Tech War ยังไม่จบ! ทรัมป์ ประกาศไม่ทำการค้ากับ Huawei พร้อมระงับระบบออกใบอนุญาต!

เรื่องราวของการปะทะกันระหว่างสหรัฐฯ กับจีนนั้นกลับมาทวีความรุนแรงขึ้นอีกครั้ง ล่าสุดเมื่อวันศุกร์ที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมานี้ Donald Trump ได้แถลงข่าวออกมาว่า สหรัฐฯ จะไม่ทำการค้ากับ Huawei ซึ่งเขาพูดย้ำถึง 3 รอบในแถลงการณ์ครั้งนี้

Play video

โดยสำนักข่าว Bloomberg ได้รายงานว่า Trump ได้ระงับระบบการออกใบอนุญาตที่จะให้บริษัทในเครือสหรัฐสามารถทำการค้ากับ Huawei ได้ โดยมีบริษัทในเครือสหรัฐฯ กว่า 50 แห่งที่ได้ยื่นใบอนุญาตทำการค้ากับ Huawei ในระหว่างที่รัฐบาลยังให้ Huawei อยู่ในรายชื่อเป็นภัยต่อความมั่นคง ซึ่งใบอนุญาตเหล่านั้นยังคงอยู่ระหว่างการตรวจสอบ แต่ก็น่าจะคาดหวังได้ยาก

ถ้าใครจำได้ เหตุการณ์ใหญ่นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา เมื่อสหรัฐฯ ประกาศแบนการค้ากับ Huawei ก็ทำให้ผู้คนต่างตื่นตระหนกว่า มือถือจะใช้แอปฯ ต่าง ๆ ของ Google ไม่ได้อีกต่อไป ซึ่งมาในวันนี้หลาย ๆ คนก็น่าจะคลายความกังวลนั้นไปได้แล้วจากการประกาศว่ามือถือของ Huawei ทุกรุ่นที่ออกมาแล้วยังคงสามารถใช้งานระบบปฎิบัติการ Android ได้อยู่ ไม่ถูกแบนแต่อย่างใด แต่รุ่นถัดไปเขาก็จัดเต็มเปิดตัว HamonyOS ออกมาแล้วอย่างเป็นทางการ

และด้วยท่าทีที่อ่อนลงของประธานาธิบดี Donald Trump ในการแถลงข่าวที่การประชุมสุดยอด G20 ที่ญี่ปุ่น โดยกล่าวว่า “ผมเห็นด้วยที่จะอนุญาตให้ บริษัทเครืออเมริกันสามารถค้าขายกับ Huawei ได้ หากการค้าขายนั้นไม่เป็นภัยต่อความมั่นคง” แต่แล้วอยู่ดี ๆ ทำไมสหรัฐฯ ถึงกลับมามีท่าทีแข็งกร้าวขึ้นอีกครั้งกันแน่?

โดยข้อมูลจากเวบไซต์ Money2Know ได้เปิดเผยว่า ค่าเงินของจีนที่ช่วงนี้กำลังอ่อนลงมาก มีมูลค่าเกิน 7 หยวนต่อ 1 ดอลล่าร์สหรัฐฯ ถือได้ว่าอ่อนค่าที่สุดในรอบ 10 ปี ซึ่งเรื่องนี้สหรัฐฯ อาจมองว่าเป็นมาตรการตอบโต้ของรัฐบาลจีนที่เกิดจากการประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในอัตรา 10% รวมมูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลในวันที่ 1 กันยายนนี้นั่นเอง

แต่แท้จริงแล้วอาจจะไม่ใช่อย่างที่คิด เพราะจากข้อมูลของ IMF (International Monetary Fund) หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศนั้นได้ออกรายงานฉบับล่าสุดเกี่ยวกับเรื่องค่าเงินหยวนอ่อนตัวว่า เกิดจากการแทรกแซงจากรัฐบาลจีนที่ต่ำมาก และค่าเงินมีความสอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ สวนทางกับมุมมองของสหรัฐฯ พร้อมแนะนำให้ประเทศจีนปฎิรูปโครงสร้างเศรษฐกิจหลายๆ ด้าน เช่น การเปิดกว้างให้บริษัทต่างชาติมากขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย

ถึงแม้ว่าจะไม่มีการกล่าวตรง ๆ จากรัฐบาลสหรัฐ แต่คาดว่าการเดินหมากในครั้งนี้ของรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องกับการที่จีนประกาศยุติการซื้อสินค้าด้านเกษตรจากสหรัฐ ถึงแม้ว่า Huawei จะไม่มีความเกี่ยวข้องในตลาดเกษตรโดยตรง แต่ก็เป็นตัวแปรสำคัญที่รัฐบาลสหรัฐเอาไว้ต่อรองกับประเทศจีน ก็ต้องรอดูต่อไปว่ารัฐบาลสหรัฐและบริษัทต่าง ๆ จะมีความเคลื่อนไหวอย่างไรในอนาคต หรือแท้จริงแล้วสหรัฐฯ กำลัง “ตื่นกลัว” ประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลกอย่าง “จีน” กันแน่?

อ้างอิง: Money2Know, beartai

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส