แบไต๋วิจารณ์ให้ฟัง ทำไมงานเปิดตัว iPhone 13 ครั้งนี้มันรู้สึกแปลกๆ ดูแล้วก็อิหยังวะ เอ๊ะ นี่มันข้อเสีย iPhone 13 รึเปล่า แล้วนี่งานเปิดตัวไอโฟนหรือบะหมี่ ทำไมแห้งได้แบบนี้

ไร้เงา Touch ID ตอกย้ำแอปเปิ้ลไม่แคร์ลูกค้า

สิ่งที่ตอกย้ำว่าแอปเปิ้ลไม่แคร์ผู้ใช้ คือการดึงดันที่จะใช้ Face ID เพียวๆ โดยที่ไม่มี Touch ID ต่อไปอีกปีหนึ่ง แม้ว่าสถานการณ์โลกจะชี้ชัดแล้วว่าเรายังต้องใส่หน้ากากออกนอกบ้านอีกเป็นปี

แม้ว่าปีที่แล้วแอปเปิ้ลจะแก้เกมดยใช้ Apple Watch มาช่วยยืนยันทำให้เราใช้ Face ID ปลดล็อกเครื่องได้แม้จะใส่หน้ากาก แต่ถ้าใครที่เคยใช้จริง ๆ จะรู้ว่ามันมีปัญหาความไม่เสถียร และมันใช้งานกับแอปธนาคาร หรือระบบจ่ายเงินต่าง ๆ ไม่ได้ คือเวลาอยู่นอกบ้านเราก็อยากจ่ายเงินแบบ Contactless ไร้การสัมผัส แต่สุดท้ายเราก็ต้องถอดหน้ากากมาสแกน หรือป้อนพินต่อหน้าคนอื่น ๆ อยู่ดี

iPhone 13 จึงเหมือนเป็นไอโฟนที่วางแผนการสร้างเมื่อ 3 ปีที่แล้วตอนที่ยังไม่มีโควิด และแอปเปิ้ลก็ไม่เปลี่ยนแผนการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เหมาะสมสำหรับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน

ดัน Lightning สุดทาง โดยไม่แล USB-C

ในขณะที่อุปกรณ์รุ่นใหม่ของแอปเปิ้ลเปลี่ยนมาใช้ USB-C กันหมดแล้ว iPad ก็เปลี่ยนเป็น USB-C แทบจะครบทุกรุ่นแล้ว (ยกเว้น iPad Gen 9) แต่มือถือเรือธงที่สุดของแอปเปิ้ลอย่าง iPhone 13 ก็ยังดื้อดึงที่จะใช้ Lightning อยู่ดี

การเปลี่ยนพอร์ตจาก Lightning เป็น USB-C นั้นมีข้อดีหลายอย่าง ถ้าเอาเรื่องที่แอปเปิ้ลชอบเน้นย้ำเสมอคือสิ่งแวดล้อม สาย USB-C ใช้งานได้กว้างขวางมาก สายเส้นเดียวต่ออุปกรณ์ยุคปัจจุบันได้แทบทั้งหมด ไม่ต้องมีสาย Lightning เพิ่มเติมสร้างขยะให้โลก

และที่ตลกคือ ในขณะที่แอปเปิ้ลเชิดชูว่า iPhone 13 Pro เป็นมือถือเพื่อ Creator สามารถถ่ายวิดีโอได้ระดับ ProRes ที่มี Bitrate สูง เอาไปใช้ตัดต่อมืออาชีพได้ แต่กลับเชื่อมต่อเป็น Lightning เท่านั้น ซึ่งจะเอา SSD ภายนอกมาต่อเพื่อโอนไฟล์ ProRes ออกจากเครื่องก็ทำลำบากยากเย็น ความเร็วในการเชื่อมต่อก็น้อย หรือเราต้องคอย AirDrop ไฟล์ ProRes หนักหลาย GB ด้วย AirDrop ลง Macbook หรือ iPad กันอย่างเดียว (และความลับอีกอย่างที่แอปเปิ้ลกระซิบบอกเราด้วยตัวเล็ก ๆ ด้านล่างเว็บคือ iPhone 13 Pro ความจุ 128 GB จะถ่าย ProRes ได้แค่ 1080p 30 fps นะ เพราะพื้นที่จุไม่พอ)

เราคาดว่า iPhone 13 จะเป็นไอโฟนรุ่นสุดท้ายแล้วที่เป็น Lightning เพราะตอนนี้แรงกดดันแอปเปิ้ลให้เปลี่ยนพอร์ตหนักหน่วงมาก ถึงแอปเปิ้ลจะดูว่าไม่แคร์ก็เถอะ

อวย Cinematic Mode เต็มที่แต่ดันถ่ายได้แค่ 1080p 30 fps

หนึ่งในฟีเจอร์เด็ดของ iPhone 13 คือการใช้ AI มาประมวลผลการถ่ายวิดีโอ ทำให้สามารถเลือกระยะชัด-เบลอของวิดีโอหลังจากถ่ายได้ ซึ่งตามวิดีโอนำเสนอของแอปเปิ้ลก็น่าเชื่อว่าจะเป็นฟังก์ชันที่ดี ใช้ถ่ายหนังได้สวยงาม แต่ประสิทธิภาพของชิป A15 กลับสามารถประมวลผลวิดีโอแบบนี้ได้เพียงความละเอียดพื้นฐาน 1080p 30 fps เท่านั้น

คือเป็นฟีเจอร์ที่เหมือนจะทำให้การถ่ายวิดีโอโปรขึ้น แต่ในยุคที่เราถ่ายวิดีโอในมือถือด้วยความละเอียด 1080p 60 fps เป็นหลักกัน ก็ทำให้รู้สึกไม่ว่าพอ ถ้าอัปคลิปขึ้น Youtube ก็ต้องมีคนทักแน่ ๆ ว่าทำไมเปิด 60 fps ไม่ได้ (ก็คงต้องไปตอบเมนต์ว่า รอ iPhone 14 นะ)

ระบบส่งสัญญาณเพลง Hi-Res Lossless อยู่ไหน?

เมื่อช่วงกลางปีแอปเปิลได้อัปเกรด Apple Music ให้รองรับการสตรีมเพลงถึงระดับ Hi-Res Lossless โดยไม่เพิ่มราคาในการให้บริการ ซึ่งเป็นเรื่องดีมากๆ สำหรับนักฟังเพลง แต่สิ่งที่พัฒนาตามไม่ทันคือระบบการส่งสัญญาณเสียงระดับ Hi-Res Lossless ที่ผู้ฟังก็ต้องอาศัย DAC แยกภายนอกเพื่อที่จะฟังเพลงคุณภาพระดับนี้ได้ (และ iPhone ใช้พอร์ต Lightning ทำให้การต่อ DAC นอกยากกว่า iPad ที่ใช้พอร์ต USB-C ซะอีก)

และที่หนักกว่าคือการส่งสัญญาณเสียงแบบไร้สายที่แอปเปิ้ลไม่เคยรองรับการส่งในระดับ Hi-Res หรือระดับ Lossless ใด ๆ เลย เพราะ iOS, iPadOS รองรับการเข้ารหัสเสียงแบบ AAC เท่านั้น ซึ่งเป็นส่งสัญญาณเสียงเทียบเท่า CD ในแบบ Lossy เท่านั้น แล้วเราก็รอว่า iPhone รุ่นใหม่เปิดตัวจะมีการอัปเกรดเทคโนโลยีการส่งสัญญาณเสียงไร้สายบ้างหรือไม่

สรุปไม่มีอะไรใหม่ทั้งการฟังเพลงแบบเสียบสายและไร้สาย ที่ถ้าอยากฟัง Hi-Res Lossless ก็ต้องต่อ DAC เหมือนเดิม ส่วนใครอยากฟังเพลง Hi-Res แบบไร้สายก็ต้องฟังผ่าน Android นะครับ

เพิ่งแนะนำว่าไม่ควรใช้ iPhone แปะมอเตอร์ไซค์ แต่ดูโฆษณานี้สิ? (แซว) -> อ้อ มีคำเตือนอยู่

เมื่อเร็ว ๆ นี้แอปเปิ้ลเพิ่งเผยแพร่บทความในหน้าสนับสนุน ระบุว่าการติดตั้ง iPhone เข้ากับมอเตอร์ไซค์อาจทำให้กล้องที่มีระบบ OIS นั้นเสียหายได้จากการสั่นระหว่างขับขี่ แต่โฆษณาล่าสุดจากแอปเปิ้ลก็ชวนให้ผู้ชมเข้าใจผิด ว่าใช้งานได้ไม่มีปัญหาด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์แทบจะทั้งคลิป แต่จริงๆ Apple ก็ (แอบ) เขียนข้อความเตือนในคลิปว่า

“Always use a dampener with your iPhone when riding as shown. Use only with low-powered bikes and avoid prolonged use” หรือแปลว่า “การติดตั้ง iPhone กับมอเตอร์ไซค์ให้ติดตั้งกับที่จับที่มีระบบต้านแรง และใช้กับมอเตอร์ไซค์กำลังต่ำ และหลีกเลี่ยงการใช้งานต่อเนื่อง”

แต่ข้อความเตือนแสนยาวนี้ตัวเล็กมาก แถมขึ้นไม่ถึง 5 วินาทีด้วยซ้ำ นี่โฆษณาแอปเปิ้ลหรือเครื่องดื่มบำรุงกำลัง แต่ไม่เป็นไร เราแคปมาให้ดูว่าเลี่ยงได้ก็เลี่ยงนะ หรือถ้าต้องใช้ ก็ต้องลงทุนกับที่จับมือถือให้ต้านแรงสั่นได้หน่อย

https://www.youtube.com/watch?v=-FbG-y9Me08

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส