เดอนี วีลเนิฟว์ (Denis Villeneuve) ผู้กำกับ ‘Blade Runner 2049’ (2017) และ ‘Dune: Part One’ (2021) เป็นหนึ่งในผู้กำกับที่สนับสนุนการฉายภายพนตร์บนจอภาพยนตร์ขนาดใหญ่เพื่อคงไว้ซึ่งเสน่ห์การฉายภาพยนตร์แบบดั้งเดิมเอาไว้ โดยผลงานกำกับล่าสุดของเขาอย่าง ‘Dune: Part One’ ได้รับการยกย่องว่าควรค่าแก่การชมบนจอภาพยนตร์ โดยเฉพาะจอภาพยนตร์ขนาดยักษ์อย่าง IMAX อย่างจริงจัง

นอกจากนี้ ภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปี 2023 นี้ อย่าง ‘Oppenheimer’ และ ‘Barbie’ ก็ใช้ประโยชน์จากการฉายบนจอ IMAX ได้อย่างเต็มศักยภาพ

ล่าสุดวีลเนิฟว์ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าว AP (Associated Press) ว่า เขาคาดหวังมาโดยตลอดว่า ‘Oppenheimer’ จะประสบความสำเร็จด้านรายได้ และตัวภาพยนตร์ก็ทำรายได้อย่างมหาศาลเกินกว่าที่เขาคาดคิด

“IMAX และฟอร์แมตขนาดใหญ่ เป็นอนาคตของการฉายภาพยตร์ ผู้ชมต้องการเห็นสิ่งที่พวกเขาไม่สามารถหาชมได้ที่บ้าน หรือบนบริการสตรีมมิง พวกเขาต้องการสัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษ”

Denis Villeneuve Dune

หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ ‘Oppenheimer’ ประสบคามสำเร็จด้านรายได้ทั่วโลกอย่างมหาศาลถึง 926 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 180 ล้านเหรียญ มาจากการฉายบนฟอร์ตแมตขนาดใหญ่บนจอ IMAX และฟิล์มขนาด 70 มม. ซึ่งเอื้อให้ผู้ชมได้รับชมภาพที่สามารถชมได้บนจอโทรทัศน์ที่บ้าน ซึ่งช่วยกระตุ้นยอดจำหน่ายตั๋ว IMAX อย่างชัดเจน จนเกิดเป็นปรากฏการณ์ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์อย่างเหลือเชื่อ

วีลเนิฟว์ยังได้กล่าวถึง ‘Dune: Part Two’ ที่เป็นภาคต่อจากภาพยนตร์ไซไฟมหากาพย์เมื่อปี 2017 ว่า นอกจากจะคิดถึงการเข้าชิงรางวัลออสการ์เช่นเดียวกับภาพยนตร์ต้นฉบับแล้วนั้น เขายังคิดถึงการสร้างภาคที่ 3 ที่อ้างอิงจากนวนิายขื่อ ‘Dune Messiah’ เพื่อสร้างไตรภาค ‘Dune’ อย่างสมบูรณ์

“ถ้าหากได้สร้างเป็นไตรภาคได้สำเร็จ ก็จะเหมือนกับฝันที่เป็นจริง ‘Dune Messiah’ ถูกเขียนขึ้นเพื่อนำแนวคิดในอีกมุมหนึ่งที่ผู้คนมองว่า Paul Atreides (รับบทโดย ทิโมธี ชาลาเมต์) เป็นวีรบุรุษทั้งที่เจ้าตัวไม่ต้องการ งานดัดแปลงของผมจะลงลึกไปในความคิดของตัวละครนี้มากขึ้น”

ที่มา : IndieWire

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส