เมื่อพูดถึงวีดีโอเกมในยุคแรกๆ สมัยที่เครื่องเกมยังเป็นเพียงเม็ดพิคเซลสีๆ กับรูปแบบการเล่นง่ายๆที่ไม่ซับซ้อน นักพัฒนาเกมในยุคนั้นก็ยังคงใส่ใจกับเรื่องราวต่างๆในเกม ให้มีเนื้อเรื่องมีที่มาที่ไป ไม่ใช่เพียงแค่เกมที่เปิดมาแล้วเล่นๆกันไป แต่เนื่องจากความจุและข้อจำกัดต่างๆของเทคโนโลยีในยุคนั้น จึงไม่สามารถสร้างเรื่องราวที่ซับซ้อนได้ บวกกับมุมมองของคนในยุคนั้น ที่มองว่าวีดีโอเกมคือสิ่งไร้สาระ ที่ไม่ต้องไปเครียดหรือจริงจังกับมันมาก ตัวเกมต่างๆจึงสร้างมาแบบง่ายๆ เช่นไปช่วยเจ้าหญิงบุกทำลายเอเลี่ยน แต่ในยุคหลังๆวีดีโอเกมเริ่มมีวิวัฒนาการมากขึ้น และมีกราฟิกเนื้อเรื่องที่อาจจะดีกว่าหนังหลายๆ เรื่อง คนเขียนบทจึงใส่ใจในรายละเอียดของเรื่องราวในเกมมากขึ้น และคำพูดบางคำบางประโยคของตัวละครก็อาจจะแฝงเรื่องราวต่างๆเอาไว้ เรามาดูกันว่ามีคำพูดไหนบทพูดอะไรที่แฝงเรื่องราวเอาไว้บ้าง อ่านแล้วจะได้แง่คิดต่างมาใช้ได้บ้าง

Boy…จากเกม God Of War

เริ่มต้นประโยคแรกกับเกมดังขึ้นหิ้งระดับตำนาน ที่ชาวเกมเมอร์ต้องรู้จักกันเป็นอย่างดี กับ God Of War ที่ภาคล่าสุดยังคงสานต่อเรื่องราวจากภาค 3 ที่จบลงไปแบบค้างๆคาๆในตอนนั้นว่า Kratos จะเป็นอย่างไรต่อไป ตอนนี้ทุกคนคงจะทราบคำตอบกันไปแล้ว และในภาคล่าสุดของ God Of War ตัวเกมก็ได้เพิ่มตัวละครใหม่ที่เป็นลูกชายของ Kratos ที่ชื่อว่า Atreus แต่ตัวของ Kratos กลับเรียกลูกชายตัวเองสั้นๆว่า Boy ซึ่งดูจากภายนอกแล้วมันช่างดูห้วนๆ แถมยังดูตลกไปเสียด้วยซ้ำ เมื่อพ่อคนหนึ่งไม่เรียกชื่อลูกชายตัวเอง แต่กลับเรียกว่า Boy ที่ดูแล้วก็ไม่มีอะไรในนั้น เพราะการเรียกแบบนี้ก็สื่อถึงนิสัยหยาบกระด้างของ Kratos ได้เช่นกัน แต่ความจริงแล้วประโยคสั้นๆประโยคนี้ ได้ซ่อนอะไรไว้มากมายกว่าที่คุณคิด

ก่อนจะไปถึงตรงนั้น เราขอย้อนกลับไปที่ภาพยนตร์เรื่อง Bird Box ที่ฉายทาง Netflix ที่กล่าวถึงหญิงสาวกับเด็กชายหญิงสามคน ที่ต้องปิดตาตัวเองระหว่างเดินทางไปยังสถานที่หนึ่ง  ซึ่งในเรื่องนั้นตัวของ Malorie Hayes ที่แสดงโดย Sandra Bullock เรียกเด็กทั้งสองคนว่า Boy และ Girl แบบเดียวกับ Kratos เรียกลูกชายตัวเอง ซึ่งการที่ตัวละครผู้เป็นพ่อแม่เรียกลูกแบบนี้แทนการเรียกชื่อ ก็เพราะพวกเขาพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้รู้สึกผู้พันกับสิ่งที่ตัวเองรัก ยกตัวอย่างเวลาคุณรักอะไรขึ้นมา คุณจะตั้งชื่อให้สิ่งๆ นั้นไม่ว่าจะเป็นคนหรือสิ่งของ และเมื่อมันตายหรือสูญหาย คุณจะรู้สึกเสียใจ  Kratos กับ Malorie ก็เช่นกัน ที่ชีวิตของทั้งคู่สูญเสียคนรักมาตลอดเวลา เมื่อเริ่มจะมีความรู้สึกผูกพันครั้งใหม่ จึงพยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้รัก จิตใจเลยสร้างกำแพงขึ้นมาด้วยการเรียกอย่างอื่นแทนชื่อ เพื่อป้องกันจิตใจตนเองให้ให้เสียใจเมื่อต้องสูญเสีย และเชื่อเถอะว่าที่ Kratos ทำแบบนั้นตัวเองก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ

You Know, As Bad As Those Things Are, At Least They’re Predictable. It’s The Normal People That Scare Me จากเกม The Last of Us

You Know, As Bad As Those Things Are, At Least They’re Predictable. It’s The Normal People That Scare Me คือประโยคหนึ่งในเกม The Last of Us ที่ Bill ชายผู้อยู่เพียงลำพังในเมืองลินคอล์น ที่มีประชากรติดเชื้อซอมบี้หัวเห็ดจำนวนมากผิดปกติ ซึ่งตัวของ Bill นั้นจัดเป็นหนึ่งในคนดีและเพื่อนที่หาได้ยาก ในโลกที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ฆ่ากันเองเพื่อแย่งอาหาร ซึ่งเขาเป็นคนที่ยื่นมือมาช่วย joel และ Ellie จากฝูงซอมบี้หัวเห็ด ซึ่งหนึ่งในประโยคที่ Bill บอกกับ joel และ Ellie นั่นคือ นายรู้ไหมว่าสิ่งเลวร้ายต่างๆ ข้างนอกอย่างน้อยเราก็คาดเดามันได้ แต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือคนกันเองที่ทำให้ฉันกลัว

สำหรับคนที่เล่นเกม The Last of Us หรือดูหนังแนวโลกล่มสลายเพราะซอมบี้ หรือภัยพิบัติต่างๆคงจะทราบดีว่า เมื่อทุกอย่างพังพินาศอาหารน้ำ และทุกอย่างต้องแก่งแย่งชิงกันเพื่อความอยู่รอด กฎระเบียบต่างๆ ในสังคมที่เคยมีก็ถูกทำลาย ผู้คนจึงไม่สนใจอะไรทั้งนั้นนอกจากให้ตัวเองมีชีวิตรอด ไม่ว่าจะฆ่า หลอกล่อแย่งชิงใช้ทุกอย่างที่มีเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ โดยไม่สนใจว่ามันจะถูกหรือผิด ซึ่งมันน่ากลัวกว่าเหล่าซอมบี้ ที่แม้มันจะน่ากลัวและเลวร้าย แต่เราก็รู้ว่ามันไม่ต้องการอะไรนอกจากอาหารและแพร่เชื้อ ต่างกับคนที่หลอกล่อแก่งแย่งฆ่าฟัน แทนที่จะร่วมมือกัน แต่กลับมาฆ่ากันเอง นั่นคือสิ่งที่ Bill ต้องการสื่อให้เราและผู้เล่นทราบ หรือพูดง่ายๆ ก็คือมนุษย์ด้วยกันเองนี่ละที่น่ากลัวกว่าเหล่าซอมบี้

If our lives are already written, it would take a courageous man to change the script จากเกม Alan Wake

มาต่อกันที่เกมแนวหลอนสยองขวัญที่หลาคนชื่นชอบ อย่าง Alan Wake ที่เรื่องราวจะเกี่ยวกับ Alan Wake นักเขียนนิยายสยองขวัญ ที่ไปพักผ่อนกับภรรยาที่เมือง Bright Falls ในรัฐวอชิงตัน แต่ได้เกิดเรื่องลึกลับขึ้น เมื่อภรรยาของเขาหายตัวไป พร้อมกับเจอสิ่งลึกลับที่น่ากลัว Alan ต้องต่อสู้กับมันด้วยใช้ไฟฉายและปืน เพื่อพาภรรยาของเขากลับมา ตัวเกม Alan Wake จะเป็นแนว Action Adventure ที่มีกลิ่นอายความสยองขวัญของสิ่งที่มองไม่เห็น ซึ่งมันกลัวความสว่างของแสงไฟจากทั้งไฟฉายหรือหลอดไฟ นั่นจึงเป็นสิ่งเดียวที่เขามีในการปราบปีศาจและหาทางช่วยภรรยาตนเอง

ซึ่งภายในเกม Alan Wake จะเล่าถึงตัวของ Alan ที่เป็นนักเขียนนิยายขายดี ภายในเกมจึงต้องมีการพูดถึงบทบาท หรือสิ่งที่เขาต้องทำที่เกี่ยวกับบทบาทในนิยาย ซึ่งภายในเรื่องนี้ Alan ได้พูดออกมาประโยคหนึ่งว่า If our lives are already written, it would take a courageous man to change the script ที่แปลอ้อมๆออกมาได้ว่า ถ้าชีวิตของเราถูกเขียนไปแล้ว มันต้องใช้ความกล้าที่จะเปลี่ยนบท ที่หมายถึง แม้ชีวิตของเราจะถูกกำหนดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ อาจจะจากพ่อแม่ที่คาดหวังในตัวเรา  หรือหน้าที่การงานที่บังคับเราให้ต้องเป็นแบบนั้นแบบนี้ แต่ถ้าเรามีความกล้าที่จะเปลี่ยนสิ่งที่ทำนั้น เราต้องใช้ความกล้ามากๆ เพราะคุณไม่รู้ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปนั้นจะดีหรือแย่ แต่คุณได้เลือกที่เปลี่ยนก็จงกล้าที่จะยอมรับมัน นั่นคือสิ่งที่ตัวเกมต้องการบอก Alan และผู้เล่นเกมให้กล้าที่จะเปลี่ยนแปลงจากสิ่งที่คุณไม่ชอบ

All worlds begin in darkness, and all so end. The heart is no different. Darkness sprouts within it. It grows, consumes it. Such is its nature. In the end, all hearts return to the darkness whence it came. You see, darkness is the heart’s true essence จากเกม Kingdom Hearts

เกมซีรีส์ Kingdom Hearts เป็นเกมที่ดูภายนอกแล้วเหมือนเกมเด็กๆ ที่เล่นได้ทุกเพศทุกวัย ซึ่งเต็มไปด้วยสีสันอันสดใสของตัวละครของ Disney แต่ตัวเนื้อหาและเรื่องราวที่ตัวเกมนี้เล่ากลับตรงกันข้าม เนื้อหาภายในเกม Kingdom Hearts เต็มไปด้วยคำพูดที่เข้าใจยาก  รวมถึงเนื้อหาความซับซ้อนในตัวละคร ที่แสดงออกมาในเนื้อเรื่องที่ถ้าเราจะเอาเรื่องเหล่านี้มาเขียน คงต้องใช้บทความหนึ่งบทกับหน้ากระดาษหลายหน้าในการอธิบาย และหนึ่งในประโยคที่ Darkness บอกกับเราผู้เล่นว่า All worlds begin in darkness, and all so end. The heart is no different. Darkness sprouts within it. It grows, consumes it. Such is its nature. In the end, all hearts return to the darkness whence it came. You see, darkness is the heart’s true essence ที่แปลแบบบ้านๆได้ว่า โลกทั้งโลกเริ่มต้นในความมืดและไม่มีที่สิ้นสุด หัวใจไม่แตกต่างกัน ความมืดจะงอกภายใน มันจะเติบโตกัดกิน และนั่นคือธรรมชาติของมัน ซึ่งในท้ายที่สุดหัวใจทั้งหมดกลับสู่ความมืด เมื่อมันมาถึงคุณเห็นว่าความมืดในหัวใจที่แท้จริงเป็นอย่างไร…

ซึ่งถ้าจะให้เราตีความกับสิ่งที่ Darkness อธิบาย มันก็น่าจะเกี่ยวกับความรักและความมืดมิดในจิตใจของคน ที่ตัวเกมไม่ได้เจาะจงลงไปแค่ในเนื้อเรื่องของเกมเท่านั้น แต่มันหมายถึงเรื่องราวกว้างๆเกี่ยวกับความรักอีกมุมที่คุณคิดไม่ถึง ที่เราพอจะตีความกว้างๆว่า มันน่าจะหมายถึงความรักก็เหมือนโลกทั้งโลกที่เราสร้างขึ้นมา และแน่นอนว่าในแสงสว่างย่อมมีความมืด ความรักก็เช่นกัน ที่ไม่ว่าความรักนั้นจะดีงามขนาดไหน ก็ย่อมมีมุมของความมืดในจิตใจของคนๆนั้นซ่อนอยู่ และมันจะค่อยๆกัดกินความรักอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัวจากหลายๆสิ่งที่เราเจอในชีวิตของความรัก และเมื่อมันกัดกินจนหมด คุณจะมองเห็นความมืดที่ซ่อนอยู่ในความรักนั้น ที่น่าจะหมายถึงความหมดรัก การไม่ได้รับความรักอย่างที่หวังรัก การนอกใจ ความตาย การพลัดพรากจากคนที่รัก รวมถึงข้อจำกัดต่างๆในสังคม ที่เชื่อมโยงกับความรักคนสองคน ที่สุดท้ายคนๆนั้นก็ต้องเลิกกัน นั่นละคือความรักอีกด้านที่เรามักคิดไม่ถึง และมันเป็นมุมของความมืดที่ตรงข้ามกับแสงสว่าง คุณละตีความความรักเป็นแบบไหน

No matter how long you spend climbing out, you can still fall back down in an instant จากเกม Max Payne 2

มากันที่เกมแนวยิ่งสนั่นศพกระจายเต็มพื้น หลายคนคงจะคิดถึงเกมอย่างซีรีส์ Max Payne เป็นอันดับต้นๆ ซึ่งใครที่เคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาแล้ว น่าจะทราบเรื่องราวหลักๆของเกมได้ ว่ามันจะเกี่ยวกับการแก้แค้นและจมอยู่กับอดีต ที่ภรรยาและลูกต้องตาย ซึ่งมันได้ตามหลอกหลอนเขามาตลอดเวลา และมันจะยังคงอยู่ไปตลอดชีวิตของเขา และ Max เรียกเจ้าสิ่งนี้ว่า The Genius of the Hole ที่มีประโยคหนึ่งที่บอกว่า No matter how long you spend climbing out, you can still fall back down in an instant

ที่แปลออกมาได้ว่า ไม่ว่าคุณจะใช้เวลาปีนออกมาจากหลุมไปนานแค่ไหนก็ตาม คุณก็ยังสามารถล้มลงได้ในทันที แปลสั้นๆง่ายๆก็คือ คุณไม่สามารถหนีจากอดีตและตราบาปได้ มันจะติดตัวคุณไปตลอดชีวิต และต่อให้คุณคิดว่าตัวเองเข้มแข็งหรือคิดว่าคุณลืมมันไปแล้วก็ตาม  คุณก็ยังสามารถตกลงไปในหลุมแห่งตราบาปนั้นได้ตลอดเวลา เหมือนกับ Max ที่ต้องทนอยู่กับตราบาปที่ครอบครัวตาย โดยที่ตัวเองทำอะไรไม่ได้ไปตลอดชีวิต ซึ่งคนที่เคยมีตราบาปหรือคิดถึงคนที่จากไป น่าจะเข้าใจความรู้สึกนั้นดี ซึ่งเราคงจะอธิบายเป็นประโยคให้คนที่ไม่เข้าใจรู้ได้ง่ายๆ เพราะมันละเอียดอ่อนและเศร้ามากๆ ลองถามคนที่เป็นดูแล้วคุณจะรู้ว่ามันแย่ขนาดไหน

Stand in the ashes of a trillion dead souls and ask the ghosts if honor matters. Their silence is your answer จากเกม Mass Effect 3

Stand in the ashes of a trillion dead souls and ask the ghosts if honor matters. Their silence is your answer ที่แปลแบบบ้านๆออกมาว่า ยืนอยู่ในกองขี้เถ้าของวิญญาณที่ตายแล้วล้านล้านดวง และถามผีเหล่านั้นเรื่องเกียรติยศว่าสำคัญหรือไม่ ความเงียบของพวกเขาคือคำตอบของคุณ เป็นคำพูดของ Javik มนุษย์ต่างดาวชนเผ่า Prothean ที่เขาคือผู้รอดชีวิตคนสุดท้ายในเกม Mass Effect 3 ที่เป็นเกมแนว Action Role-Playing third-Person Shooter ที่เราจะได้พบกับมนุษย์ต่างดาวหลากหลายสายพันธุ์ ที่เป็นจุดเด่นที่เกมซีรีส์นี้มี ซึ่งตัวละคร Javik คือหนึ่งในตัวละครที่น่าสนใจ เพราะเขาคือชนเผ่าโบราณคนสุดท้ายของเผ่าพันธุ์ ที่ถูกแช่แข็งมากว่า 50,000 ปี  ซึ่งเมื่อเขาฟื้นขึ้นมา Javik ก็มีเพียงเป้าหมายเดียว คือการแก้แค้นพวก Reapers เพื่อแก้แค้นในเผ่าพันธุ์ของตน

และในประโยคที่ว่า Stand in the ashes of a trillion dead souls and ask the ghosts if honor matters. Their silence is your answer นั้นหมายถึงสภาพจิตใจของ Javik ที่ดูเหมือนจะสับสนในสิ่งที่ตัวเองทำและต้องทำ แน่นอนการแก้แค้นพวก Reapers นั้นสำคัญ แต่เขาทำมันคนเดียวไม่ได้ ซึ่งมันคือภาระที่เขาต้องแบก มีดวงวิญญาณเป็นล้านๆดวงของเผ่าพันธุ์ที่รอดูสิ่งที่เขาต้องทำ และความเงียบคือคำตอบที่คุณที่เป็นผู้เล่นน่าจะเข้าใจดี หรือถ้าใครเคยสูญเสียใครบางคนไป ลองถามตัวเองดูว่าถ้าคุณได้เจอวิญญาณคนที่คุณรักอีกครั้ง แต่วิญญาณเหล่านั้นไม่ได้พูดอะไรกับคุณ แต่คุณกลับทราบคำตอบนั้นได้ด้วยตัวคุณเอง นั่นละคือสิ่งที่ Javik ต้องการบอกกับผู้เล่น มันคือเรื่องละเอียดอ่อนที่อธิบายเป็นประโยคให้คนเข้าใจได้ง่ายๆ เพราะคุณต้องผ่านมันมาแล้วคุณจึงจะเข้าใจ

In The Direction Of Deer จากเกม God of War

Atreus: “เราจะล่าสัตว์อะไร?”

Kratos: “เราจะไปล่ากวาง”

Atreus: ”ต้องไปทางไหน…?”

Kratos: “ไปในทิศทางของกวาง”

กลับมาที่เกม God of War อีกครั้งกับประโยคพูดคุยที่ Atreus ถาม Kratos ผู้เป็นพ่อเกี่ยวกับการเดินทางออกไปล่าสัตว์ ซึ่งผู้เป็นพ่อต้องการสอนบทเรียนต่างๆให้กับลูกชายที่ต้องเติบโตในโลก In The Direction Of Deer คือประโยคที่ Kratos บอกกับ Atreus ที่อ่านดูแล้วน่าจะเป็นการสอนลูกชายเกี่ยวกับการล่าสัตว์ทั่วๆไป กับการตามรอยกวางไป ซึ่งความจริงแล้วมันมีเนื้อหาแอบแฝงที่มากกว่านั้น

คำว่า In The Direction Of Deer ที่ Kratos บอกกับ Atreus นั้นมันหมายถึงการเติบโตเพื่อเป็นผู้ใหญ่ และเดินบนเส้นทางที่ตนเองเลือกเอง โดยไม่ต้องรอรับการช่วยเหลือจากพ่อแม่ เพราะวันหนึ่งทั้งคู่จะต้องจากเราไป เขาทั้งคู่คงมาสอนดูแลเราตลอดไปไม่ได้ ดังนั้นการเติบโตและเลือกเดินบนเส้นทางที่ตัวเองเลือกจึงสำคัญ ซึ่งเส้นทางของกวางที่เราตามไปนั้นอาจจะเจอกวางหรือเสือรออยู่ก็ได้ แต่เราก็ต้องสู้กับมันเพราะมันคือเส้นทางที่เราเลือก

A hero need not speak. When he is gone, the world will speak for him จากเกม Halo Combat Evolved

เมื่อพูดถึงคำว่าฮีโร่คุณคงจะคิดถึงคนที่มีพลังพิเศษที่ออกปราบเหล่าร้าย แต่ในความเป็นแล้วคำว่าฮีโร่นั้น ไม่ใช่แค่คำจำกัดความแบบเดียว แต่มันยังหมายถึงกลุ่มคนหรือบุคคลหนึ่งคนที่ยอมเสียสละทุกอย่างเพื่อคนส่วนมาก นั่นจึงถูกเรียกว่าฮีโร่ที่ผู้คนจะจดจำ และคำพูดที่ว่า A hero need not speak. When he is gone, the world will speak for him ที่แปลว่า ฮีโร่ไม่จำเป็นต้องพูด เมื่อเขาจากไปโลกจะพูดถึงเขา ในเกม Halo Combat Evolved ก็ช่างตรงกับนิยามในชีวิตจริงของโลกเรา และในเกมที่เราได้เล่นในหลายๆเกมมากๆ

เหมือนดั่งวลีที่ว่า การกระทำสำคัญกว่าคำพูด นั่นจริงอยู่เสมอ เหมือนดั่งเหล่าฮีโร่ที่เรารู้จักทั้งในหนังเกมหรือชีวิตจริง ที่โลกนั้นได้จดจำพวกเขาและพูดแทนตัวฮีโร่ในสิ่งที่เขาทำ นั่นจึงไม่ต้องมาตีความให้มากมาย เพราะเมื่อคุณอ่านประโยคนี้คุณก็จะเข้าใจมันทันที และสิ่งที่เรียกว่าฮีโร่ไม่ใช่เพียงแค่ให้โลกจดจำเพียงอย่างเดียว เพราะเพียงแค่คนๆหนึ่งจดจำสิ่งดีๆที่คุณทำได้ นั่นก็คือฮีโร่ที่แท้จริงเช่นกัน และเราทุกคนเป็นฮีโร่ได้โดยที่ไม่ต้องมีพลังพิเศษ

War, war never changes จากเกม Fallout

เมื่อพูดถึงเกม Fallout ทุกคนคงจะคิดถึงสงครามนิวเคลียร์ หลุมหลบภัย การเอาตัวรอดในโลกที่ล่มสลาย สัตว์ประหลาด และจิตใจของมนุษย์ ที่ใครซึ่งเคยเล่นเกมซีรีส์นี้มาตลอดน่าจะเข้าใจเป็นอย่างดี และประโยคที่ว่า War, war never changes ที่แปลว่า สงครามไม่เคยเปลี่ยนแปลง นั่นคือสิ่งที่จริงและตรงที่สุดในหลายๆมุม ไม่ว่าจะเป็นมุมมองของเกมที่สงครามเป็นจุดเริ่มต้นของความหายนะในเกม Fallout ที่ทำลายทุกสิ่ง และเริ่มต้นทุกอย่างที่ไม่ควรเกิดขึ้น

รวมถึงในชีวิตจริงบนโลกของเรา ที่เมื่อพูดถึงสงครามสิ่งที่เราคิดถึงก่อนเป็นอันดับแรก คือการสูญเสีย การฆ่าฟันของมนุษย์ การทำลายล้าง ผู้แพ้ผู้ชนะ และแน่นอนว่าทั้งสองฝ่ายต่างสูญเสีย นั่นคือสงครามที่ไม่ว่าเราจะพูดปรุงแต่งให้มันสวยหรูขนาดไหน แต่สงครามก็คือสงคราม และสงครามไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาตั้งแต่อดีตจนถึงตอนนี้

The flow of time is always cruel, its speed seems different for each person, but no one can change it. A thing that does not change with time is a memory of younger days จากเกม The Legend of Zelda Ocarina of Time

ปิดท้ายด้วยเกมระดับตำนานที่หลายคนจดจำ กับบทบาทผู้กล้าแห่งกาลเวลาในเกม The Legend of Zelda Ocarina of Time ที่ตัวเกมภาคนี้จะเล่าถึงกาลเวลาที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งตรงกับคำที่ว่า The flow of time is always cruel, its speed seems different for each person, but no one can change it. A thing that does not change with time is a memory of younger days ที่แปลว่า การไหลของเวลานั้นโหดร้ายอยู่เสมอ ความเร็วของมันนั้นแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่ไม่มีใครสามารถเปลี่ยนแปลงได้ สิ่งที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา คือความทรงจำตอนที่เรายังเป็นเด็ก

ถ้าจะให้ตีความหมายแบบให้เข้าใจง่ายๆ ก็น่าจะหมายถึงเวลาของคนเรานั้นแม้จะมี 24 ชั่วโมงเท่ากัน ไม่มีใครได้มากกว่าหรือน้อยกว่า ทั้งที่เราทุกคนมีเวลาเท่ากันและไม่มีใครเปลี่ยนแปลงมันได้ แต่เชื่อรึเปล่าว่าเวลาของแต่ละคนนั้นช่างต่างกัน บางคนเวลาชั่วโมงแห่งความสุขมันช่างผ่านไปเร็วมากๆ แต่เวลานาทีแห่งความทุกข์มันช่างผ่านไปช้าอย่างน่าประหลาด แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา นั่นคือความทรงจำในวัยเด็กของทุกคน  ที่ความทรงจำนั้นอาจจะสวยงามสดใสหรืออาจจะทุกข์ระทม แต่เราก็ไม่เคยลืมหรือถูกเปลี่ยนแปลงไปจากความทรงจำตามกาลเวลาได้ คุณว่าจริงรึเปล่า….?

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส