จดจำได้ดีว่าวันที่ 20 ธันวาคมปีที่แล้วเป็นวันฝันสลายจากการนัดหมายออกทริปปั่นจักรยานทางไกลกับ คุณทรงกลด บางยี่ขัน บรรณาธิการนิตยสารทัศนคติดีอย่าง a day คุณทรงกลดเป็นผู้นำทางความคิดที่หวังเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครเมืองฟ้าอมร(แต่รถติดอิ๊บอ๋าย) ให้เป็นเมืองจักรยาน เฉกเช่น อัมสเตอร์ดัม, ฟุกุโอกะหรือแม้กระทั่งแบบสิงคโปร์ประเทศไซส์เล็กแต่ตัวโตที่อะไรๆ ในประเทศนี้ก็ดูจะไปดีเพรียบพร้อมไปซะทั้งหมด คุณทรงกลดเคยไปทดลองปั่นด้วยตัวเองและบันทึกการเดินทางผ่าน Main Course ของ a day หลายครั้งหลายครา ผมอ่านแล้วก็อิน พยายามใช้จักรยานแทนรถยนต์ในวันหยุดนักขัตฤกษ์ ถือว่าได้โอกาสทั้งลดภาวะโลกร้อนและสร้างเสริมสุขภาพไปในตัว

คุณทรงกลดประกาศชวนผู้อ่านไปสนุกด้วยกับเขาเพื่อพิชิตเป้าหมายสำคัญคือ “ปั่นจักรยานรอบเกาะสิงคโปร์เป็นระยะทาง 128 กม.” ถือเป็นกิจกรรมที่ท้าทายพิธีกรอ้วนผู้ผันตัวมาเอาดีทางหล่อบ้างแบบผม แต่ครั้งนั้นผมไม่ได้ไปเพราะติดกิจกรรมครอบครัว จึงเก็บความตั้งใจไว้ว่ามีโอกาสเมื่อไหร่ ต้องไปทำให้ได้บ้างสักครั้ง …

วันศุกร์ที่14กุมภาพันธ์ที่ผ่านมาจึงสบโอกาสเมื่อเพื่อนสายวู่วามของผม 1 คณะเล็กที่คบหากันสนิทใจจากการร่วมร่ำเรียนที่สถาบันพระปกเกล้า (หลักสูตร ปนป.รุ่น2) ตอบรับการมาร่วมทริปปั่นอัน (คาดว่า)แสนสนุก ..ผมจัดแจงดาวน์โหลดแผนที่เส้นทางปั่น 128 กม.จากบริการ MapMyRide ลงสมาร์ทโฟนโดยได้รับการปฐมนิเทศจากคุณทรงกลด เราออกเดินทางกันเย็นวันพฤหัสท่ามกลางคำถามสงสัยจากหลายคนว่า “วิธีขนจักรยานขึ้นเครื่องบินทำอย่างไร” และ “เสียเงินเพิ่มหรือไม่?” บอกให้ง่ายๆ ตามนี้ครับ

  1. ให้คุณไปซื้อกระเป๋าใส่จักรยานแบบ “แข็งแรง” ตามแบบที่ชอบเลยครับ มีตั้งแต่ชนิดผ้าไปจนถึง Hardcase แบบกระเป๋าเดินทาง แบบถูกและดีที่ผมแนะนำเป็นฟิวเจอร์บอร์ดพับเป็นกล่องและหุ้มด้วยผ้าราคา 3,500 บาท ไทยทำไทยใช้ไทยเจริญ หาซื้อได้ตามร้านจักรยานใหญ่ๆ (ผมซื้อที่ร้าน “Cycle Square” พระราม3 ตรงข้ามแบงค์กรุงศรีฯสำนักงานใหญ่)
  2. ถอด 4 ถอดเพื่อยัดลงกล่อง : ถอดล้อหลัง/บันได/อาน/แฮนด์ เพียงเท่านี้จบเลย อย่าลืมเอาอุปกรณ์ถอดอย่าง “หกเหลี่ยม” และ “ประแจ” ไปด้วยเพื่อประกอบคืน และถอดบรรจุกล่องอีกครั้งเมื่อเดินทางกลับประเทศ
  3. ไปเช็กอินพร้อมกระเป๋าเดินทาง หากน้ำหนักไม่เกินพิกัดของคุณไม่ต้องจ่ายอะไรเพิ่มครับ เขาจะแนะนำให้คุณไปส่งกล่องจักรยานที่ช่อง “Oversized Baggage”
  4. เมื่อถึงปลายทาง คุณก็เพียงไปรับที่จุด “Oversized Baggage” คำเดิมเลย (อยู่ข้างๆสายพานใดสายพานหนึ่ง)
  5. แท็กซี่ที่ขนกล่องจักรยานได้ ต้องเป็นแท็กซี่ประเภท VAN (ในสิงคโปร์จ่ายเพิ่ม 8เหรียญจากราคามิเตอร์)
  6. เมื่อถึงโรงแรม คุณฝากเค้าไว้ที่ Store ของพนักงานคอนเซียสหน้าโรงแรมได้เลยครับ(หากคุณนำจักรยานไปปั่นต่างประเทศ นอนโรงแรม4-5ดาวไปเลยครับ เขาจะบริการคุณอย่างเต็มที่ ..อย่าไปเสียดาย คุณจะได้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่จริงครับ ต่างจากเที่ยวแบบกรุ๊ปทัวร์มากนักครับ)
  7. อุปกรณ์อำนวยความสะดวกเอาไปให้พร้อม! : การปั่นจักรยานยุคใหม่นี้ “GPS Navigator” คุณต้องมีครับ ไม่มี”เจื่อนแน่” อยู่ต่างบ้านต่างเมืองจะให้มามัวอ่านป้ายคงไม่เวิร์คและคุณคงไม่กล้าไปไหนไกล

..ในทีนี้สำหรับ GPS Navigator คุณจะซื้อแบบตัวเป็นๆอย่าง “Garmin 810 Edge” เลยหรือจะเป็น “App” มาลงในสมาร์ทโฟนก็ได้ ซึ่งผมแนะนำ “Runtastic Road Bike Pro” และ “MapMyRide” ครับ ทั้งคู่ซื้อตัวเสียตังค์ได้เลยเพราะดีกว่ามาก มีฟังค์ชั่นเพิ่มเพียบแถมให้เพื่อนติดตามดูชีวิตการปั่นของคุณบนแผนที่ได้ด้วย ทั้งนี้เพื่อป้องกันสมาร์ทโฟนคุณตกแตกจากการปั่นคุณต้องหาเคสชนิดติดตั้งกับตัวรถ ปัจจุบันสินค้าเหล่านี้เข้าไทยแล้วโดยคุณเสถียร บุญมานันท์ Neolution นำเข้าอุปกรณ์เสริมแอป “Runtastic” ครับ มีหลากหลายชนิดมาก จะหาโอกาสรีวิวในโอกาสถัดไป …แต่การใช้สมาร์ทโฟนนำทาง คุณต้องมั่นใจว่า”แบตคุณอึดพอกับระยะปั่น” คุณจึงจำเป็นต้องมี “แบตสำรองแบบบางๆพกไปด้วยอีกก้อน(หาซื้อได้ที่ร้านพี่หลาม สยามฯซอยบายพาส) ทริปสิงคโปร์นี้ผมใช้ความยาวทริปไป 9ชั่วโมง32นาที แบตสำรองเอาอยู่แบบหวุดหวิดครับ

1900048_10151900241546976_1059616913_n

เล่าต่อถึงทริปปั่นโหด”รอบประเทศสิงคโปร์”กันต่อ ผมนัดหมายการปั่นไว้ 16.00น โดยมีกัน3หน่อ ผม,พี่มิตต์ ประธานรุ่นปนป.2 และออยสาวใจสู้ผู้ไม่มีประสบการณ์ปั่นมาก่อน ..ดีที่ได้ “คุณจิ๊ง” หนุ่มวิศวะผู้ทำงานครบ3ปีพอดีในสิงคโปร์ นัดหมายผ่าน Facebook ได้ในวันนั้นและอาสามานำปั่นให้ จิตใจดี มีความรู้รอบด้าน และน่ารักกับพวกเรามากครับ เราออกเดินทางจากโรงแรมโฟว์ซีซั่นส์ว.5 ใกล้ๆ Orchard ปั่นกินลมวอร์มๆผ่าน Landmark สำคัญๆของเมืองและเริ่มต้นเส้นทางยาวกันที่หน้าโรงแรมเก่าแก่ The Fullerton .. เราวนย้อนเข็มนาฬิกาบนแผนที่ประเทศสิงคโปร์ ..จากประเทศขนาดเล็กเท่าหัวไม้ขีดบนแผนที่โลก กลับกลายเป็นดินแดนสุดแสนกว้างใหญ่ไพศาล เหตุเพราะมนุษย์อย่างพวกเรามันตัวเล็กนิดเดียวแต่หาญกล้าจะสู้โลก สิงคโปร์ที่เราว่าเคยรู้จักแล้วกลับมีภาพใหม่ๆให้เราเห็นมากมาย ตั้งแต่ต้นไม้ที่ร่มรื่นไปจนถึงถิ่นที่แห้งๆแล้งๆรถบรรทุกวิ่งขวักไขว่, ฟาร์มแพะ, ฟาร์มผัก (ใครว่าประเทศนี้ไม่มี) ป่า, อุทยานแห่งชาติ และยังมีสุสานที่เรียงรายราวรวมมิตร จีน ฝรั่ง แขก ..แต่เส้นทางทั้งหมดอยู่ใต้”แสงไฟที่สว่างจ้า”ปลอดภัยเป็นอย่างมากครับ ..ภัยเดียวที่คุณต้องกลัวคือ “ก้อนกรวด” ตามชานเมืองเพราะหากเจาะล้อคุณแตกแล้วคงหมดสนุกเลยล่ะ

1891079_10151900472236976_1797346441_n

เวลาผ่านไปนานมากจาก4โมงถึง4ทุ่มครึ่ง ทำให้ผมเข้าใจว่าเราน่าจะผ่าน”ครึ่งประเทศ”ได้แล้ว พอซูมแผนที่ออกมาดูอีกที “ยังไม่ถึงครึ่ง” โอ้วแม่เจ้า!! นาทีนั้น “ออย” สาวรักโลมาแต่ใจรักสนุกทุกคราขอบอกลาพวกเราอย่างมุ่งมั่นว่า “ออยไปต่อไม่ไหวแล้ว” เราเรียกแท็กซี่ให้เธอพร้อมถอดล้อยกเข้าไปเก็บยังเบาะหลัง เธอเก่งมากที่มาไกลกับเราได้ถึง60กม.แต่เธอเก่งกว่าที่เธอรู้ลิมิตตนเอง … Fantastic4 อย่างพวกเราลดไซส์ชาวคณะเหลือ3 …หลังจากนั้นอีก 1ชม. หนุ่ม”จิ๊ง”ผู้ใจดีก็ถึงเวลาต้องบอกศาลาเนื่องจากคุณแม่ตามกลับบ้าน “เฮ้ย! เหมือนสมัยเด็กๆเลยอ่ะ” การไปของจิ๊งต่างจากออย จิ๊งไม่ได้เรียกแท็กซี่แต่เลี้ยวตัดลงสู่เมือง ..ถนนในสิงคโปร์ออกแบบไว้ดีมากครับ เส้นทางรอบๆขอบประเทศจะลิงค์กับถนนย่อยๆตัดลงสู่เมืองได้ทุกเมื่อ ..การปั่นรอบประเทศสามารถจบลงสั้นได้ถ้าแรงกายใจคุณไม่ไหวอีกต่อไป … ถึงตอนนี้ก็เหลือผมและพี่มิตต์ชายชาติทหารเพียง2หน่อ .. เราปั่นกันต่ออย่างไกลๆมากๆ การปั่นนอกประเทศมีข้อดีคือได้เรียนรู้และเห็นแต่สิ่งแปลกใหม่ไม่เบื่อ แต่ภายใต้ความแปลกใหม่คือการ”เดาจุดหมายไม่ออกว่ามันอีกนานแค่ไหนกัน” ด้วยเหตุที่เราไม่เคยเห็นมันมาก่อนนี่แหละ

oilback

ผมปั่นจนหมดความรู้สึกขา เหมือนขามันไม่ใช่ขาของตัวเอง มันปวด มันล้า มันเหมื่อยที่สุดในชีวิต แต่เป้าหมายก็เหมือนมาไม่ถึงเสียที เราสู้กับความเงียบของท้องถนนที่โล่งเหลือเกิน ..ในหัวแอบคิดว่า “ตัดเส้นทางลงสู่เมืองบ้างดีไหมนะ” แต่ก็รีบลบความคิดนั้นออก เพราะ”ตั้งใจมาแล้ว ก็ต้องให้สำเร็จสิ!” ..ภูมิประเทศสิงคโปร์มีเนินสูงต่ำ เจอเนินสูงเหมือนไหร่อยากหยุดแล้วนอนลงไปตายเดี๋ยวนั้น แต่ก็เหมือนกราฟชีวิตคนมีปั่นขึ้นก็ต้องมีปั่นลง ไอ้ตอนลงนี่”สุขชะมัด!”

1604638_10151900472426976_1488933841_n

คืนที่เราปั่นกันคือวันวาเลนไทน์ แน่นอนว่าเราเห็นวัยรุ่นสิงคโปร์ออกมานั่งพรอดรักกันมากมาย เห็นแก็งค์อันธพาลออกมาสังสรรค์กันตามขอบถนน แต่น่าแปลกใจที่ตลอดเส้นทางไม่มีแม้แต่แก็งค์รถแข่งก่อกวนเมือง ทั้งๆที่ถนนโล่งมาก นั่นแปลว่า “กฎหมายเขาศักดิ์สิทธิ์”

map

…และในที่สุดเวลาราวตี2ครึ่ง เราก็”จบรอบ”ประเทศสิงคโปร์ได้ดังใจหวัง ผมกับพี่มิตต์กอดกันดีใจที่หน้าโรงแรม ผมเบะหน้าอาการคล้ายคนจะร้องไห้เพราะความปิติ เป็นการออกกำลังกายครั้งที่หนักที่สุดในชีวิต ไม่เคยออกกำลังกายครั้งใดแล้วเครื่องแจ้งว่าใช้พลังงานไปมากถึง 2,855กิโลแคลเลอรี่ ขอบคุณตัวเองและพี่มิตต์ที่ไม่คิดล้มเลิกทั้งๆที่ร่างกายไม่สู้แล้ว ถอดเสื้อผ้าออกมาขี้ไคลกระจายเต็มตัว ร่างกายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ แต่เชื่อไหมว่าบาดเจ็บเจียนตายแต่”นอนหนึ่งตื่น”ก็หายได้ No Pain No Gain นี่คือการออกแบบมนุษย์ของพระเจ้า …

runtastic

ปล.ผมคาดกล้องจิ๋ว Liquid Image สะเทินน้ำสะเทินบกไว้ที่อกตลอดระยะเวลาการปั่นครับ คุณผู้ชมจะได้เห็นภาพชัดๆเต็มตาในรายการแบไต๋ไฮเทคเร็วๆนี้ ขอบคุณร้านเกดเจ็ต Gizman ณ แมงป่อง ด้วยครับสำหรับอุปกรณ์ที่คุณภาพดีมากๆ ท้าชิงบัลลังค์กล้อง Go Pro ได้เลยนะ!

gizman

…………………………………

(หมายเหตุ เอาชนะใจตนด้วยการปั่นจักรยานรอบประเทศสิงคโปร์ (พร้อมข้อชี้ชวนให้คุณลองบ้างนะ) : คอลัมน์ หนุ่ยรู้โลกรู้ โดย… พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ )

ภารกิจปั่นพิชิตรอบเกาะสิงค์โปร์ 146 กิโลเมตร ของหนุ่ย พงศ์สุข

ที่มา : คมชัดลึก