ตลอดระยะเวลาเกือบ 40 ปีในวงการแสดง ของ คีอานู รีฟส์ (Keanu Reeves) เขาไม่เพียงแค่ฝากผลงานการแสดงไว้กว่า 100 เรื่อง แค่นั้น ด้วยตัวตนที่แท้จริงของเขาที่มักเป็นคนติดดินและให้ความเป็นกันเองกับผู้คนรอบข้างเสมอมา จึงทำให้รีฟส์ในวัย 59 ปีผู้นี้ ยังคงเป็นที่รักของแฟน ๆ ทั่วโลกเสมอมา และยังคงสร้างเรื่องราวน่ารักต่อผู้คนจนมีเรื่องเล่าจากแฟน ๆ ถึงความประทับใจในตัวเขาออกมาเรื่อย ๆ

เจมส์ เดเทอร์

วันนี้มีเรื่องเล่าจาก เจมส์ เดเทอร์ (James Dator) นักเขียนประจำ SBNation ได้ย้อนเล่าประสบการณ์ในช่วงปี 90’s ที่เขาได้พบกับ คีอานู รีฟส์ ตัวเป็น ๆ ในวันที่เขาอายุ 16 ปี และทำงานเป็นพนักงานขายตั๋วอยู่ในซิดนีย์ แล้วรีฟส์มาดูหนัง แต่เขาลืมขอลายเซ็น และเรื่องราวต่อจากนั้นคือความประทับใจไม่รู้ลืมของเดเทอร์

“คีอานูมาที่โรงหนังที่ผมทำงานอยู่ ตอนนั้นผมยังอยู่ในซิดนีย์เมื่อปี 2001 ตอนนั้นเขากำลังถ่ายทำหนัง ‘Matrix’ อยู่ มันเป็นเช้าวันพุธที่เงียบสงบมาก แทบไม่มีคนมาดูหนังเลย”
“ผมนั่งขายตั๋วอยู่ในบ็อกซ์ออฟฟิศ บรรยากาศโคตรน่าเบื่อเลย แล้วจู่ ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาซื้อตั๋ว ขอสวมยีนส์ แจ็กเก็ตหนัง และใส่หมวกแบบสำหรับใส่ขี่ม้า มันเป็นหมวกที่ดูประหลาด ซึ่งผมต้องใช้เวลาประมาณ 30 วินาที ในการสลัดความสนใจจากหมวกประหลาดนั่น ผมถึงได้สังเกตว่าคนนี้คือ คีอานู รีฟส์”

From Hell (2001) หนังที่ คีอานู รีฟส์ ไปซื้อตั๋วดู


เดเทอร์เล่าต่อว่า รีฟส์มาขอซื้อตั๋วหนังเรื่อง ‘From Hell’ ที่ จอห์นนี่ เดปป์ (Johnny Depp) แสดง และมันเป็นช่วงเวลาที่เด็กหนุ่มอายุ 16 ปี รู้สึกตื้นตันที่ได้เจอดาราตัวเป็น ๆ
“ตอนนั้นผมตื่นเต้นมากที่ได้เจอดาราดัง แล้วผมก็คิดมุกที่จะขอลายเซ็นเขา เป็นความคิดแบบที่เด็กอายุ 16 คนนึงจะคิดได้ ผมก็เลยบอกเขาไปว่า ผมอยากให้ส่วนลดสำหรับพนักงานกับคุณน่ะ”
“ซึ่งถ้าแผนผมได้ผล เขาก็ต้องเซ็นชื่อบนเอกสารของผม แล้วผมก็จะได้ลายเซ็นของเขา”
“แต่แล้วคีอานูก็ตอบกลับมาว่า ‘แต่ผมไม่ได้ทำงานที่นี่นะ’ สงสัยเขาจะงง ๆ กับข้อเสนอของผม ก็เลยทำผมอึ้ง ๆ ไปเหมือนกัน ผมก็เลยขายตั๋วราคาปกติไปให้เขา แล้วก็โทษตัวเองที่ไม่ได้ลายเซ็นจากเขามา”

หมวกกันน็อคขี่ม้า คงจะหน้าตาแบบนี้แหละครับ


“2 นาทีผ่านไป มีคนมาเคาะประตูที่อยู่ด้านหลังผม ตอนแรกผมคิดว่าเป็นผู้จัดการ แต่นั่นคือคีอานู”
“เขาบอกกับผมว่า ‘ผมคิดว่าคุณคงอยากได้ลายเซ็นผม ผมก็เลยเซ็นนี่มาให้’ แล้วเขาก็ยื่นใบเสร็จจากร้านขายขนมมาให้ ซึ่งมีลายเซ็นเขาอยู่ด้านหลัง จากนั้นเขาก็เดินไปโยนไอติมลงถังขยะแล้วก็เข้าโรงไปดูหนัง”
“ทำให้ผมมาเข้าใจภายหลังเลยว่า เขาซื้อไอศกรีมโคนที่เขาไมได้อยากกิน แต่เพื่อเอาใบเสร็จมาเซ็นลายเซ็นให้ไอ้โง่วัย 16 ปีคนหนึ่ง”
แต่นั่นก็คือวีรกรรมที่ เด็กวัย 16 ปีคนนั้นไม่เคยลืม แม้จะผ่านมา 20 กว่าปีแล้วก็ตาม เชื่อว่ายังมีวีรกรรมที่รีฟส์สร้างความตราตรึงใจต่อผู้คนรอบข้างไว้อีกมาก ที่คงจะทยอยบอกเล่าออกมาอีกเรื่อย ๆ

ที่มา : Ladbible