ช่วงหลัง ๆ มานี้หลายคนคงได้ยินหรือคุ้นหูกับเทคโนโลยีที่ทำให้รถยนต์ขับเคลื่อนได้อัตโนมัติ หรือ Autonomous car โดยแบ่งระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินี้เอาไว้ทั้งหมด 5 ระดับ ซึ่ง MG HS ถือเป็นรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติอยู่ระดับที่ 2 (Partial Automation) คือระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติที่ทำงานพร้อมกันตั้งแต่ 2 อย่างขึ้นไป โดย MG HS สามารถควบคุมความเร็ว และควบคุมการหมุนพวงมาลัยผ่านระบบ ADAS ได้โดยอัตโนมัติ แต่ผู้ขับขี่ยังคงมีหน้าที่หลักในการประเมินสถานการณ์ และตอบสนองต่อเหตุการณ์ต่าง ๆ อยู่ วันนี้แบไต๋จะพามารู้จักระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ที่มีอยู่ในรถ MG HS พร้อมระบบ i-SMART ที่จะช่วยให้คุณขับขี่ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น

ก่อนอื่นก็ต้องบอกเลยว่า MG HS เป็นเอสยูวีที่ให้ระบบความปลอดภัยมาเยอะมาก ตั้งแต่โครงสร้างตัวถังนิรภัย FSF (Full Space Frame) ที่แข็งแกร่ง และอุปกรณ์เสริมต่าง ๆ หลายรายการ พร้อมติดตั้งระบบความปลอดภัย Advanced Synchronized Protection System มากถึง 25 ระบบ แบ่งเป็น Synchronized Protection System ที่ช่วยทั้งเรื่องระบบเบรกและช่วยรักษาเสถียรภาพในการขับขี่ 14 ระบบ ยกตัวอย่างเช่น ระบบควบคุมการเบรกขณะเข้าโค้ง CBC ระบบลดความเสี่ยงที่จะทำให้รถพลิกคว่ำ ARP ระบบตรวจสอบความผิดปกติของลมยาง TPMS

ในส่วนอีก 11 ระบบที่เหลือ คือ Advanced Driver Assistance Systems (ADAS) ระบบความปลอดภัยอัจฉริยะมีหน้าที่ช่วยป้องกัน และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน ลดข้อผิดพลาดของตัวผู้ขับขี่เอง ซึ่งระบบ ADAS ถือเป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ ระดับที่ 2 (Partial Automation) โดยแบ่งออกได้ทั้งหมด 3 กลุ่มด้วยกัน

  1. กลุ่มระบบเตือนและควบคุมให้รถอยู่ในเลน (Lane Assist System) ระบบจะตรวจจับเส้นเลนถนนที่มีความชัดเจนด้วยกล้องหน้าที่ติดตั้งภายในฝาครอบฐานกระจกมองหลัง และจะทำงานเมื่อมีการขับขี่ที่ความเร็วมากกว่า 60 กม./ชม. ประกอบด้วย
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Warning) ระบบนี้จะทำงานเมื่อล้อรถใกล้ทับเส้นเลน หรือทับเส้นเลนแล้วระบบจะส่งเสียงพร้อมแสดงสัญลักษณ์เตือนที่แผงหน้าปัด และมีการสั่นที่พวงมาลัย เป็นการเตือนเพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุได้ดีเลย
    • ระบบช่วยควบคุมรถเมื่อรถจะออกนอกเลน (Lane Departure Prevention) โดยระบบนี้นอกจากส่งเสียงเตือนแล้ว ยังช่วยควบคุมและปรับองศาพวงมาลัย เพื่อให้รถกลับมาอยู่ในเลนได้อีกด้วย เรียกได้ว่าเมื่อระบบจับได้ว่ารถออกนอกเลนเมื่อไหร่ระบบช่วยควบคุมดึงพวงมาลัยกลับมาเลยทันที
    • ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (Lane Keep Assist) หากเส้นเลนถนนมีความชัดเจนทั้งซ้ายและขวา ระบบนี้จะช่วยปรับองศาพวงมาลัยอัตโนมัติ เพื่อให้รถของเราอยู่ตรงกลางเลนเสมอ แต่อย่าคิดว่าจะปล่อยมือจากพวงมาลัยได้นะ เพราะระบบจะส่งเสียงและแสดงสัญลักษณ์เตือนบนแผงหน้าปัด หากพบว่าผู้ขับขี่ไม่จับพวงมาลัย (ซึ่งไม่ว่ารถจะมีระบบนี้หรือไม่ก็ไม่ควรทำนะ)
  1. กลุ่มระบบช่วยในการขับขี่ (Front Drive Assist) สำหรับกลุ่มระบบนี้ไม่นำเสนอก็คงไม่ได้ เพราะเป็นกลุ่มที่ช่วยขับ ช่วยเบรก ช่วยรักษาระยะห่าง เพิ่มปลอดภัย หลีกเลี่ยงการชน และป้องกันการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนได้ ประกอบด้วย
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control) ระบบนี้เหมาะกับคนที่ต้องขับรถทางไกลไปต่างจังหวัด เพราะระบบนี้จะช่วยให้คนขับสบายไม่ต้องเหยียบคันเร่ง เพราะระบบนี้สามารถปรับความเร็วอัตโนมัติตามความเร็วของรถคันข้างหน้า โดยจะรักษาระยะห่างจากรถคันหน้าอย่างเหมาะสมคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นหลัก สามารถตั้งค่าความเร็วได้ตั้งแต่ 30 – 150 กม./ชม.
    • ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติเมื่อความเร็วต่ำ (Traffic Jam Assist) ระบบนี้เหมาะมากหากขับรถในเมือง เพราะมีรถเยอะ การเคลื่อนตัวเป็นไปได้อย่างช้า ๆ ไหล ๆ ไปเรื่อย ๆ เหยียบเบรกจนปวดเท้าแน่ ๆ ระบบนี้ช่วยได้มาก เพราะระบบจะช่วยควบคุมความเร็วให้รถเคลื่อนที่ และหยุดนิ่งตามรถยนต์คันหน้าโดยอัตโนมัติ
    • ระบบช่วยเตือนเมื่อเสี่ยงต่อการชนรถยนต์คันหน้าในขณะขับขี่ (Forward Collision Warning) หากระบบตรวจพบว่าระยะห่างระหว่างรถยนต์คันหน้าอยู่ในระยะใกล้เกินไป และเสี่ยงต่อการชน ระบบจะส่งเสียง พร้อมแสดงข้อความเตือนที่แผงหน้าปัดทันที เพื่อให้ผู้ขับขี่ชะลอความเร็วหรือแตะเบรก ระบบนี้จะทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 30 กม./ชม.
    • ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัตโนมัติ (Intelligent High-Beam Control) ไฟสูงแยงตาปัญหาที่ใครหลายคนน่าจะเคยเจอ ด้วยระบบนี้การใช้ไฟสูงของเราจะไม่รบกวนคนอื่นแน่นอน เมื่อระบบตรวจพบแสงสว่างจากรถยนต์ด้านหน้า ระบบจะทำการปิดไฟสูงอัตโนมัติ และจะเปิดอีกครั้งเมื่อไม่มีรถยนต์ด้านหน้า ช่วยเพิ่มวิสัยทัศน์ให้ผู้ขับขี่และลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุกับผู้ใช้ร่วมถนนคนอื่นได้
  1. กลุ่มระบบที่ช่วยป้องกันอุบัติเหตุที่อาจเกิดจากมุมอับสายตา (Rear Drive Assist) ประกอบด้วย
    1. ระบบช่วยเตือนในมุมที่อับสายตา ระบบจะตรวจสอบรถยนต์ที่อยู่ในมุมอับสายตาของกระจกมองข้างทั้งด้านซ้ายและด้านขวา โดยระบบจะส่งสัญญาณเป็นไฟเตือนสว่าง เพื่อเตือนให้ผู้ขับขี่หลีกเลี่ยงการชน ระบบนี้มีชื่อว่า Blind Spot Detection ทำงานเมื่อความเร็วรถมากกว่า 30 กม./ชม.
    2. ต่อมาเป็น ระบบช่วยเตือนขณะถอยหลัง (Rear Cross Traffic Alert) การทำงานของระบบนี้จะคล้าย ๆ กับระบบช่วยเตือนในมุมที่อับสายตา ในขณะที่ถอยรถระบบจะตรวจสอบรถยนต์ที่เข้าใกล้ด้านหลังซ้ายและขวาของตัวรถ หากมีรถยนต์ที่เข้าใกล้ ระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือน บนจอแสดงผลก็จะแสดงสัญลักษณ์เตือนเช่นกัน เพื่อเตือนผู้ขับขี่ให้หลีกเลี่ยงการชน ซึ่งระบบจะทำงานเมื่อความเร็วรถต่ำกว่า 9 กม./ชม.
    3. ระบบช่วยเตือนการเปิดประตู DOW (Door Open Warning) ระบบนี้เป็นประโยชน์มาก เมื่อเราจอดรถแล้วต้องเปิดประตูออกจากรถหากไม่มองดี ๆ ก็จะทำให้เกิดอุบัติเหตุเวลาเปิดประตูรถได้ ระบบช่วยเตือนการเปิดประตูจะเริ่มทำงานเมื่อรถยนต์จอดนิ่ง โดยระบบจะส่งสัญญาณไฟเตือนผู้ขับขี่ หากพบรถอื่นในระยะรัศมีตรวจจับ เพื่อหลีกเลี่ยงการชนกับรถรอบข้างเมื่อเปิดประตูรถ

จะเห็นได้ว่าระบบความปลอดภัยอัจฉริยะ Advanced Driver Assistance System (ADAS) ที่มาพร้อม NEW MG HS สามารถช่วยตรวจสอบ แจ้งเตือน และช่วยควบคุมการขับเคลื่อนรถยนต์โดยอัตโนมัติในบางส่วน (Partial Automation) ซึ่งเทคโนโลยีความปลอดภัยดังกล่าว จะช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ เพิ่มความปลอดภัยให้ผู้ขับขี่ และผู้ร่วมทาง โดยจะช่วยควบคุมการขับเคลื่อนอัตโนมัติในบางส่วนเท่านั้น ดังนั้นผู้ขับขี่จะต้องไม่ละสายตาจากการขับขี่ และมีสติพร้อมที่จะควบคุมรถด้วยตนเองอยู่เสมอ เพื่อความปลอดภัยสูงสุด

นอกจากเทคโนโลยีความปลอดภัยที่อัดแน่นมาในรถยนต์ MG HS แล้ว นอกจากนี้ยังติดตั้งเทคโนโลยีเชื่อมต่ออย่างระบบปฏิบัติการอัจฉริยะ i-SMART ที่ช่วยเพิ่มความสะดวก เพิ่มความอุ่นใจให้ผู้ใช้รถได้เป็นอย่างดี ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหนก็สามารถสั่งการ ตรวจเช็ก และติดตามรถผ่าน i-SMART Application บนสมาร์ตโฟนได้ตลอดเวลา อีกทั้งยังสามารถตรวจสอบความผิดปกติ และแจ้งสถานะการทำงานของรถได้ เช่น สถานะเครื่องยนต์ ลมยาง ถุงลมนิรภัย และสถานะประตู ขณะขับขี่ระบบ i-SMART ก็ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยที่รู้ใจ จะสั่งให้ทำอะไรก็แค่พูด “ฮัลโหล เอ็มจี” แล้วสั่งเป็นภาษาไทยได้เลย จะให้เปิดเพลง ปรับแอร์ เปิดหน้าต่าง เปิดซันรูฟ หรือสั่งให้ค้นหาเส้นทางก็ทำได้ สะดวกมาก แถมปลอดภัยสุด ๆ เพราะไม่ต้องละมือจากพวงมาลัย และไม่ต้องละสายตาจากถนน

MG HS มาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่น สวยงาม มีความทันสมัยผสมผสานระหว่างความหรูหรากับความสปอร์ตได้อย่างลงตัว ห้องโดยสารตกแต่งด้วยวัสดุภายในให้สัมผัสนุ่ม เบาะนั่งคู่หน้าปรับด้วยไฟฟ้าแบบ Bucket Seat หลังคาซันรูฟแบบพาโนรามา (Panoramic Sunroof) ขนาดใหญ่ 1.1 ตารางเมตร ในส่วนของเครื่องยนต์ มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบขนาด 1.5 ลิตร ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ Twin Clutch Sportronic Transmission แบบ 7 สปีด ให้พละกำลังสูงสุดถึง 162 แรงม้า และแรงบิดสูงสุดที่ 250 นิวตัน-เมตร

หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบเทคโนโลยี MG HS คือรถที่ตอบโจทย์ได้ดี เพราะรถคันนี้มีทั้งเทคโนโลยีความปลอดภัย (ADAS) และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อ (i-SMART) ที่ช่วยยกระดับทุกการขับขี่ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น พร้อมเปลี่ยนการตรวจเช็กรถให้เป็นเรื่องง่าย ให้การสั่งการเป็นไปได้ดังใจ แถมยังอัดแน่นด้วยฟังก์ชันและสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย MG HS มี 3 รุ่นย่อย ได้แก่ รุ่น C ราคา 919,000 บาท รุ่น D ราคา 1,019,000 บาท และตัวท็อปรุ่น X ราคา 1,119,000 บาท ราคาจำหน่ายกับเทคโนโลยีที่ให้เรียกได้ว่าคุ้มค่าคุ้มราคาที่สุด

และ HS ยังมีอีกหนึ่งรุ่นให้ผู้ที่สนใจรถยนต์พลังงานทางเลือก และชื่นชอบเทคโนโลยีได้จับจองเป็นเจ้าของ นั่นคือ MG HS PHEV ซึ่งนอกจากจะมีเทคโนโลยีความปลอดภัย และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อเหมือน MG HS ยังมาพร้อมเทคโนโลยี Plug-in hybrid อีกด้วย สามารถเลือกขับขี่ด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% ได้ไกลสูงสุด 67 กิโลเมตรต่อการชาร์จเต็มหนึ่งครั้ง สามารถชาร์จไฟจากแหล่งพลังงานภายนอก อย่างเช่นไฟบ้าน หรือตามสถานีชาร์จที่มีอยู่ทั่วประเทศ หากไม่เห็นสถานีชาร์จก็ไม่ต้องกังวล เพราะมีระบบไฮบริดรองรับการใช้งานอยู่ ซึ่งราคาของ MG HS PHEV อยู่ที่ 1,359,000 บาท แบไต๋เคยรีวิวไปแล้วอ่านรีวิวได้ที่ คลิก

ปัจจุบันเทคโนโลยีมีการพัฒนาอยู่ตลอดเวลา ซึ่งข้อดีคือผู้บริโภคจะได้ใช้สิ่งที่ดีกว่า ปลอดภัยกว่า สะดวกสบายยิ่งกว่า ทำให้ใช้ชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิมเยอะมาก การพัฒนารถยนต์โดยนำเทคโนโลยีใหม่ ๆ มาติดตั้งนั้น เพื่อเพิ่มความปลอดภัย เพิ่มความสะดวกสบาย และทำให้มั่นใจในการขับขี่ ซึ่ง MG ถือเป็นแบรนด์รถยนต์ที่มีการพัฒนาและนำเทคโนโลยีที่ดีกว่ามาใช้อยู่เสมอ สำหรับ MG HS นั้นอัดแน่นไปด้วยระบบความปลอดภัยมากมาย และเทคโนโลยีการเชื่อมต่อที่ช่วยให้คุณขับขี่ปลอดภัย นอกจากนี้ยังมาพร้อมดีไซน์ที่โดดเด่นทันสมัย และราคาที่เข้าถึงได้ ถือเป็นเอสยูวีมาตรฐานใหม่ที่ใส่เทคโนโลยีคุ้มค่าสมราคามากที่สุด

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส