วันนี้สงครามที่เกิดจากการที่รัสเซียรุกรานเข้าสู่ยูเครนก็ดำเนินต่อเนื่องมาเป็นวันที่ 22 แล้ว นานาชาติยังคงให้ความสนใจต่อสงครามครั้งนี้ ภาคการค้าหลาย ๆ บริษัทชั้นนำก็ร่วมกันคว่ำบาตร ในด้านสงครามนั้น ภาพผู้บริสุทธิ์ที่ได้ถูกเผยแพร่ไปผ่านสื่อต่าง ๆ ก็ได้รับความเห็นอกเห็นใจจากนานาชาติมีการส่งกองกำลังเข้ามาร่วมสนับสนุน รวมไปถึงอดีตนักรบที่อาสาเข้าร่วมกับกองกำลังยูเครนเป็นการส่วนตัว และหนึ่งในนักรบอาสาที่กลายเป็นที่สนใจจากสื่อทั่วโลกนั่นก็คือ “Wali” สไนเปอร์มือฉมังที่สุดในโลกขณะนี้

Wali เป็นใคร ทำไมจึงตัดสินใจเข้าร่วมกองทัพยูเครน?

Wali เป็นสไนเปอร์มืออาชีพชาวแคนาเดียน ปัจจุบันเขาทำงานเป็นคอมพิวเตอร์โปรแกรมเมอร์ในวัย 40 ปี แต่เขาก็ตัดสินใจลางานและทิ้งครอบครัวไว้เบื้องหลัง แล้วเข้าร่วมกับกองกำลังนานาชาติเพื่อทำหน้าที่ปกป้องผืนแผ่นดินให้ชาวยูเครน ฉายานามของเขานั้นเป็นที่รู้จักกันในนาม “Wali” ไม่มีการเปิดเผยชื่อเสียงเรียงนามจริง เพื่อความปลอดภัยและความสงบสุขในชีวิตส่วนตัวของเขา มีการเปิดเผยเพียงว่า Wali เป็นภาษาอารบิกแปลว่า Guardian หรือ ผู้พิทักษ์ การเข้าร่วมในครั้งนี้ของ Wali เขามาในตามตนเอง เหตุเพราะรัฐบาลแคนาดาได้ออกประกาศเตือนประชาชนชาวแคนาเดียนไม่ให้เดินทางไปยูเครนในช่วงนี้ แต่ถ้าชาวแคนาเดียนมีความตั้งใจจะเข้าร่วมรบกับกองกำลังชาวยูเครนก็สามารถกระทำได้ด้วย “ความสมัครใจส่วนบุคคล”

Wali เดินทางมาถึงแผ่นดินยูเครนตั้งแต่วันที่ 4 มีนาคม พร้อมกับเพื่อนร่วมทีมชาวแคนาเดียนอีก 3 คน แล้วมาสมทบกับทีมอดีตทหารผ่านศึกชาวอังกฤษ ทั้งกลุ่มเดินทางเข้ายูเครนผ่านมาทางโปแลนด์ เข้าพักที่บ้านพักรับรองก่อน แล้วจึงเริ่มต้นปฏิบัติการร่วมกับกองทัพทหารและประชาชนชาวยูเครน การเข้าร่วมครั้งนี้ Wali พกอุปกรณ์ของตัวเองมาเต็มอัตราศึก มีทั้งหน้ากากป้องกันแก๊ส, ชุดกิลี (ชุดรบลายพรางที่เหล่าสไนเปอร์นิยมกัน), กล้องส่องทางไกล, แจ็กเก็ตรบจากสงครามอัฟกัน

สไนเปอร์ผู้มีอาชีพจริงเป็นโปรแกรมเมอร์

Wali เผยความรู้สึกต่อสื่อว่า “เมื่อสัปดาห์ก่อนผมยังนั่งทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์อยู่เลย แต่กลายเป็นว่าตอนนี้ผมต้องคว้ามิสไซล์ต่อสู้รถถังจากห้องเก็บของเพื่อมาฆ่าคนจริง ๆ ซะแล้ว………….นี่มันคือโลกแห่งความเป็นจริงของผมตอนนี้”

เขาเผยความรู้สึกเพิ่มเติมว่า หลังจากที่เขาได้เห็นภาพที่กองทัพรัสเซียรุกรานยูเครนแล้วเขาก็สามารถนิ่งเฉยอีกต่อไปได้
“ตอนที่ผมเห็นภาพซากปรักหักพังในยูเครนแล้ว ผมนึกถึงหน้าลูกชายตัวเองขึ้นมา ถ้าเป็นเขากำลังตกอยู่ในอันตรายเช่นนี้ล่ะ ผมได้เห็นภาพอาคารบ้านเรือนที่ถูกทำลายย่อยยับ ได้เห็นภาพเจ้าของบ้านที่ต้องเสียใจอย่างสุดแสนเมื่อเห็นเงินที่ทรัพย์สินจากเงินทองที่เขาเก็บหอมรอมริบมาทั้งชีวิตได้สลายกลายเป็นฝุ่นควัน ผมคิดว่าชาวยูเครนไม่สมควรต้องได้รับชะตากรรมเช่นนี้”

Wali ในอัฟกัน

ในเที่ยวนี้ Wali ได้ซื้อโดรนมาใช้ด้วย เพื่อบินสำรวจก่อนลงมือปฏิบัติการ เขาเล่าอีกว่าเขาต้องปัดฝุ่นรื้อฟื้นทักษะในการยิงเฮลิคอปเตอร์ และ รถถัง เสียหน่อย แต่ทั้งหมดที่ทำไปนี่เพราะมนุษยธรรมล้วน ๆ เขาไม่ได้มีความเกลียดชังชาวรัสเซียนเป็นการส่วนตัวแต่อย่างใด มีข่าวไม่ยืนยันล่าสุด นับถึงวันนี้ Wali ปลิดชีพทหารรัสเซียนไปเรียบร้อยแล้ว 6 ราย

ภาพผู้คนชาวยูเครนที่ต้องใจสลายเมื่อที่พักอาศัยถูกทำลาย เหตุให้ Wali ตัดสินใจเข้ารวมสงคราม (Euronews)

แม้ว่า Wali จะเข้าร่วมด้วยคุณธรรมในตัวที่เห็นแก่ความทุกข์ยากของผู้บริสุทธิ์ แต่เขาก็ต้องแลกกับชีวิตครอบครัว เขาต้องพลาดงานวันเกิดที่ครบ 1 ขวบของลูกชาย แต่ Wali ก็เข้าใจดีว่านี่คือหนทางที่เขาเลือกแล้ว
“ผมต้องการช่วยจริง ๆ นะ…..ความเป็นจริงมันเรียบง่ายแค่นี้แหละ ผมตัดสินใจมาช่วยก็เพราะผมเห็นชาวบ้านต้องโดนระเบิดถล่มที่อยู่อาศัยเพียงแค่เพราะเขาอยากจะเป็นชาวยุโรป ไม่ได้อยากเป็นชาวรัสเซียน’
Wali ยังเล่าต่ออีกว่าชาวยูเครนต่างดีอกดีใจที่เห็นเขามาร่วมรบเพื่อชาวยูเครน “พวกเขาดีใจที่เห็นพวกเราเข้าร่วมรบ มันเหมือนกับว่าเราเป็นเพื่อนของพวกเขาไปแล้ว”

ทำไมเขาจึงได้ฉายาว่า สไนเปอร์ที่อันตรายที่สุดในโลก?

Wali เคยประจำการอยู่ในกรมทหารราบที่ 22 ของกองทัพแคนาเดียน ที่ประจำการอยู่ในเมืองกันดาฮาร์ ระหว่างสงครามอัฟกัน ช่วงปี 2009 – 2011, ในปี 2015 เขายังอาสาไปร่วมรบในอิรัก โดยไปสมทบกับกองกำลังชาวเคิร์ด และตลอดช่วงเวลาที่ Wali ประจำการนี่ล่ะ ที่เขาได้แสดงฝีมือการลอบยิงของเขาให้เป็นที่ประจักษ์ เพราะว่าสไนเปอร์ทั่วไปจะสามารถปลิดชีพฝ่ายตรงข้ามได้เฉลี่ยวันละ 5 – 6 ราย แต่สำหรับ Wali เขาสามารถเก็บเป้าหมายได้สูงถึง 40 รายต่อวัน ไม่เพียงแค่นั้น Wali ยังเป็นผู้ครองสถิติโลก ในการสังหารเป้าหมายจากระยะทางไกลที่สุดที่เคยมีสไนเปอร์ทำได้ ในเดือนมิถุนายน 2017 เขายิงนักรบ IS ในเมืองโมซูล ด้วยปืนไรเฟิล McMillan Tac-50 จากระยะทางไกลถึง 3.5 กิโลเมตร ได้สำเร็จ

นับถึงวันนี้มีกองกำลังอาสาสมัครกว่า 20,000 นาย จาก 52 ประเทศ เข้าร่วมกับกองกำลังยูเครนแล้ว นักรบต่างชาติเหล่านี้จะสวมเครื่องแบบทหารของยูเครน ในกรณีนี้ถ้าพวกเขาถูกทหารรัสเซียจับตัวไป พวกเขาจะได้รับการคุ้มครองภายในสนธิสัญญาเจนีวา ที่มีข้อกำหนดให้กองทัพปฏิบัติต่อเหยื่อที่เป็นฝ่ายตรงข้ามอย่างมีมนุษยธรรม

อ้างอิง อ้างอิง