Play video


Taipei Game Show 2019 มหกรรมเกม ณ นครไทเป แห่งประเทศไต้หวันนั้น แบไต๋และสื่อเกมอีกสองเจ้าในไทยอย่าง Gaming Dose และ Thaigamewiki ได้รับเกียรติจากทาง Ubisoft ในการร่วมทดลอง “Far Cry New Dawn” เกมภาคล่าสุดในรูปแบบ Spin-Off ของแฟรนไชส์ Far Cry ที่ยกระดับความไกลโพ้นเข้าไปอีกขั้น ด้วยธีมโลกหลังภัยพิบัตที่สืบเนื่องมาจากเหตุการณ์ส่งท้ายในเนื้อเรื่องหลักภาคที่ 5

ผู้เขียนบทความนี้กำลังเมามันส์กับ Far Cry New Dawn!

ซึ่งจากหลังจากที่เราได้สัมผัสนั้น ก็ต้องขอบอกเลยละครับว่าตัวเกม “มีหลายแง่มุมที่น่าสนใจ และอาจจะกลายเป็นประเด็นนำมาถกเถียงขึ้นมาได้เลยทีเดียว” แต่มันจะเป็นอะไร เชิญติดตามได้ในบทความนี้ได้เลยครับ


โลกหลังนิวเคลียร์ที่ “สวยงาม”

ทำไมโลกหลังนิวเคลียร์ถล่มถึงยังคงสวยงามอยู่? คำถามที่ใครหลายคนอาจเกิดความฉงนขึ้น เมื่อได้เห็นถึงสภาพแวดล้อมและงานภาพในเกมภาคนี้ ซึ่งหากเราเอาคำตอบจากตัวเกมเลย ก็จะมีเหตุผลรองรับว่าเหตุการณ์ในเกมภาคนี้เป็นระยะเวลา 17 ปีถัดไปนับจากภาคที่ 5

แต่อีกคำตอบหนึ่งก็คงจะเป็นเรื่องของ “คอนเซปต์ที่แฟรนไชส์ Far Cry วางไว้ชัดเจนมาตั้งแต่ในภาคแรก” นั่นคือการที่ผู้เล่นจะได้โยนเข้าไปยังโลกที่เต็มไปด้วยโลกทัศน์สวยงามและวิจริต ทั้งหมู่เกาะ, ทวีปแอฟริกา, โลกก่อนคริสศักราช, ดาวเคราะห์อื่น, รัฐที่ห่างไกลผู้คน มาจนถึงคราวล่าสุดนี้อย่างโลกหลังภัยพิบัติ และไม่ว่าจะเป็นอะไรต่อผู้เขียนเชื่อเลยว่าในท้ายที่สุดแล้วมันจะต้องเป็นที่ที่มีสภาพแวดล้อมสวยงามมากพอจนตรึงให้ผู้เล่นติดอยู่ในโลกของเกม

และใน Far Cry New Dawn นั้น ก็ยังคงมีองค์ประกอบที่กล่าวไปยืนพื้นอยู่ในเกมเช่นเดิม แต่เพิ่มเติมเข้ามาคืองานดีไซน์ของเกมที่ทำออกมาได้สวยงามและจัดจ้านเป็นอย่างมาก เราจะได้เห็นดงหญ้าเจริญพันธุ์และดอกไม้สีชมพูสดงอกงามตามสิ่งก่อสร้างต่างๆ, เหล่าแม่น้ำลำธาร ภูเขา ท้องฟ้า วิวทิวทิศน์อีกมากมายที่ยังคงไว้ซึ่งความสมบูรณ์ของตัวเอง

องค์ประกอบ RPG ที่ชัดเจนมากกว่าครั้งไหนๆ

รับกันได้ไหม? โจมตีแล้วมีตัวเลขขึ้น

นี่อาจจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ที่สุดของแฟรนไชส์นี้เลยก็เป็นได้ เพราะตัวเกมได้ทำให้องค์ประกอบของความเป็น RPG ที่มีมาตั้งแต่ในภาคที่ 3 เข้ามามีบทบาทในการเล่นมากขึ้นในภาคนี้ โดยทักษะความแม่นยำจะไม่ใช่ปัจจัยหลักในการจัดการศัตรูเพียงอย่างเดียวอีกต่อไป เพราะจะมีเรื่องของ ความแรงและประเภทของอาวุธ, ระดับของศัตรู ฯลฯ ที่จะมาทำให้จังหวะการต่อสู้นั้นเปลี่ยนไปทำให้เราต้องยิงอัดกระสุนใส่ศัตรูหนึ่งตัวหลายนัด การยิงเข้าที่หัวจะไม่ตายในนัดเดียวแต่จะถูกเปลี่ยนให้เป็นคริติคอลช็อตแทน (เกมเมอร์สายตรรกะคงจะรู้สึกผิดใจในส่วนนี้น่าดู)

แต่กระนั้นตัวเกมก็ยังคงมีระบบลอบเร้นเป็นทางเลือกในการเล่นอยู่เช่นเดิม แต่จะมีเรื่องของ Perk เข้ามาเป็นตัวกำหนดไม่ให้ผู้เล่นได้เปรียบศัตรูเร็วหรือช้าจนเกินไปด้วยการที่เราต้องใช้แต้มสกิลที่เยอะกว่าทักษะทั่วไปในการปลดล็อคออกมา

ถือของได้เยอะขึ้น, ถืออาวุธระยะประชิดได้มากขึ้น, แท็กศัตรูได้ไวขึ้น ฯลฯ ซึ่งเราไม่สามารถเก่งได้แบบก้าวกระโดดด้วย Perk เหล่านี้แน่นอน

และหากจะให้พูดถึงภาพรวมของความสามารถที่เราได้จาก Perk ในภาคนี้ โดยมากแล้วทักษะส่วนใหญ่จะไม่ได้ทำให้เราเก่งจนก้าวกระโดดเป็นมหาเทพทุกด้านเหมือนในภาคที่ 3 – 4 แต่จะเป็นการช่วยเหลือให้ผู้เล่นพร้อมรับมือกับสถานการณ์ต่างๆ ได้ยืดหยุ่น เช่น สามารถพกอาวุธและกระสุนต่างๆ ได้มากขึ้น, ปลดล็อคตู้เซฟตามทาง, เพิ่มระยะและความเร็วในการแท็กศัตรูด้วยกล้องส่องทางไกล, ลดทอนความเสียหายจากการตกลงพื้นจากการล่อน Wingsuit เป็นต้น 

อีกหนึ่งสิ่งที่องค์ประกอบ RPG เข้ามามีบทบาทในภาคนี้คือ “ระบบคราฟต์” ที่กว่า 90% ของทุกอย่างในเกมจะใช้การอัปเกรดด้วยทรัพยากรที่ผู้เล่นสามารถหาได้จากการเล่นทั้งสิ้น ซึ่งสิ่งที่ได้จากการอัปเกรดนั้น ก็จะช่วยส่งเสริมการเล่นให้กับเราโดยตรง ทั้งการเพิ่มหลอดพลังชีวิตให้มากขึ้น, เพิ่มสมรรถภาพของชุดปฐมพยาบาล, ปลดล็อคการสร้างอาวุธใหม่ๆ เพื่อที่จะได้หาวัตถุดิบมาสร้างอีกที (ช่างเป็นวงจรที่…)


เปิดใจให้กว้างๆ และลองรอสัมผัสดู

จากที่ผู้เขียนได้ทดลองก็ต้องขอบอกตรงๆ ว่า Far Cry New Dawn ทำออกมาได้น่าประทับใจนะ คือโชคดีที่ผู้เขียนไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไรกับองค์ประกอบ RPG ที่ตัวเกมเพิ่มเข้ามา ส่วนหนึ่งอาจะเป็นเพราะในปัจจุบันเกมไตเติลใหญ่ๆ ทั้งหลายต่างก็เพิ่มเสริมองค์ประกอบนี้กันเข้าไปทั้งนั้น และผลที่ได้ก็ออกมาเป็นความสนุกที่เราจะได้เห็นตัวละครของตนเองพัฒนาและเติบโต (Progression) จากเริ่มต้นด้วยการตะเกียดตะกายรับมือทุกอย่างจนในที่สุดก็ได้ปีกกล้าขาแข็ง นี่แหล่ะคือความสนุกของ RPG

แต่ทั้งนี้ก่อนจะถึงวันวางจำหน่ายนั้น Far Cry New Dawn จะมีสิ่งใดที่ปรับเปลี่ยน หรือเพิ่มเสริมเข้ามาอีกหรือไม่ ก็คงต้องรอติดตามกันต่อไปในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2019 ที่จะถึงนี้แล้วล่ะครับ