ญนน์ โภคทรัพย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ CRC กล่าวว่า “ภาพรวมของเซ็นทรัล รีเทล มีการเติบโตในทุกกลุ่มธุรกิจ และสร้างรายได้และกำไรเติบโตเกินกว่าช่วงก่อนเกิดโควิด-19”

สำหรับปัจจัยความสำเร็จที่ทำให้เซ็นทรัล รีเทล เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดทั้งในไทยและต่างประเทศ มาจากการรู้จักปรับตัวอยู่ตลอด รวมถึงการวางกลยุทธ์ที่พลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสในช่วงโควิด-19 เดินหน้าปรับปรุงและพัฒนาห้างร้านต่าง ๆ ในเครือ รวมถึงยกระดับแพลตฟอร์ม Next-Gen Omnichannel ให้มีความแข็งแรงยิ่งขึ้น ประกอบกับแรงหนุนจากการฟื้นตัวของภาคค้าปลีก-บริการ และการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาจับจ่ายใช้สอยกันเพิ่มมากขึ้น โดยมีไฮไลต์ธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นในไตรมาส 1/2566 ดังนี้

ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลและโรบินสัน มีการพัฒนามาตลอด ทั้งในด้านสินค้าแบรนด์ใหม่ ๆ และบริการแบบ Total Solution ที่รู้ใจและเข้าใจความต้องการของลูกค้า พร้อมแผนที่จะขยาย รีโนเวตและอัปเกรดสาขาจากห้างโรบินสันให้เป็นห้างเซ็นทรัลตามความเหมาะสมและไลฟ์สไตล์ของลูกค้าในแต่ละพื้นที่ ประกอบกับปัจจัยบวกจากภาคท่องเที่ยวฟื้นตัว ทำให้ธุรกิจแฟชันในไทยและอิตาลีมียอดขายเติบโตอย่างก้าวกระโดดอยู่ที่ 30% และยังทำให้กลุ่มห้างสรรพสินค้ากลับมาคึกคักเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะห้างในหัวเมืองหลักที่เป็นย่านท่องเที่ยว ซึ่ง 5 อันดับแรกของนักท่องเที่ยวต่างชาติเป็นชาวรัสเซีย จีน มิดเดิลอีสต์ ยุโรป และซาอุดิอาระเบีย ตามลำดับ

ไทวัสดุ ในกลุ่มฮาร์ดไลน์มีการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง แม้ดำเนินธุรกิจมาเพียง 12 ปี โดยปัจจุบันไทวัสดุได้ก้าวสู่อันดับ 2 ในกลุ่มธุรกิจฮาร์ดไลน์ของไทย และสามารถสร้างผลงานเติบโตโดดเด่นสวนกระแสในไตรมาสที่ 1/2566 นี้ แม้ภาพรวมตลาดวัสดุก่อสร้างและ DIY มีการชะลอตัว โดยมียอดขายเติบโตอยู่ที่ 15% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ในปี 2565 และยังมีแผนขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง

ท็อปส์ ด้วยความแข็งแกร่งของกลยุทธ์ One Brand ที่รวมทุกโมเดลเข้ามาอยู่ภายใต้แบรนด์ ‘Tops’ ซึ่งถือว่าประสบความสำเร็จและตอกย้ำความเป็นผู้นำของท็อปส์ในด้าน Food Discovery & Destination ทำให้ท็อปส์สามารถสร้างยอดขายเติบโตในไตรมาส 1 อยู่ที่ 16% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ในปี 2565 พร้อมทั้งมีแผนจะเปิดเพิ่มอีก 15 สาขาในปีนี้ และพัฒนาแพลตฟอร์มออมนิแชแนลให้สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแบบ 360 องศา 

ศูนย์การค้าโรบินสันไลฟ์สไตล์ ถือเป็นผู้นำศูนย์การค้าที่ครอบคลุมจังหวัดมากที่สุดของประเทศไทย ปัจจุบันมีทั้งสิ้น 27 สาขา ครอบคลุม 25 จังหวัดทั่วไทย ซึ่งโรบินสันประสบความสำเร็จและได้รับการตอบรับอย่างดีจากลูกค้า โดยในไตรมาส 1 มีรายได้จากค่าเช่าและบริการทั้งกลุ่มลูกค้าชาวไทยและต่างชาติ เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 24% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1 ในปี 2565 รวมทั้งยอดทราฟฟิกเข้าศูนย์ฟื้นตัวกลับมาเกือบ 100% เมื่อเทียบกับช่วงก่อนการระบาดของโควิด-19 โดยโรบินสันไลฟ์สไตล์ ยังคงมีแผนการขยายและรีโนเวตศูนย์การค้าอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 3 ของปีนี้ เตรียมเปิดตัวสาขาใหม่ล่าสุด โรบินสันไลฟ์สไตล์ เจ้าฟ้า จังหวัดภูเก็ต เพื่อต้อนรับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ

ในประเทศเวียดนาม ธุรกิจเซ็นทรัล รีเทล ก็มีการเติบโตต่อเนื่อง โดยต่อยอดความแข็งแกร่งจาก 2 โมเดลหลัก คือ ศูนย์การค้าและไฮเปอร์มาร์เก็ต GO! ที่มีการปรับปรุงและยกระดับให้ทันสมัยอยู่เสมอ โดยปัจจุบัน GO! ได้มีการรีแบรนด์จากบิ๊กซีเกือบครบ 100% และมีสาขารวมทั้งสิ้น 39 สาขา ครอบคลุม 29 จังหวัด จากทั้งหมด 63 จังหวัดในเวียดนาม รวมถึง Mini go! ซูเปอร์มาร์เก็ต ศูนย์รวมสินค้าคุณภาพทั้งอาหารสดและแฟชันในราคาที่คุ้มค่า โดยปัจจุบัน Mini go! มีทั้งสิ้น 5 สาขา และเตรียมเปิดเพิ่มอีก 5-7 สาขาภายในปีนี้

สำหรับในไตรมาส 1 มีรายได้รวมอยู่ที่ 63,206 ล้านบาทและกำไรสุทธิ 2,312 ล้านบาท โดยยอดขายของกลุ่มแฟชันเติบโตถึง 30% กลุ่มฟู้ดเติบโต 9% และกลุ่มฮาร์ดไลน์ในประเทศไทยโตแบบสวนกระแสอยู่ที่ 9% ทั้งหมดนี้จึงเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้เซ็นทรัล รีเทล สามารถเติบโตในปี 2566 ตามเป้าที่ตั้งไว้ ด้วยรายได้เติบโต 12-15%

“ในไตรมาส 1/2566 ของเซ็นทรัล รีเทล ถือว่าประสบความสำเร็จและเป็นสัญญาณที่ดีที่จะทำให้เราสามารถปิดปี 2566 ตามเป้าที่ตั้งไว้ ด้วยรายได้เติบโต 12-15% โดยเซ็นทรัล รีเทล ยังคงเดินหน้าลงทุนอย่างระมัดระวัง และขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการให้ความสำคัญด้านการเติบโตอย่างยั่งยืนและโตไปด้วยกัน พร้อมมุ่งมั่นที่จะเป็น Green & Sustainable Retail องค์กรค้าปลีกต้นแบบด้านความยั่งยืนรายแรกของเอเชีย” นายญนน์ กล่าวปิดท้าย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส