‘Coin Digger เกม สูญ เหรียญ’ ผลงานใหม่ล่าสุดจาก Prime Video หยิบยกเรื่องราวที่แสนจะ ‘กลืนยาก’ อย่าง คริปโตเคอเรนซี มาสร้างสรรค์เป็นซีรีส์ เสียดสีสังคม สะท้อนปัญหาทางด้านชนชั้น

beartai BUZZ ได้มีโอกาสนั่งพูดคุยกับ 2 ผู้อยู่เบื้องหลังซีรีส์เรื่องนี้ ทั้ง อู๋-ชยันต์ เล้ายอดตระกูล (ผู้สร้าง) และท็อป – สุรพงษ์ เพลินแสง (ผู้กำกับ) เกี่ยวกับความกล้าที่จะเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการเงิน เศรษฐกิจ ที่ถูกมองว่าเป็นเรื่องเข้าใจยาก และไกลตัว ให้กลายเป็นเรื่องที่ ‘กลืนง่าย’ คนดูเข้าใจและสัมผัสมันได้ถึงแก่นที่ซ่อนอยู่ในเรื่อง

จุดเริ่มต้นของโปรเจกต์นี้?

อู๋: มันเริ่มต้นจากเราอยากทำหนังประเภท หักเหลี่ยม เฉือนคม ด้วยเกมอะไรบางอย่าง ในช่วงที่เรากำลังจะเริ่มโปรเจกต์เป็นช่วงที่กระแสคริปโตค่อย ๆ บูมขึ้นมา เราก็รู้สึกว่าพอได้นั่งดูตัวคริปโตจริง ๆ แล้ว มันไม่ใช่แค่ตัวนวัตกรรมอย่างเดียว มันยังนำมาถึงข้อถกเถียงต่างๆ ทั้งคนที่ซัพพอร์ต คนที่ต่อต้าน ก็เลยรู้สึกว่ามันเป็นหัวข้อที่น่าสนใจ ที่จะเอามาเล่าเป็นเรื่องที่มันเอนเตอร์เทน แล้วสอดแทรกข้อความบางอย่างของคริปโตในเรื่องนี้

อู๋-ชยันต์

ตอนเห็นไอเดียแรก เราเริ่มตีความซีรีส์ให้ออกเป็นอย่างไร?

ท็อป: จริง ๆ ตอนรู้ว่าจะทำซีรีส์คำถามแรกคือ น่าจะยากนะ ประเทศไทยถ้าจะทำเรื่องเอนเตอร์เทน เกี่ยวกับวงการเงินมาเล่าคงยาก แค่เงินทุกวันนี้ในกระเป๋ายังยากเลย แต่บังเอิญว่าช่วงนั้นเป็นช่วงขาขึ้นของคริปโตที่มันกำลังใกล้จะซาแล้ว ก็เลยคิดว่าทำไมถึงยังอยากทำเรื่องนี้อยู่ แต่พอยิ่งอ่านเนื้อเรื่องก็รู้สึกว่ามันมีศักยภาพที่จะพูดถึงเรื่อง โครงสร้างของสังคม อำนาจ ความเป็นอยู่ของคนไทย โดยเล่าผ่านคริปโต ถ้าเราพัฒนาให้มันเข้มข้นขึ้น เพิ่มมิติ ประเด็นทางสังคมเข้าไปรวมกับประเด็นดราม่า ผมคิดว่ามันน่าจะตอบโจทย์คนไทย ดูแล้วน่าจะเข้าใจว่า ทำไมตัวละครตัวนี้ถึงต้องทำแบบนี้ เจอชะตากรรมแบบนี้ รู้สึกว่ามันเป็นสิ่งที่ท้าทายถึงแม้ว่าตั้งแต่แรกมันฟังดูจะเป็นอะไรที่กลืนยากนิดหน่อยเวลาทำเรื่องคริปโต แต่ว่าความยากนั้น มันอยู่ในจุดที่น่าสนใจ

พอเนื้อเรื่องเกี่ยวกับ การเงิน เศรษฐกิจ และคริปโตเราต้องทำให้คนดู ‘กลืนง่าย’ ไหม

ท็อป: อู๋กับทางทีมบอกแล้วว่า แม้เรื่องจะเข้มข้นหรือซับซ้อนยังไงก็ แต่เราต้องคิดถึงคนดูว่า เขาต้องไม่รู้สึกว่าหนังมัน ‘กลืนยาก’ แต่เราก็ไม่ได้สปอยล์ว่ามันกลืนง่าย ๆ เพราะเราพยายามที่จะท้าทายให้ทั้ง เทคนิค และกติกาต่าง ๆ ของคริปโตมันต้องถูกถ่ายทอดหรือเล่าออกมา ในทางที่แม้คนที่ไม่มีความรู้ก็เข้าใจในคริปโตได้ มันเลยเป็นเรื่องที่เราจะใช้ตรงนี้แหละ ร้อยเรียงกันให้มันซับซ้อนมากขึ้นเพราะฉะนั้น ความยาก หรือ กลืนยาก มันก็เป็นสิ่งที่เราพยายามจะทำให้อยู่ในจุดที่เหมาะสม เข้มข้น สมใจที่สุดเท่าที่จะทำได้

ท็อป – สุรพงษ์

ต้องทำข้อมูลเกี่ยวกับ คริปโต ลึกมากแค่ไหน

อู๋: เราไม่จำเป็นต้องเป็นกูรูด้านนี้ เราแค่ต้องรู้ข้อเท็จจริงของมัน ศัพท์ของมัน สิ่งที่มันต่างจากระบบการเงินแบบเดิม ที่จริงเราก็สามารถกูเกิลอะไรได้ แต่พอบทมันเริ่มเป็นรูปเป็นร่างขึ้นก็จะมีที่ปรึกษาเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านคริปโตจริง ๆ มาตรวจสอบความถูกต้อง ความเป็นไปได้ในหลักเหตุและผลในตัวคริปโต จริง ๆ เราก็ไม่ได้ขนาดต้องเป็นกูรู เพียงแต่เราต้องมีกูรูมาช่วยตรวจสอบ

ท็อป: ความตั้งใจแต่แรกคือ นี่มันไม่ใช่ซีรีส์เกี่ยวกับคริปโตที่จะมาสอนว่าคริปโตคือไร มันแค่เป็นหนี่งในสิ่งสำคัญที่ดึงตัวละครเข้ามาร่วมกัน ชะตากรรมเดียวกัน และสุดท้ายมันจะเป็นเรื่องมนุษย์ที่จะเห็นธาตุแท้ของมนุษย์

ตั้งแต่วันแรกจนถึงปัจจุบัน ระยะเวลาผ่านมาแล้ว 3 ปี เรามีวิธีเล่าอย่างไรให้เรื่องอยู่ในเทรนด์ตลอด

ท็อป: ผมรู้สึกว่าคริปโตในตอนนี้มันก็เป็นกระแส ไม่ว่ามันจะซบเซา หรือเป็นขาขึ้น ขาลง มันอยู่ในช่วงที่อำนาจ การเงิน ระบบเก่า ต่างหาทางอยู่ว่าจะเอายังไงกัน แต่สิ่งที่ถามคือไม่กลัวว่ามันจะตกเทรนด์ไปแล้วเหรอ ซึ่งสิ่งนั้นเราเคยคุยกันแล้ว แต่อย่างที่บอกมันไม่ใช่แบบการเรียนการสอนคริปโต ใช่! มันมีคริปโตเป็นองค์ประกอบ แต่หัวใจสำคัญคือความขัดแย้ง ที่มีเบื้องหน้าเบื้องหลังที่จะต้องห้ำหั่นกัน ผ่านการใช้แพลตฟอร์มคริปโต ผ่านการใช้อาวุธ เทคนิค เปรียบเทียบง่าย ๆ คือหนังที่เกี่ยวกับการเงินอย่างเช่น ‘The Wolf of Wall Street’ เราจะจัดการใครบางคนด้วยเงินก็ได้ พอเป็นแบบนี้ต่อให้ในอนาคตคริปโตมันจะหายไป มันก็จะไม่กระทบต่อหนัง

นอกจากคริปโต ยังซ่อนประเด็นเสียดสีสังคมอีกด้วย?

ท็อป: พอเราพูดเรื่องการเงิน มันกระทบในชีวิตประจำวันคนเรา น้อยบ้าง มากบ้าง อยู่แล้ว และเรากำลังจะเล่าเรื่องนวัตกรรทางการเงินที่มันกระทบการเงินแบบเก่า มันกระทบโครงสร้างทั้งกลุ่มเก่า นักลงทุนเก่า ฉะนั้นสิ่งที่ปรากฏในเรื่อง สิ่งที่ตัวละครต้องเผชิญ คุณอาจเจอในข่าวแล้วก็ได้ อาจเป็นสิ่งที่รับรู้แล้วว่ามันเกิดขึ้นแบบนี้ แต่แล้วทำไมมันถึงเป็นแบบนั้น ถูกกฎหมายเหรอ ทำได้เหรอ แต่ถ้าทำได้ เพราะอะไร เพราะว่ามีเงินไง ซึ่งสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้เป็นสิ่งที่ตัวละครต้องเผชิญ โดยที่มีภารกิจที่เราซ่อนไว้ว่าจริง ๆ แผนการของพระเอก มันจะนำไปสู่อะไร ก็ต้องตามไปติดตามชมกันอีกที

การร่วมงานกับ Prime Video รู้สึกกดดันไหม?

อู๋: คือผมรู้สึกว่า Prime ค่อนข้างที่จะให้พื้นที่เราเยอะมากในเรื่องของการคิด คำถามหลาย ๆ คนชอบถามว่า “ใครจะสนใจดูคริปโต” แต่ว่าทาง Prime เขามองต่าง เขาตามใจ มีความแปลกแยก ไม่เหมือนกับค่ายเรื่องอื่น ๆ เขาคงเห็นว่าน่าสนใจ เขาก็ให้ทำเต็มที่ในการทำงานให้กรอบเรากว้าง ก็เลยคิดว่าการทำงานกับ Prime มันสนับสนุนคนคิดจริง ๆ เขาไม่ได้เอาเหตุผลด้านอื่น ๆ มาเป็นตัวชี้วัดขนาดนั้น

ท็อป: ผมก็คล้าย ๆ กัน ผมคิดว่าถ้าโปรเจกต์นี้ถูกส่งไปให้เจ้าอื่นก็น่ายากนะ มันจะมีคนดูไหม แต่ผมรู้สึกว่าทาง Prime อาจจะมองว่าถ้ามีคนตั้งต้น ตั้งใจ กล้านำเสนอโปรเจกต์ที่มันต่างขนาดนี้ เขาก็อยากเดิมพันกับเรา ผมว่าเรามีโอกาสเขาก็รู้ว่านี่เป็นการเดิมพันกับเขา คอนเทนต์แบบนี้ที่เราตั้งใจให้เป็นรสชาติที่แตกต่างที่มันกลืนยาก มันก็อยู่ที่ว่าทีมผู้สร้างจะวางมันยังไง

ทำไมถึงต้องเป็นนักแสดง 3 คนนี้

อู๋: เรื่องของคริปโต มันเป็นเรื่องของคนยุคใหม่ เราเลยพยายามหานักแสดงที่เป็นตัวแทนของคนในยุคนี้ นอกจากเรื่องของการแสดง และคาแรกเตอร์ของตัวละครแล้ว การที่กลุ่มคนที่รวมตัวกันเพื่อทำอะไรบางอย่างผมคิดว่ามันเป็นอะไรที่มันสะท้อนให้เห็นถึงทีมเวิร์ค ถึงแม้ว่าระหว่างทางมันจะมีปัญหาต้องกระทบกันแต่สุดท้ายแล้ว การที่ตัวละครเป็นกลุ่มผมรู้สึกว่ามันส่งผลถึงกันและกัน และการที่ได้นักแสดงที่มีความสามารถและคาแรกเตอร์ที่แตกต่างกันมารวมกัน ผมรู้สึกว่ามันทำให้หนังมันมีมิติ มีความน่าสนใจ ทั้งในแง่ไม่ใช่แค่ตัวเรื่องเท่านั้น แต่รวมไปถึงในแง่เรื่องความสัมพันธ์ของตัวละครมันก็ถือว่าเป็นคีย์หลักของตัวละคร

ตัวละครที่เราวางไว้ กับนักแสดงที่เราได้มา ‘ตรงกันไหม

ท็อป: จริง ๆ มันเป็นส่วนที่เราตั้งไว้เหมือนกัน แต่สิ่งสำคัญกว่านั้นคือ เขาจะปรับหรือคิดอย่างไรกับตัวละคร บางทีเราต้องฟังนักแสดงว่าเขามองตัวละครเขาไว้ยังไง แล้วมันจะมีบางจุดที่เราต้องฟังเขา เพราะเขาต้องเป็นคนสวมบท และเราก็จูนกันจนเจอ แต่บางคนเขาก็จะมีคนที่เราตั้งใจไว้เหมือนกันชัด ๆ อย่างตัว พี่พีท ทองเจือ จะเป็นตัวแทนที่อยู่ตรงข้ามกับตัวพระเอกจริงๆ เป็นตัวละครที่เรามีธงอยู่แล้วว่าคาแรกเตอร์ประมาณไหนแล้วชัดเจน แต่พอได้พี่พีทมาอีกมันก็จะตรงมาก ๆ ในแง่ภายนอก การแสดง ก็คุยกับอู๋ว่าตอนแรกผมอยากได้คนเหมือนนายกคนปัจจุบัน คนแบบนี้  หน้าตาแบบนี้ เราเห็นคนนี้ เดินเข้ามาห้องประชุม ต้องเป็นคนที่เดินเข้ามาแล้วยกมือไหว้ ต้องเป็นคนที่เด็ดขาด เฉียบคม ผมรู้สึกคนนี้มันต้องมีออร่า เราก็หาหลายคนแล้วบังเอิญมาลงที่พีท แล้วพอได้มาสวมบทเป็นตัวละคร เรารู้สึกว่ามันใช่ เราเลือกไม่ผิด

การทำซีรีส์เปรียบเหมือนกันเดินทางระยะยาว การที่ต้องดึงคนดูไว้ตั้งแต่ Episode แรก ถือว่าเป็นเรื่องยากไหม

ท็อป: แน่นอนในยุคปัจจุบัน คนดูมีทางเลือกมากมาย มันยากมาก ๆ ที่เราจะดึงความสนใจคนไว้ตั้งแต่ต้น เราไม่รู้ว่าเราสามารถดึงคนดูไว้ได้ตั้งแต่นาทีที่เท่าไหร่ แต่ในฐานะคนสร้างผมไม่ได้เอาตรงนั้นมาคิดมาก แต่เราต้องทำให้มันเหมาะกับสตรีมมิง ซึ่งแปลว่าเราต้องวางโครงสร้างของตัวบท การออกแบบการเล่าเราก็พยายามประคองคนดูให้อยู่กับเรานานที่สุด แม้ว่าเนื้อหามันฟังดูยากเราก็ต้องหาอะไรชดเชย พยายามดึงคนดูให้ได้ ให้อยู่กับเรา อย่าเพิ่งถอดใจนะ มันสนุกนะ ให้โอกาสหน่อย ผมคิดว่าตรงนี้คือสิ่งที่เราพยายามมาก ๆ มันถือว่าเป็นเดิมพันที่ท้าทาย

อู๋: จริง ๆ ทุกวันนี้ ในฐานะผู้สร้างมันก็ยากเพราะว่าคนดูก็มีทางเลือกเยอะ การที่เราจะเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่เขาจะเลือกบนหน้าจอมันถือว่าเป็นอะไรที่ท้าทาย และยิ่งการที่เขากดเข้ามาดู เขาจะดูต่อหรือ หยุดกลางทาง มันก็เป็นสิ่งที่ท้าทายตลอด ซึ่งก็เราก็ต้องเอาให้อยู่ตั้งแต่ตอนแรก มันก็เป็นสิ่งที่ตั้งใจไว้ตลอด ตั้งแต่เรื่องการทำบท การตัดต่อ เพราะว่าบางทีจากบท ถ่ายเสร็จบางทีคุณมานั่งดู อาจจะรู้สึกว่าบางทีมันอาจไม่พอที่จะมัดใจคนดู ก็จริง ๆ มันถือว่าเป็นหัวใจหลัก ในการทำคอนเทนต์ลงสตรีมมิง

ช่วยนิยามซีรีส์เรื่องนี้หน่อย

อู๋: เข้มข้น ลุ้นระทึก

ท็อป: ผมไม่รู้จะนิยามได้ไหม แต่ผมคิดว่ามันเป็นรสชาติที่คุณต้องเดิมพัน

ฝากซีรีส์เรื่องนี้หน่อย

อู๋: ฝากติดตามซีรีส์ ‘Coin Digger เกม สูญ เหรียญ’ ฉายทุกวันพฤหัสบดี ทาง Prime Video สตรีมมิงตอนใหม่ทุกวันพฤหัสบดี