มาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้ง Facebook (เมตา – Meta) ได้ออกมากล่าวโทษการเติบโตอย่างรวดเร็วของติ๊กตอก (TikTok) ที่บริษัทไบท์แดนซ์ (ByteDance) เป็นเจ้าของ และคู่แข่งรายอื่นๆ และการลงทุนอย่างหนักและตลาดโฆษณาออนไลน์ที่เปลี่ยนแปลงไป ทำให้ได้รายงานผลประกอบการประจำปีที่น่าผิดหวัง ซึ่งทำให้มูลค่าตลาดของบริษัทลดลงไปกว่าหนึ่งในห้า เมื่อวันพุธที่ผ่านมานี้

ทางเมตาได้รายงานผลประกอบการไตรมาส 4 ที่อ่อนแอกว่าที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการเติบโตของผู้ใช้ในเอเชียแปซิฟิก ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทชะลอตัวลง และฐานผู้ใช้มีการเติบโตเพียงเล็กน้อย หรือลดลงในพื้นที่อื่น ๆ

นอกจากนี้ยังมีการคาดการณ์รายรับในไตรมาสแรก อยู่ที่ 27,000 ถึง 29,000 ล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 3% ถึง 11% ในปีนี้ แต่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าน่าจะน้อยกว่านั้น โดยหุ้นเมตาร่วงลงมากกว่า 20% ในการซื้อขายหลังปิดตลาด โดยลดไปกว่า 175 พันล้านดอลลาร์ จากมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด

“ผู้คนมีตัวเลือกมากมายกับวิธีที่พวกเขาอยากจะใช้เวลาว่าง และแอปอย่างติ๊กตอกก็กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วด้วย” มาร์ก กล่าวในการแถลงสรุปรายได้ของเมตา

ทางบริษัทรายงานว่ามีรายได้ 33,700 ล้านดอลลาร์ในช่วง 3 เดือนล่าสุด สิ้นสุดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม ซึ่งเพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้ว แต่รายได้สุทธิลดลง 8% มาอยู่ที่ 10,300 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรายได้ลดลง เมื่อเทียบปีต่อปี เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี

ราคาหุ้นของเมตาที่ลดลงอย่างหนักหลังตลาดปิด (ภาพโดย Google)

ทางเมตากล่าวว่าไตรมาสนี้ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่เพิ่มขึ้น และการเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวของแอปเปิ้ล (Apple) ซึ่งทำให้กำหนดเป้าหมายโฆษณาได้ยากขึ้น รวมถึงมีการใช้จ่ายเพื่อการลงทุนใหม่ การลงทุนไม่เพียงแต่รวมถึงโลกออนไลน์ใหม่ที่เรียกรวมกันว่า เมตาเวิร์ส (metaverse) เท่านั้น แต่ยังรวมถึงฟีเจอร์วิดีโอสั้นอย่าง Reels ซึ่งเป็นเหมือนติ๊กตอกของเฟซบุ๊กเอง ที่คาดว่ายังไม่สามารถดึงดูดผู้ใช้ได้มากเท่าที่ควร

เฟซบุ๊ก ซึ่งเป็นโซเชียลมีเดียหลักของเมตา มีผู้ใช้งาน 1,930 ล้านคนต่อวันในไตรมาสที่ 4 ซึ่งลดลง 1 ล้านคนจากช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา

ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกซึ่งเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของบริษัทมาอย่างยาวนานในด้านการเติบโตของผู้ใช้ เนื่องจากตลาดภายในประเทศในสหรัฐฯ เติบโตจนเริ่มถึงจุดอิ่มตัวแล้ว โดยเพิ่มผู้ใช้ประจำอยู่เพียง 1 ล้านคนต่อวัน รวมเป็น 806 ล้านคนในช่วงเวลาดังกล่าว หลังจากเติบโตขึ้นเป็นหลักสิบล้านเมื่อเทียบกันแบบไตรมาสต่อไตรมาส กับเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา ปัจจุบัน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีผู้ใช้ที่ใช้งานเฟซบุ๊กเป็นประจำทุกวัน รวมแล้วมากกว่า 40% ของเฟซบุ๊ก และเป็นภูมิภาคที่ใหญ่ที่สุดตอนนี้

ในขณะที่ภูมิภาคสหรัฐฯ-แคนาดาสูญเสียผู้ใช้ที่ใช้งานรายวันกว่า 1 ล้านคน ส่วนภูมิภาคยุโรปมีการเติบโตอยู่ 1 ล้านคน

เมตาได้ใช้เงินไปกว่า 4,200 ล้านดอลลาร์ใน ‘Reality Labs’ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่รวมอุปกรณ์แว่น VR, ซอฟต์แวร์ VR และกิจการที่เกี่ยวข้องกับเมตาเวิร์สอื่น ๆ ในไตรมาสที่สี่ ซึ่งเพิ่มขึ้น 48% เมื่อเทียบเป็นรายปี แต่แผนกนี้สร้างรายได้เพียง 877 ล้านดอลลาร์เท่านั้น

บริษัทมีกำหนดที่จะใช้จ่ายมากขึ้นในการเปิดตัวเมตาเวิร์สให้ได้ภายในปีนี้ “เราคาดว่าการสูญเสียจากการดำเนินงานของ Reality Lab จะสร้างผลตอบแทนให้ได้อย่างมีนัยยะสำคัญในปี 2022 นี้” เดวิด เวย์เนอร์ (David Wehner) ซีเอฟโอของเมตากล่าว

อ้างอิง
Nikkei Asia

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส