ภาพยนตร์ไม่ใช่เพียงแค่สื่อให้ความบันเทิงเพลิดเพลินเจริญใจเท่านั้น หลายครั้งหนังดี ๆ ก็กลายเป็นสื่อการศึกษาที่น่าสนใจและให้สาระและแง่มุมได้หลากหลาย แต่แน่นอนว่าไม่ใช่หนังทุกเรื่องที่จะเหมาะไปทำเป็นสื่อการศึกษา หรือเอาไปฉายให้เด็กดู แล้วก็ไม่รู้ด้วยว่าอยู่ดี ๆ ครูสอนคณิตศาสตร์คนนี้คิดยังไงถึงเอาหนังสยองขวัญสุดโหดไปเปิดให้เด็กชั้นประถมดู

เว็บไซต์สำนักข่าว CBS News รายงานว่า มิเชล ดิแอซ (Michelle Diaz) ผู้ปกครองของลูก ๆ ฝาแฝด ได้ร้องเรียนกับสื่อ หลังจากที่ลูกแฝดชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ของโรงเรียน The Academy of Innovative Education เมืองไมอามีสปริงส์ (Miami Springs) รัฐฟลอริดา สหรัฐอเมริกา ดูมีอาการผิดปกติ หลังจากที่ลูก ๆ ของเธอกลับมาจากโรงเรียน

ดิแอซเปิดเผยกับ CBS News ว่า เมื่อวันที่ 2 ตุลาคมที่ผ่านมา โรงเรียน The Academy of Innovative Education ซึ่งเป็นโรงเรียนในการควบคุมของรัฐ (Charter School) ของเมืองไมอามีสปริงส์ ที่เปิดสอนตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย (K-12) ได้ทำการเรียนการสอนตามปกติ โดยในชั้น ป.4 ลูก ๆ ของดิแอซได้มีโอกาสชมหนังสยองขวัญเลือดสาดล้อเลียน ‘Winnie-the-Pooh: Blood and Honey’ ซึ่งมีเนื้อหาและภาพที่รุนแรง ที่ครูคณิตศาสตร์ได้เปิดให้นักเรียนชมในระหว่างการเรียนการสอนเป็นเวลา 20-30 นาที

ดิแอซอ้างว่า ลูก ๆ ของพวกเธอได้ขอให้ครูคณิตศาสตร์หยุดฉายหนัง ดิแอซกล่าวว่า “เขาไม่ได้หยุดฉายหนังเรื่องนี้ แม้จะมีเด็ก ๆ พูดว่า ‘เฮ้ หยุดฉายหนังเถอะครู เราไม่อยากดูหนังเรื่องนี้'” แต่สุดท้ายกลับถูกเพิกเฉย จนเมื่อกลับถึงบ้าน ลูก ๆ ของเธอดูมีสีหน้าท่าทางว้าวุ่นใจ จนกระทั่งเมื่อเล่าให้เธอฟัง เธอจึงได้เข้าร้องเรียนกับผู้บริหารของโรงเรียนโดยทันที

ดิแอซยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ในวันนั้นเด็กนักเรียนเป็นคนที่เลือกหนังเรื่องนี้ ซึ่งเธอได้โต้แย้งว่า “นี่ไม่ใช่หน้าที่ของพวกเขาที่จะตัดสินใจว่าพวกเขาต้องการอะไร มันขึ้นอยู่กับคุณครูที่ต้องควบคุมเนื้อหาด้วย” พร้อมทั้งกล่าวว่าจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้เด็กบางคนได้รับผลกระทบร้ายแรง แต่โรงเรียนกลับเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของเธอ “ฉันรู้สึกเหมือนถูกโรงเรียนทอดทิ้ง เหมือนโรงเรียนกำลังเหลียวแลเด็ก ๆ เลย” ดิแอซกล่าว

Winnie the Pooh: Blood and Honey

‘Winnie-the-Pooh: Blood and Honey’ หนังสแลชเชอร์ (Slasher) อินดี้ฟอร์มเล็กที่สร้างขึ้นเพื่อล้อเลียนคาแรกเตอร์จากหนังสือนิยายสำหรับเด็ก ‘วินนี-เดอะ-พูห์’ (Winnie-the-Pooh) ที่กลายเป็นสาธารณสมบัติ (Public Domain) เมื่อปี 2022 หลังจากเผยแพร่มาเป็นระยะเวลา 95 ปี ตามกฏหมายลิขสิทธิ์ของสหรัฐอเมริกา กำกับและเขียนบทโดย รีส เฟรก-วอเตอร์ฟิลด์ (Rhys Frake-Waterfield)

ตัวหนังว่าด้วยเรื่องของ คริสโตเฟอร์ โรบิน ที่ทิ้งพูห์และพิกเล็ตไปเรียนมหาวิทยาลัย จนเมื่อโตเป็นหนุ่มและกลับมาอีกครั้ง พูห์และพิกเล็ตแปรเปลี่ยนไปเป็นฆาตกรผู้โหดเหี้ยมเกลียดมนุษย์ ไล่คร่าชีวิตด้วยวิธีการอันโหดร้ายด้วยความที่ตัวหนังมีฉากโหด ความรุนแรง เพศ และคำหยาบคาย ทำให้หนังเรื่องนี้ได้รับเรต 18+ ตอนฉายในไทย แต่กลับได้เรต NR (Not Rated) หรือยังไม่ได้รับการจัดเรตติงในสหรัฐอเมริกา

แม้ตัวหนังจะถูกวิจารณ์ถล่มยับ ทำคะแนนนักวิจารณ์จากเว็บไซต์ Rotten Tomatoes ได้เพียงแค่ 3% แต่กลับทำรายได้สูงถึง 5.2 ล้านเหรียญ จากทุนสร้างเพียง 100,000 เหรียญ พร้อมกับประกาศว่าจะมีภาคต่อ ที่จะใช้ทุนสร้างเพิ่มขึ้น 5 เท่า รวมทั้งยังวางแผนจะนำเอา Public Domain เรื่องอื่น ๆ มายำเป็นหนังเพี้ยน ๆ อีกหลายเรื่องด้วย

หลังจากมีข่าวเผยแพร่ออกมา เวรา เฮิร์ซ (Vera Hirsh) ผู้อำนวยการของโรงเรียน ได้ออกมาเปิดเผยต่อกรณีดังกล่าวกับ Miami New Times โดยอ้างว่าครูคณิตศาสตร์คนดังกล่าวได้หยุดฉายหนังก่อนที่จะมีฉากรุนแรงสยดสยอง “ทันทีที่ครูรู้ว่ากำลังฉายอะไรอยู่ หนังก็ถูกปิดไป”

นอกจากนี้ เฮิร์ซยังได้ออกแถลงการณ์ในนามของโรงเรียนด้วยว่า “โรงเรียน Academy for Innovative Education ตระหนักดีว่ามีการฉายส่วนหนึ่งของภาพยนตร์สยองขวัญแก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ในวันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม 2023 ซึ่งไม่เหมาะสมกับช่วงอายุ”

“ฝ่ายบริหารของเราได้แก้ไขปัญหานี้กับครูโดยตรงทันที และได้ดำเนินการตามความเหมาะสม เพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัย และความเป็นอยู่ที่ดีของนักเรียน เรากำลังจับตาดูนักเรียนอย่างกระตือรือร้น รวมทั้งที่ปรึกษาด้านสุขภาพจิตและผู้อำนวยการของเราได้เข้าพบกับนักเรียนที่มีความกังวลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว”


ที่มา: CBS News, DailyMail

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส