การประชุมสุดยอดอาเซียนในอาทิตย์นี้ (26-28 ตุลาคม) ที่กรุงบันดาร์เสรีเบกาวัน ประเทศบรูไน จะมีการส่งผ่านตำแหน่งประธานอาเซียนใหม่ให้กับกัมพูชา ในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมาที่บรูไนได้ทำหน้าที่ประธานอาเซียน ได้ถูกวิจารณ์อย่างเสีย ๆ หาย ๆ ถึงบทบาทของสมาชิกที่เล็กที่สุดในอาเซียนแต่มีความร่ำรวยว่าไม่ค่อยได้เรื่อง ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในประเด็นวิกฤตในเมียนมาร์ จนทำให้ประธานอาเซียนต้องตัดสินใจงดเชิญผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมาร์คือนายพลมิน อ่อง หล่าย เข้าประชุมสุดยอดอาเซียนในครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นการทำโทษที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์ 54 ปีของอาเซียน

ทางฝ่ายเมียนมาร์ไม่เห็นด้วย แต่รับทราบถึงการตัดสินใจของผู้นำอาเซียน

ครั้งนี้บทบาทกัมพูชาในฐานะประธานอาเซียนชาติใหม่ คนทั้งโลกจะคอยจับตาดู เนื่องจากประเทศนี้เคยมีเรื่องอื้อฉาวในอดีตเมื่อ 10 ปีที่แล้ว เมื่อครั้งเป็นประธานเพราะไม่ยอมออกแถลงการณ์ร่วมของอาเซียน สาเหตุเพราะสมาชิกอาเซียนไม่มีฉันทามติเกี่ยวกับสถานการณ์ในทะเลจีนใต้ ในวันนี้คู่เจรจาหลายประเทศกลัวประวัติศาสตร์จะซ้ำรอย ลึก ๆ เป็นห่วงว่ากัมพูชาอาจจะลากอาเซียนเข้าไปอยู่ข้างจีนมากเกินไป

ประธานอาเซียนใหม่จะมีความกระตือรือร้นมากกว่าบรูไนอย่างแน่นอน เพราะถือว่าเป็นประเทศพุทธศาสนาเหมือนกัน พูดคุยกันได้ง่ายกว่า ตัวผู้นำนายกรัฐมนตรีฮุนเซ็นก็ถือว่าเป็นผู้นำการเมืองหนึ่งของอาเซียนที่กล้าพูดกล้าทำ เคยแนะนำผู้นำเมียนมาร์ว่าให้ไว้ใจอาเซียน เพราะองค์การนี้จะสามารถช่วยคลี่คลายปัญหาในเมียนมาร์ได้ ให้ดูประสบการณ์อาเซียนในการสร้างสันติภาพในกัมพูชาเป็นตัวอย่าง

ในปลายเดือนพฤศจิกายน กัมพูชายังมีงานใหญ่อีกงานหนึ่งคือเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดอาเซม (Asia Europe Meeting—ASEM) ครั้งที่ 13 จะมีผู้นำจากเอเชียและยุโรป รวมกัน 53 ประเทศ พบปะกันออนไลน์ หลังจากมีการเลื่อนมาครั้งหนึ่ง

การประชุมครั้งนี้มีนัยยะสำคัญมาก เนื่องจากประเทศยุโรปต้องการกระชับมิตรภาพและความร่วมมือทางด้านเศรษฐกิจและยุทธศาสตร์กับประเทศในเอเชียมากขึ้น โดยมีอาเซียนเป็นตัวเชื่อมตรงกลาง ยุโรปกำลังหาเพื่อนใหม่ในเอเชียในช่วงที่ความสัมพันธ์ข้ามมหาสมุทรแอตแลนติกกับสหรัฐอเมริกาค่อนข้างเย็นชา

ไทยจำเป็นต้องร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับกัมพูชาในการดำเนินนโยบายทั้งในกรอบอาเซียนและทวิภาคีที่เกี่ยวกับการช่วยเหลือเมียนมาร์ทั้งด้านเศรษฐกิจและมนุษยธรรม ขณะนี้ไทยได้ดำเนินการช่วยเหลือทางด้านนี้ด้วยตัวเองมาเป็นเวลาหลายเดือนแล้วโดยผ่านสภากาชาดไทย

ในวันข้างหน้า สถานการณ์ภายในเมียนมาร์อาจจะทวีความรุนแรง เนื่องจากการสู้รบระหว่างทหารเมียนมาร์กับกองกำลังประชาชนที่ฝ่ายค้านตั้งขึ้นมายังมีอยู่ต่อเนื่อง ตอนนี้มันเป็นวิธีการเดียวที่จะตัดกำลังทหารเมียนมาร์ 2 เดือนที่ผ่านมาการก่อการร้ายและวางระเบิดต่อหน่วยงานและที่ตั้งของรัฐบาลทหารเมียนมาร์ได้รับความเสียหายอย่างหนัก

ฤดูฝนกำลังจะผ่านไป เปิดโอกาสให้กองกำลังทหารเมียนมาร์มีการรวมพลและเตรียมกองกำลังหลายกองร้อยทางภาคเหนือและตะวันออกเฉียงเหนือ เพื่อเปิดศึกสู้รบแนวใหม่กับกลุ่มติดอาวุธของกลุ่มชาติพันธุ์ชินและคะฉิ่น

นอกจากนั้นทหารเมียนมาร์ยังถือว่ากลุ่มชาติพันธ์ุกะเหรี่ยงยังเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง เป็นที่รู้กันดีว่าในประเทศไทยแรงงานเมียนมาร์ส่วนใหญ่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์มอญ กะเหรี่ยง คะฉิ่น ไทยใหญ่ แรงงานกลุ่มนี้มีฐานะการเงินดี มีงานการทำ ในปัจจุบันพวกเขาเหล่านี้มีบทบาทมากในการสนับสนุนเงินทุนให้ฝ่ายต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาร์

ในช่วงฤดูแล้งนี้ ไทยอาจจะต้องมีการวางแผนยุทธศาสตร์ใหม่เพื่อรับมือกับเหตุการณ์ตามชายแดนไทยกับเมียนมาร์ ในกรณีที่การสู้รบภายในประเทศเพื่อนบ้านยืดเยื้อและขยายวงกดดันให้ผู้อพยพเข้ามาฝั่งไทย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส