อีลอน มัสก์ (Elon Musk) เป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ดได้ 2 วัน ก่อนจะตัดสินใจลาออกมาเพื่อสร้างบริษัทแรกของตัวเองชื่อ ‘Zip2’ ในวัย 24 ปี หลังจากนั้น 3 ปีเขาขายบริษัทนั้นออกไปด้วยมูลค่ากว่า 307 ล้านเหรียญ ซึ่งนับเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางการเป็นผู้ประกอบการที่ประสบความสำเร็จอย่างมากคนหนึ่ง

ในการสัมภาษณ์ครั้งหนึ่งกับสื่อ ‘Rolling Stone’ มีประเด็นหนึ่งที่เขากล่าวถึงเกี่ยวกับนิสัยการอ่านหนังสือของเขาที่ติดตัวมาตั้งแต่เด็กและอิทธิพลของมันที่มีต่อแนวคิดและการตัดสินใจของเขาตลอดช่วงเวลาที่ผ่าน ในการสัมภาษณ์เขาบอกว่าเขา “โตมากับหนังสือ” เลยทีเดียว

“ผมไม่เคยพี่เลี้ยงหรืออะไรแบบนั้นเลย ผมมีแม่บ้านที่คอยระวังไม่ให้ผมทำข้าวของเสียหาย ผมก็ออกไปทำพวกระเบิด และอ่านหนังสือ แล้วก็ทำจรวด”

นิสัยรักการอ่านหนังสือของเขานั้นเป็นมาตั้งแต่เด็ก พี่ชายของเขาบอกว่ามัสก์โตมากับการอ่าน บางช่วงอ่านหนังสือวันละ 2 เล่ม และบางครั้งก็นานเป็น 10 ชั่วโมงต่อวันเลยทีเดียว โดยหนังสือที่มัสก์มักกล่าวถึงนั้นทำให้เห็นพื้นฐานของแนวคิดที่เขาได้นำมาใช้ในชีวิตประจำวันและการทำงานจนประสบความสำเร็จเป็นบุคคลที่ร่ำรวยที่สุดของโลกในเวลานี้

เล่มที่ 1 ‘Benjamin Franklin : An American Life’ โดย Walter Isaacson

มัสก์มักพูดถึงหนังสือเล่มนี้อยู่เสมอ เขานับว่า เบนจามิน แฟรงคลิน (หนึ่งในบิดาผู้สร้างชาติของสหรัฐอเมริกา) เป็นฮีโรของเขาเลยทีเดียว โดยหนังสือเล่มนี้ถูกเขียนขึ้นโดย วอลเตอร์ ไอแซคสัน ผู้เขียนอัตชีวประวัติของบุคคลที่มีชื่อเสียงอย่าง สตีฟ จ็อบส์ (Steve Jobs) และ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) มัสก์บอกว่า “ผมบอกได้อย่างชัดเจนเลยว่าเขาเป็นหนึ่งในคนที่ผมชื่นชอบมากที่สุด แฟรงคลินเป็นคนที่สุดยอดมาก”

หนังสือเล่มนี้เล่าถึงงานต่าง ๆ ที่แฟรงคลินได้ทำตลอดช่วงอายุของเขา ซึ่งความคล้ายคลึงของแฟรงคลินกับมัสก์ก็คือว่าทั้งคู่นั้นมีแนวคิดของความเป็นผู้ประกอบการคล้าย ๆ กัน แฟรงคลินเริ่มจากการอยู่ในธุรกิจโรงพิมพ์ เป็นผู้คิดค้นแว่นไบโฟคอล (แว่นตาที่มีเลนส์ที่มีการแยก ครึ่งล่างของเลนส์ช่วยในการอ่าน เลนส์บนช่วยให้ผู้สวมใส่ดูที่ระยะห่างไกลออกไป) ประดิษฐ์สายล่อฟ้า และยังเป็นผู้เริ่มก่อตั้งห้องสมุดแห่งแรกในอเมริกาอีกด้วย มีความสนใจทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สร้างสรรค์นวัตกรรมมากมาย จึงไม่แปลกใจที่เรื่องราวชีวิตของแฟรงคลินและสิ่งที่เขาทำนั้นจะเป็นแรงบันดาลใจให้มัสก์เริ่มต้นทำธุรกิจของตัวเองขึ้นมา

เล่มที่ 2 ‘Foundation Series’ โดย Isaac Asimov

ต้องเรียกว่าเป็นคอลเล็กชันเซตหนังสือมากกว่าที่จะเรียกว่าเป็นเล่ม เพราะ ‘The Foudation Series’ มีทั้งหมดด้วยกัน 6 เล่ม และเป็นแรงบันดาลใจสำหรับมัสก์ในการเริ่มต้น SpaceX ธุรกิจการเดินทางอวกาศเชิงพาณิชย์ที่มีเป้าหมายจะพามนุษย์ไปดาวอังคารนั่นเอง

โดยหนังสือเซตนี้เป็นเรื่องราวนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ที่มีจินตนาการอันกว้างไกล และคนที่สนใจเรื่องเกี่ยวกับการเดินทางในอวกาศหรือชื่นชอบนิยายแนวนี้ถือว่าเป็นเซตที่หลาย ๆ คนบอกว่าห้ามพลาดเลยทีเดียว ขนาดมัสก์เองยังมีทวีตแนะนำหนังสือชุดนี้เมื่อต้นปีที่ผ่านมาด้วยบอกว่า “คุ้มค่าที่จะอ่าน”

ในการสัมภาษณ์กับ Rolling Stone เขาแชร์บทเรียนที่ได้จากหนังสือเล่มนี้ว่า “บทเรียนที่ผมได้จาก [The Foundation] คือว่าคุณควรจะลงมือทำสิ่งที่มีโอกาสยืดการมีอยู่ของมนุษยชาติ ลดความเสี่ยงของการเกิดยุคมืด และย่นระยะเวลาช่วงที่ลำบากถ้ามันเกิดขึ้น”

โดยหนังสือชุดนี้ก็เป็นตัวจุดประกายให้มัสก์รู้สึกสนใจเกี่ยวกับการไปตั้งรกรากอยู่ที่ดาวอังคารและสร้างอาณานิคมใหม่ที่นั่น

เล่มที่ 3 ‘The Hitchhiker’s Guide to the Galaxy’ โดย Douglas Adams

นี่เป็นอีกซีรีส์นวนิยายวิทยาศาสตร์อีกเรื่องที่ได้รับความนิยมอย่างมาก เขาเล่าว่าครั้งแรกที่อ่านคือช่วงวัยรุ่น 13-15 ปี ซึ่งทำให้เขาสนใจเรื่องของการเป็นผู้ประกอบการขึ้นมา ช่วยทำให้เส้นทางชีวิตชัดเจนมากขึ้น หนังสือชุดนี้เหมือนเป็นเข็มทิศนำทางการเติบโตของเขาเลยทีเดียว เขาให้สัมภาษณ์กับ CBS Sunday Morning ว่า

“ทุกคนมีนักปรัชญาคนโปรด ส่วนของผมก็คือ ดักลาส อดัมส์ (Douglas Adams) ผมอ่าน ‘Hitchhiker’s Guide to the Galaxy’ ที่ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่ดี มันทำให้เห็นจุดสำคัญอย่างหนึ่งว่าส่วนใหญ่แล้วคำถามนั้นยากกว่าคำตอบ และถ้าคุณถามได้อย่างถูกต้อง คำตอบก็หาได้ไม่ยากเท่าไหร่”

ในบทความของ Business Insider บอกว่า “สำหรับมัสก์ที่อ่านหนังสือชุดนี้ตอนที่เป็นวัยรุ่นในแอฟฟริกาใต้แล้ว มันเป็นหนังสือที่มีประโยชน์ต่อความคิดของเขา ที่จริงเขาชอบมันมากขนาดที่ตอนเปิดตัว ​Tesla Roadster ในปี 2018 เขาเขียนคำว่า ‘Don’t Panic!’ ซึ่งเป็นคำที่อยู่บนหน้าปกหนังสือของเวอร์ชันแรก ๆ ไว้บนหน้าจอของรถ”

เล่มที่ 4 ‘Zero to One : Notes on Startups, or How to Build the Future’ โดย Peter Thiel

ปีเตอร์ ธีล (Peter Theil) ผู้ก่อตั้งบริษัท PayPal เป็นผู้ประกอบการและนักลงทุนที่มีชื่อเสียง หนังสือ ‘Zero to One’ เล่มนี้ถือเป็นหนังสือที่ใครก็ตามที่อยากทำสตาร์ตอัปของตัวเองหรืออยากทำธุรกิจในยุคใหม่ควรต้องอ่าน

มัสก์ก็เป็นคนหนึ่งที่เป็นผู้ประกอบการในยุคเดียวกับกับธีล สร้างบริษัทหลายแห่งของตัวเองขึ้นมา เขาบอกว่าหนังสือเล่มนี้ช่วยทำให้เห็นภาพที่ชัดเจนมากขึ้น ขั้นตอนของการสร้างนวัตกรรม วิธีการสร้างธุรกิจให้สำเร็จต้องทำยังไง “ปีเตอร์ ธีล ได้สร้างบริษัทที่สร้างความแตกต่างมากมาย และหนังสือเล่มนี้ก็บอกว่าต้องทำยังไง”

เล่มที่ 5 ‘Einstein : His Life and Universe’ โดย Walter Isaacson

นี่เป็นอีกเล่มโดยไอแซ็กสันที่สร้างแรงบันดาลใจอย่างมากให้กับมัสก์ เป็นเรื่องราวของ อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ หนังสือสารคดีที่แสดงให้เห็นว่าไอน์สไตน์เป็นคนทะนงตน มีความรู้สึกสร้างสรรค์และความคิดริเริ่มที่ทำให้เขาประสบความสำเร็จที่น่าเหลือเชื่อ ในการสัมภาษณ์กับรายการ ‘Foundation’ มัสก์บอกว่าเขาได้เรียนรู้หลายอย่างจากไอน์สไตน์ผ่านหนังสือเล่มนี้

ถ้าเราดูจากวลีคลาสสิกของไอน์สไตน์อย่าง “จินตนาการสำคัญกว่าความรู้” หรือ “คุณไม่มีทางล้มเหลว เว้นเสียแต่ว่าคุณล้มเลิกไปเอง” ก็จะเห็นว่าคำพูดเหล่านี้บ่งบอกถึงวิสัยทัศน์ของมัสก์ในการทำธุรกิจจนประสบความสำเร็จมาจนถึงทุกวันนี้ได้

อ้างอิง 1 อ้างอิง 2 อ้างอิง 3
อ้างอิง 4 อ้างอิง 5 อ้างอิง 6

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส