Deadline ได้รายงานว่า ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ ทำรายได้รวมทั่วโลกไปถึง 396.2 ล้านเหรียญ จากทุนสร้าง 205 ล้านเหรียญ แซงหน้ารายได้รวมทั่วโลกของภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโร DC ก่อนหน้านี้อย่าง ‘Black Adam’ (2022) ที่ทำไว้ 393 ล้านเหรียญ

Box Office Mojo รายงานว่า ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ กำลังจะทำรายได้ถึงจุดคุ้มทุนที่ประมาณ 410 ล้านเหรียญ และจะเข้าสู่การทำกำไรได้ในท้ายที่สุด

นี่เป็นหมุดหมายสำคัญของ ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ เนื่องจากเป็นภาพยนตร์เรื่องสุดท้ายในแฟรนไชส์ DCEU (DC Extended Universe) และหลายสื่อเคยคาดการณ์ว่าอาจทำรายได้อย่างไม่น่าประทับใจ โดยพิจารณาจากรายได้เปิดตัวที่ 27.7 ล้านเหรียญ และทำรายได้ในสัปดาห์ที่ 2 เพียง 19.5 ล้านเหรียญ ซึ่งคิดเป็นอัตราลดลงถึง 70% และเป็นอัตราลดลงมากที่สุดเป็นประวัติการณ์ของแฟรนไชส์

Aquaman and the Lost Kingdom

ทั้ง ‘Aquaman and the Lost Kingdom’ และ ‘Black Adam’ มีจุดเหมือนกันที่ไม่ต้องการบทภาพยนตร์ที่ซับซ้อน แต่ใช้พลังดาราของ เจสัม โมโมอา (Jason Momoa) และ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) ช่วยดึงกระแสความสนใจจากผู้ชมในตลาดต่างประเทศ โดยตัว Aquaman นั้น เป็นหนึ่งในซูเปอร์ฮีโรของ DCEU ที่ผู้ชมชื่นชอบมากที่สุด ได้ปรากฏตัวครั้งแรกใน ‘Batman v Superman: Dawn of Justice’ (2016), ได้ฉายเดี่ยวเต็มตัวใน ‘Aquaman’ (2018), ได้กลับมามีบทเพิ่มขึ้นกว่าเดิมใน ‘Zack Snyder’s Justice League’ (2021) และมีบทรับเชิญเล็ก ๆ ในซีรีส์ ‘Peacemaker’

อีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ภาพยนตร์ซูเปอร์ฮีโรของ DCEU หลายเรื่องไม่ประสบความสำเร็จด้านรายได้ คือ คู่แข่งอย่าง MCU (Marvel Cinematic Universe) ยกตัวอย่างเช่น ‘Black Adam’ ได้เข้าฉายก่อน ‘Black Panther: Wakanda Forever’ เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ ซึ่งทำให้กระแสความนิยของ ‘Black Adam’ ลดลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจาก ‘Black Panther: Wakanda Forever’ ได้รับคำวิจารณ์จากนักวิจารณ์และผู้ชมในระดับดีเยี่ยม

ที่มา : ScreenRant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส