ประธานาธิบดีสี จิ้นผิง รู้และเข้าใจดีว่าการจะเบ่งรัศมีและบารมีเทียบเท่าท่านประธานเหมา เจ๋อตุงนั้น ตัวเองจะต้องมีคุณสมบัติอย่างไรบ้าง

สิ่งสำคัญที่สุดในการเป็นผู้นำจีนนั้นจะต้องมีคัมภีร์เป็นของตัวเอง ประธานเหมามีสมุดปกแดงเล่มเล็กเป็นสัญลักษณ์ จึงไม่น่าแปลกใจตลอดเวลาสิบปีที่ผ่านมาสีได้ใช้เวทีการเมืองทดลองความคิดสังคมนิยมที่มีลักษณะพิเศษของความเป็นจีน คือเศรษฐกิจนายทุนชิล ๆ ปกครองแบบสังคมนิยม มีรสชาติเผด็จการ พรรคคอมมิวนิสต์มีอำนาจสูงสุด

ช่วงสาม-สี่ปีหลังความคิดเหล่านี้ของสีเริ่มตกผลึกทำให้มั่นใจมากขึ้นว่า แนวความคิดและปรัชญาถูกต้องที่จะนำความเจริญและความภาคภูมิมาสู่มาตุภูมิจีนอย่างไม่เคยมีมาก่อน หลังจากที่ถูกโลกตะวันตกทำให้ชาติจีนอับอายขายหน้ามาเป็นเวลาหลายร้อยปี จนถึงวันนี้ทำให้เกิดแนวความคิดสีจิ้นผิง เพื่อสังคมนิยมแนวใหม่

สีต้องการเห็นสังคมจีนให้มีความเหลื่อมล้ำน้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นด้านความเป็นอยู่หรือการทำมาหากิน กล่าวคือสีต้องการให้ประชาชนคนจีนมีชีวิตที่ดีเท่ากับโลกตะวันตก รายได้ถัวเฉลี่ยต่อหัวต่อปีคนละประมาณ 10,000 เหรียญสหรัฐฯ ในอนาคต ผู้นำคนนี้เห็นว่าจีนมีพลังเศรษฐกิจพอที่จะผลักดันให้คนจีนมีคนจนน้อยที่สุด โดยเฉพาะเมื่อเปรียบเทียบกับโลกตะวันตก พูดง่าย ๆ จีนต้องปิดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนให้ลดน้อยที่สุด ไม่เอาอย่างแบบสหรัฐอเมริกาที่คนรวยได้รวยเอา จึงไม่แปลกที่สีหันมาเล่นงานเศรษฐีพันล้านเหรียญของจีนซึ่งมีมากที่สุดในโลกถึง 415 คนให้ได้แบ่งปันทรัพย์สินกับคนอื่น ๆ

สีได้เสนอแนวการพัฒนาแผนมั่งคั่งถ้วนหน้า (Common Prosperity) ซึ่งตอนนี้ยังเป็นสิ่งใหม่ มุ่งประเด็น 3 เรื่องใหญ่คือที่อยู่อาศัย สุขภาพ และการศึกษา ตอนนี้จีนต้องการสร้างชาติให้เข้มแข็ง ร่ำรวย และต้องมีคุณธรรมด้วย ประเด็นหลังยังมองไม่เห็น เพราะในช่วงอดีตผู้นำเติ้ง เสี่ยวผิง รัฐบาลจีนส่งเสริมให้ประชาชนทำงานหนักให้มีสตางค์ นั่นจึงเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า “Too get rich is glorious” พูดง่าย ๆ คือมีเงินมีทองเป็นสิ่งรุ่งโรจน์ งดงาม ด้วยเมื่อมีเงินแล้วก็สามารถปรับปรุงตนเองและสภาพสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น

มาในช่วงนี้ สีได้ใช้โอกาสที่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครบรอบร้อยปีประกาศศักดาตัวเอง ในที่ประชุมพรรคในวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งได้ลงมติครั้งประวัติศาสตร์ที่ยกสถานะของเขาในประวัติศาสตร์การเมืองจีน ให้ยิ่งใหญ่เท่ากับประธานเหมา เจ๋อตุง ในปี 1945 และในยุคของนายเติ้ง เสี่ยวผิง ในปี 1981 ต้องยอมรับว่าคนจีนทั่วไปสนับสนุนสี แต่คนในเมืองมีความรู้สึกต่างออกไปคือไม่พอใจที่รัฐบาลชอบมายุ่งกับชีวิตทรัพย์สินของพวกเขา

ตอนนี้เท่ากับว่าสีได้รับการยอมรับอย่างไม่เป็นทางการจากผู้ใหญ่ในพรรคว่าสามารถอยู่ต่อเป็นประธานาธิบดีจีนวาระที่ 3 ในปี 2018 สภาประชาชนแห่งชาติจีนได้ลงมติแก้ไขธรรมนูญของพรรคคอมมิวนิสต์ ให้วาระตำแหน่งของประธานาธิบดีจากที่จำกัดเพียง 2 สมัย ให้เป็นการดำรงตำแหน่งอย่างไม่มีกำหนดได้ ซึ่งช่วยเปิดทางให้ประธานาธบดีสี สามารถอยู่ต่อในตำแหน่งได้ตลอดชีพ

จีนพัฒนามาถึงช่วงที่สำคัญที่สุดกำลังจะเป็นอภิมหาอำนาจอันดับหนึ่งของโลกในเร็ว ๆ นี้ ทั้งโลกกำลังจับตามองทุกย่างก้าวของสี โดยเฉพาะผู้นำสหรัฐอเมริกา ทั้งสีกับประธานาธิบดีโจ ไบเดน ที่ได้ประชุมทางไกลกันไปเมื่อวานนี้ ต้องเฝ้าดูว่ามวยรุ่นซูเปอร์เฮฟวีเวตนั้นจะมีผลออกมาในรูปแบบไหน

ปีหน้าในฐานะที่ไทยเป็นประธานเอเปก มีโอกาสที่สี จิ้นผิง จะมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการเป็นครั้งแรกหลังจากได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเกือบปีที่ผ่านมา พร้อมทั้งเข้าประชุมสุดยอดเอเปกในปลายเดือนพฤศจิกายนด้วย

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส