เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ออกมาประกาศแผนช่วยเหลือผู้ฝากเงินที่เคยฝากไว้กับธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (Silicon Valley Bank) และธนาคารซิกเนเจอร์ (Signature Bank) ซึ่ง 2 ธนาคารนี้เพิ่งถูกทางการสั่งปิดไปหมาด ๆ โดยการคลังสหรัฐฯ ยืนยันหนักแน่นว่าทุกคนจะได้รับเงินคืนเต็มจำนวนอย่างแน่นอนและไม่ใช่เงินที่มาจากผู้เสียภาษีด้วย

หลังจากที่หน่วยงานกำกับดูแลด้านการธนาคารของแคลิฟอร์เนียได้สั่งปิดธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ไปเมื่อช่วงสัปดาห์ก่อน ทำให้ต้องมีการจัดตั้ง Federal Deposit Insurance Corporation (FDIC) ขึ้นมาเพื่อเป็นผู้ดำเนินการคืนเงินให้กับผู้ฝากเงิน

FDIC จะใช้เงินจากกองทุนประกันเงินฝากเพื่อคืนเงินให้กับลูกค้าที่ฝากเงินไว้กับธนาคารที่เพิ่งล้มละลายไปก่อนหน้านี้ ซึ่งเจ้าหน้าที่ย้ำว่านี่ไม่ใช่เงินจากผู้เสียภาษี แต่เป็นเงินที่ FDIC ได้จากค่าธรรมเนียมรายไตรมาส รวมถึงได้มาจากค่าดอกเบี้ยของกองทุนที่ลงทุนในพันธบัตรรัฐบาล

ปัจจุบัน กองทุนประกันเงินฝากมีเงินทุนมากกว่า 100,000 ล้านเหรียญ (ราว 3.4 ล้านล้านบาท) ซึ่งเป็นจำนวนเงินที่เจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังบอกว่าน่าจะ ‘มากเกินพอ’ ในการคืนให้กับผู้ฝากเงินทั้งหมด

ด้านฝ่ายบริหารของโจ ไบเดน (Joe Biden) ตระหนักดีถึงความไม่พอใจของเหล่าประชาชนเวลาเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ซึ่งทางการจะพยายามไม่ให้ซ้ำรอยกับวิกฤตการเงินปี 2008 ที่มีการนำเงินของผู้เสียภาษีไปชดใช้ให้กับผู้มาฝากเงิน ด้วยเหตุนี้ เจ้าหน้าที่ของรัฐบาลกลางจึงผลักดันแนวคิดจัดตั้ง FDIC ขึ้นมาเพื่อ ‘ช่วยเหลือ’ ผู้เสียหายอย่างแท้จริง

ที่มา : CNBC

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส