ตอนสุดท้ายในซีซันที่ 2 ของซีรีส์ ‘Loki’ เป็นตอนจบที่แม้หลายคนจะพอคาดเดาได้ แต่ก็มีความแปลกและเต็มไปด้วยความสะเทือนอารมณ์อย่างคาดไม่ถึง โดยเฉพาะการตัดสินใจเสียสละตัวเองของโลกิ อดีตเทพจอมเจ้าเล่ห์ ที่ตัดสินใจเลือกหนทางอันยากลำบาก เปลี่ยนตัวเองให้กลายเป็น กลายเป็นเทพแห่งเรื่องราว (God of Story)

God of Story เป็นผู้ปลดแอกจากลูปในเส้นเวลาศักดิ์สิทธิ์ของชายผู้คงอยู่ (He Who Remains) มอบชีวิตและเจตจำนงเสรีให้กับสรรพชีวิตในมัลติเวิร์ส รวมทั้งเหล่าพนักงานของ TVA (Time Variance Authority) เป็นลิขิตอันทรงเกียรติ (Glorious Purpose) ที่เขาเลือกเองด้วยความเต็มใจ แม้จะต้องแลกมาด้วยการอยู่อย่างโดดเดี่ยวในเส้นเวลา ที่ตอนนี้แปรรูปกลายเป็นต้นอิกดราซิล (Yggdrasil) ไปตลอดกาลก็ตาม

ซึ่งในแง่ของซีรีส์ นี่ถือเป็นการปิดฉากเรื่องราวของโลกิ ในซีรีส์ ‘Loki’ ที่ฉายใน Disney+ ทั้ง 2 ซีซันอย่างที่เรียกได้ว่าจบบริบูรณ์ โลกิกลายมาเป็นฮีโรที่หลายคนรักได้อย่างเต็มใจ จนทำให้หลายคนต่างก็สงสัยว่า นี่อาจจะเป็นบทสรุปการเดินทางของตัวละครโลกิ ใน MCU ที่รับบทโดย ทอม ฮิดเดิลสตัน (Tom Hiddleston) มาอย่างยาวนานนับทศวรรษหรือไม่

Loki Season 2 © 2023 MARVEL

และสิ่งที่หลายคนตั้งคำถามไม่น้อยก็คือ โลกิจะมีโอกาสกลับมาในเรื่องราวอื่น ๆ ของ MCU ได้หรือไม่ ซึ่งเขาได้แง้มเรื่องนี้ไว้ในบทสัมภาษณ์กับเว็บไซต์ CinemaBlend

“ใช่ ผมจะสื่อว่า… บางทีสิ่งที่ผมควรบอกก็คือ ผมรู้สึกพอใจกับตอนจบของซีซัน 2 มาก ๆ มันเป็นเหมือนเสียงสะท้อนแห่งการเดินทางทั้งหมด มันเหมือนกับดนตรีที่ตอนสุดท้ายคุณจะได้ยินความตึงเครียดในบทสนทนา เรากำลังวนเวียนในธีม เช่นเดียวกับที่ผมวนเวียนกับโลกิมาโดยตลอด”

“แต่เขา (โลกิ) เป็นตัวละครที่มีความคิดในเรื่องของการเป็นเจ้าของ ความคิดเกี่ยวกับอัตลักษณ์ จุดมุ่งหมาย นั่นคือตัวตนของเขาที่มีมาตั้งแต่เริ่มต้นใน ‘Thor’ ภาคแรก เขาสงสัยว่าเขาอยู่ตรงไหน ครอบครัวที่เขาอยู่ เขาสงสัยว่าตัวเขามีบทบาทอย่างไรในเรื่องราวทั้งหมด”

“ในขณะที่ธอร์ (Thor) ถูกกำหนดมาให้เป็นราชาแห่งแอสการ์ด แล้วตัวเขาล่ะเป็นใคร ? โลกิคือใคร ? และผมก็ถามคำถามเหล่านั้นมาตลอดทาง เช่นว่า โลกิคิดว่าตัวเขาเองเป็นใคร เขาคิดว่าตัวเขาเองเป็นใคร และอันที่จริงแล้วตัวเขาเองเป็นใคร ? และจากนั้นในซีรีส์ทั้ง 2 ซีซัน การเผชิญหน้ากับมอร์เบียสและซิลวี ที่เปรียบเหมือนกระจกเงา (ของโลกิ) ก็เป็นอีกหนึ่งการค้นหา ในการที่เราจะได้เจาะลึกลงไปในแนวคิดเหล่านั้น”

ก่อนหน้านี้ ฮิดเดิลสตันได้เปิดเผยเรื่องราวสำคัญในรายการ ‘The Tonight Show Starring Jimmy Fallon’ ที่เหมือนเป็นการสรุปชีวิตและการเดินทางอันยาวนานของเขา ในบทบาทโลกิของ MCU ที่หลายคนฟังแล้วต่างก็รู้สึกเหมือนเป็นประโยคสั่งลาส่งท้ายบทบาทโลกิของเขายังไงชอบกล

“สำหรับคนที่ยังไม่ได้ดูนะครับ ไม่เป็นไร ผมไม่สปอยล์เนื้อหาซีรีส์หรอก ผมแค่อยากจะบอกว่า ตอนจบของซีรีส์ จากซีซัน 1 ถึงซีซัน 2 ถือเป็นบทสรุปที่สมบูรณ์แบบ และยังเป็นบทสรุปของหนัง 6 เรื่อง ซีรีส์ 12 ตอน และ 14 ปีของชีวิตผมในบทบาทนี้ด้วย ผมแสดงบทบาทนี้มาตั้งแต่อายุ 29 จนตอนนี้ 42 ปีแล้ว มันเป็นการเดินทางที่ยาวนานมากจริง ๆ “

“ผมคิดว่า ตอนจบในหนังทุกเรื่องที่ผมแสดง ผมจะได้ยินเสียงสะท้อนของโลกิในทุกเวอร์ชัน ผมคิดว่านั่นแหละคือลิขิตอันทรงเกียรติ ไม่สปอยล์นะ ใน ‘Avengers’ (2012) ภาคแรก โลกิลงมายังโลก มองตรงไปที่นิก ฟิวรี (แซมมวล แอล แจ็กสัน – Samuel L. Jackson) แล้วพูดว่า ‘ข้าคือโลกิแห่งแอสการ์ด ข้ามาเพราะมีภาระในลิขิตอันทรงเกียรติ’ เขาเป็นคนหยิ่งยโส หุนหันพลันแล่น และจองหองพองขน เขาต้องการจะยึดครองโลก ซึ่งมันก็ไม่ดีกับเขาเลย ทุกคนคงเห็นตอน (ที่โลกิ) เผชิญหน้ากับธานอสใน ‘Avengers: Infinity War’ (2018) ซึ่งก็ยังไม่ได้ทรงเกียรติอะไรขนาดนั้น”

“ในซีซัน 1 มอร์เบียส ที่รับบทโดย โอเวน วิลสัน (Owen Wilson) ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเท่าที่เคยมีมา ได้ทำให้โลกิรู้ว่าแท้จริงแล้ว ลิขิตอันทรงเกียรติเป็นเรื่องเข้าใจผิด และเขาก็ได้รับโอกาสครั้งที่ 2 ซึ่งผมคิดว่านี่เป็นสิ่งที่น่าตื่นเต้นที่สุดในซีรีส์ คือการได้เห็นโลกิพยายามคิดทบทวนใหม่ และค้นพบลิขิตอันทรงเกียรติที่เราทุกคนล้วนเชื่อมโยงกับมันได้ ผมคิดว่าเราทุกคนก็คงเคยสงสัยว่า เราสามารถลิขิตเรื่องราวของตัวเราเองได้ไหม ? เสือดาวเปลี่ยนลายจุดบนตัวมันได้ไหม ? หรือเรามีเจตจำนงเสรีอยู่หรือเปล่า”

หลังปรากฏตัวครั้งแรกใน ‘Thor’ (2011) ถึงจุดสิ้นสุดใน ‘Avengers: Infinity War’ (2018) และมีการแนะนำตัวแปรของเขาในซีรีส์ ‘Loki’ ฮิดเดิลสตันเคยเปิดเผยว่า เขาเองเคยเปิดเผยว่าไม่เคยรู้สึกเบื่อ และไม่อยากจะถอนตัวจากบทบาทนี้ จนกว่าเขาจะรู้สึกเบื่อไปเอง

Loki Season 2 © 2023 MARVEL

แต่จากการสรุปเรื่องราวในซีรีส์ ที่ตอนนี้เขากลายเป็นเทพโลกิ (God Loki) แห่ง MCU ไปแล้วเรียบร้อยรวมทั้งการที่ เควิน ไรต์ (Kevin Wright) โปรดิวเซอร์ของซีรีส์ได้ยืนยันว่า ซีรีส์เรื่องนี้จบบริบูรณ์ใน 2 ซีซัน และไม่มีการสร้างซีซันที่ 3 ออกมาอย่างแน่นอน หากนี่จะเป็นบทสรุปเรื่องราวการเดินทางของโลกิ ก็คงไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจนัก (แม้จะใจหายอยู่ไม่น้อยก็ตาม)

แต่ถึงกระนั้นก็ยังเปรย ๆ แบบปลายเปิดว่า เขาเองก็ไม่ได้ปิดตายในโอกาสที่จะกลับมาปรากฏตัวในไตเติลอื่น ๆ MCU ไปเสียทีเดียว ชวนให้คิดต่อแบบเล่น ๆ ว่า หากตอนนี้เทพโลกิ มีพลังในการควบคุมเส้นเวลา ก็อาจจะมีบทบาทในสงครามมัลติเวิร์ส ในหนังรวมทีมฮีโรอย่าง ‘Avengers: The Kang Dynasty’ และ ‘Avengers : Secret Wars’ ก็เป็นไปได้ ถ้ากลายเป็นจริง ถึงตอนนั้นแฟน ๆ คงกรี๊ดไม่น้อย

“จริง ๆ มันจบแค่เพียงเท่านี้แหละครับ มันให้รู้สึกเหมือนเป็นบทกวีแห่งการไถ่บาป มันเป็นเหมือนกับโน้ตตัวสุดท้ายของบทเพลง แต่ผมก็ไม่รู้ว่ามันเป็นแบบนั้นด้วยไหม… ผมหมายถึง ผมเคยทำผิดมาก่อน ก่อนจะกล่าวคำอำลา และอำลาทีมงานของ Marvel ที่ยอดเยี่ยม ซึ่งมันเป็นเรื่องที่สะเทือนอารมณ์มาก”

“ก่อนที่พวกเราจะเปลี่ยนโทน และพวกเขาก็พูดว่า ‘ดูสิ พวกเขารักคุณมากนะ คุณเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวเสมอ มาหาเราได้ตลอดเวลาเลย’ ก่อนที่โทรศัพท์จะดังขึ้นในอีก 1 ปีถัดมา ดังนั้นผมจึงต้องเปิดใจ เปิดความรู้สึกให้กว้าง ๆ เข้าไว้”


ที่มา: CinemaBlend, Screen Rant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส