529 เหรียญที่เป็นเงินไทยราว ๆ 17,393 บาท และรุ่นใหญ่สุดอย่าง 512 GB ราคาอยู่ที่ 649 เหรียญที่เป็นเงินไทย 21,339 บาท ขณะที่เครื่อง ‘Nintendo switch’ ตอนนี้อยู่ที่ราว ๆ 6,000 กว่าบาทโดยประมาณ ส่วน ‘Playstation 5’ ขวัญใจประชาชนอยู่ที่รุ่น Digital Edition ราคาอยู่ที่ 13,990 บาท ส่วนรุ่นใส่แผ่น Ultra HD Blu-ray ขายในราคา 16,990 บาท ที่ถ้ามองในแง่ของตัวเกมของทั้ง 3 เครื่อง ‘Steam Deck’ และ ‘Playstation 5’ คุ้มค่าสุดเพราะเอาเกมเก่ามาเล่นได้ ดังนั้นถ้าคุณมี ‘PC’ อยู่แล้วและเลือกได้แค่เครื่องเดียว ‘Playstation 5’ ดูจะคุ้มค่ากว่าที่จะซื้อเครื่องเกม ‘PC’ พกพาที่เล่นข้างนอกได้จริง ๆ ไม่กี่ชั่วโมง และอย่าลืมว่าความจุเครื่องเพียง 64 GB มันไม่เพียงพอที่จะใส่เกมยุคนี้ ดังนั้นการเสียเงินเพื่อซื้ออุปกรณ์เพิ่มก็ต้องมีแน่นอน นั่นยิ่งเป็นการบวกเงินเข้าไปอีก เมื่อเป็นแบบนั้นสู้นั่งเล่นบน ‘PC’ อยู่บ้านหรือซื้อ ‘Playstation 5’ จะคุ้มค่ากว่า นี่ยังไม่นับการขาดตลาดที่ต้องถูกบวกราคาขึ้นไปอีกหลายเท่า ใครที่จะซื้อเตรียมเงินได้เลยว่าต้องจ่ายแพงกว่าราคาปกติแน่ ๆ

 ‘Playstation 5’

เกมที่ออกมาบน Steam Deck ก็คือเกม PC ทั่วไปเมื่อเทียบกับ PlayStation 5 มาจนถึง Nintendo Switch

Nintendo Switch

ต่อเนื่องจากหัวข้อที่แล้วเกี่ยวกับตัวเครื่อง ‘Steam Deck’ ที่มันก็คือเกมบน ‘PC’ ที่เราสามารถเล่นเกมได้ทั่วไป และเครื่อง ‘Nintendo Switch’ ก็พ่ายแพ้หมดรูปเมื่อเทียบกับ ‘Steam Deck’ ที่เอามาเล่นเกมฟรีกับเกมลดราคาเพียงหลักร้อยก็คุ้มค่าแล้ว แต่สิ่งที่ ‘Nintendo Switch’ มีแต่ ‘Steam Deck’ ไม่มีนั่นคือเกมประจำเครื่องที่เรียกว่าเป็นจุดเด่นที่ทำให้ ‘Nintendo Switch’ อยู่เหนือแม้แต่ ‘PlayStation 5’ เพราะหลายเกมบนเครื่องนี้ก็เริ่มทยอยลงบน ‘PC’ ขณะที่เกมของ ‘Nintendo’ คุณไม่สามารถหาเล่นได้จากเครื่องอื่น นอกจากนี้ก็ยังมีอีกหลายเกมที่มีเฉพาะเครื่อง ‘Nintendo Switch’ ที่คุณสามารถเอามาเล่นได้ไปอีกนานเมื่อเทียบกับ ‘Steam Deck’ ที่อาจจะมีอายุได้แค่ 2 ปีเป็นอย่างต่ำ และเชื่อเถอะว่าถ้า ‘Nintendo’ ไม่เจ๋งจริงคงอยู่ในตลาดไม่นานขนาดนี้หรอก จนหลายคนต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าซื้อ ‘Nintendo Switch’ เพื่อเล่นเกมของ ‘Nintendo’ อย่างเดียวก็คุ้มแล้ว

Nintendo Switch

อดีตที่เคยผ่านมาของ Valve กับวงการเกม

Steam Machine

ปิดท้ายกับเรื่องราวในอดีตเมื่อราว ๆ ปี 2013 ทาง ‘Valve’ ได้เปิดตัวเครื่องเกมคอนโซลตัวใหม่ของตัวเองขึ้นมาในชื่อ ‘Steam Machine’ เครื่องเกมที่สามารถเล่นเกมบน ‘Steam’ ได้หมด ซึ่งในตอนนั้นมันได้สร้างความตื่นเต้นให้กับผู้คน แต่กว่าที่เครื่อง ‘Steam Machine’ จะวางจำหน่ายก็อีกสองปีต่อมา แถมด้วยความจุกจิกยุ่งยากที่แทบจะทำอะไรไม่ได้เล่นนอกจากการเล่นเกมบน ‘Steam’ อย่างเดียว จนหลายคนคิดว่าถ้าแบบนั้นสู้ซื้อ ‘PC’ มาเล่นไม่ดีกว่าหรอราคาถูกกว่าด้วย เครื่อง ‘Steam Machine’ จึงหายไปจากตลาดอย่างรวดเร็ว แต่ก็ยังเหลือ ‘Steam Controller’ ให้ดูต่างหน้า ที่สุดท้ายแล้วมันก็ใช้งานได้แย่เมื่อเทียบ ‘X-Box Controller’ ที่หลายคนคุ้นเคย และด้วยประสบการณ์แย่ ๆ เหล่านั้นจึงทำให้ทาง ‘Valve’ ปรับตัว ซึ่งเราก็หวังว่าเครื่อง ‘Steam Deck’ จะไม่ต้นดีแต่แผ่วปลายเหมือนรุ่นพี่ก็พอ

Steam Controller

ก็จบกันไปแล้วกับเหตุผลที่คุณควรและไม่ควรซื้อเครื่อง ‘Steam Deck’ โดยข้อมูลที่เราหยิบมาพูดถึงเกี่ยวกับ ‘Steam Deck’ นั้นเป็นเพียงแค่การคาดเดาจากสิ่งที่น่าจะเกิดขึ้นเท่านั้น เพราะตัวเครื่องจริง ๆ ยังไม่วางจำหน่าย แถมคนที่ได้เล่นเครื่องนี้ก็ยังไม่มากพอที่จะบอกข้อดีข้อเสียได้แบบ 100% แต่จากประสบการณ์และสิ่งที่นักเล่นเกมทั่วโลกเคยพบมา ทุกคนจึงคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้น ซึ่งอ่านมาถึงตรงนี้คุณผู้อ่านก็ควรจะตัดสินใจได้แล้วว่าจะเก็บเงินซื้อ ‘Steam Deck’ หรือไม่ขึ้นอยู่กับคุณ เพราะจะซื้อหรือไม่ก็ไม่มีถูกหรือผิด เพราะมันคือความสุขของเรา และถ้าขาดเหตุผลใดไปก็ขออภัยมาด้วย ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรในวงการเกมก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส