คริสโตเฟอร์ โนแลน (Christopher Nolan) เป็นผู้กำกับวิสัยทัศน์กว้างไกลของยุคนี้ที่เคยผ่านงานหนังมาแล้วแทบทุกแนว ตั้งแต่หนังไซไฟ ทริลเลอร์ หนังจารกรรม หนังซูเปอร์ฮีโร รวมทั้งหนังดราม่าชีวประวัติ แต่แนวที่คนดูหนังยังไม่เคยเห็นเขาลองกำกับเลยก็คือ หนังสยองขวัญ ซึ่งคงเป็นอะไรที่น่าสนใจไม่น้อย (และก็น่าจะนึกภาพไม่ออก) ว่าวิสัยทัศน์ของโนแลนจะนำเสนอเรื่องราวเขย่าขวัญตามแบบฉบับของเขาออกมาได้อย่างไร

ในบทสนทนาล่าสุดที่จัดขึ้นโดยสถาบันภาพยนตร์อังกฤษ (The British Film Institute – BFI) นอกจากโนแลนจะมาร่วมถ่ายทอดเบื้องหลังอาชีพและการทำงานของเขาในมุมมองต่าง ๆ ตั้งแต่การเขียนบท ตัดต่อ การทำงานกับระบบ IMAX ที่เขาโปรดปรานและใช้ในหนังยุคหลัง ๆ ของเขาแทบทุกเรื่อง การร่วมงานกับ 2 ปรมาจารย์ขาประจำที่ร่วมงานกับเขาบ่อยครั้ง ทั้งผู้กำกับภาพ ฮอยต์ ฟาน ฮอยเตมา (Hoyte Van Hoytema) และผู้ประพันธ์สกอร์ ฮันส์ ซิมเมอร์ (Hans Zimmer)

นอกจากนี้ เขายังได้แลกเปลี่ยนมุมมองเกี่ยวกับความสยองขวัญ และหนังสยองขวัญ โดยเฉพาะผลงานล่าสุด ‘Oppenheimer’ (2023) ที่เขาเผยว่า จริง ๆ แล้วมันมีส่วนผสมของความสยองขวัญเจือปนอยู่พอสมควร

Christopher Nolan Cillian Murphy Oppenheimer

“ใน ‘Oppenheimer’ มันมีองค์ประกอบของหนังสยองขวัญในนั้นแน่นอนครับ เพราะผมคิดว่ามันเหมาะสมกับเนื้อหาของเรื่องราวแบบนี้ ตรงกลางของหนังมีพื้นฐานมาจากหนังแนวปล้นอย่างหนักหน่วง และองก์ที่ 3 ของหนังเรื่องนี้คือพล็อตแบบ Courtroom Drama (หนังว่าความในชั้นศาล)”

“และเหตุผลที่ผมเลือกแนวเหล่านี้สำหรับแต่ละองก์ เพราะว่ามันเป็นประเภทที่บทสนทนา และการพูดคุยของผู้คนมีความตึงเครียด และมันน่าสนใจสำหรับผู้ชมโดยธรรมชาติอยู่แล้ว มันคือสิ่งที่น่าสนุกสำหรับหนังแนว ๆ นี้ คุณจะได้เล่นกับพื้นที่ต่าง ๆ มากมาย แต่ในหนังแนวต่าง ๆ (ที่เป็นแนวใดแนวหนึ่งเฉพาะ) คุณจะไม่ได้รับอนุญาตให้เล่นกับมันครับ”

นอกจากนี้ โนแลนยังเผยว่า เขาเองมีความสนใจที่จะกำกับหนังสยองขวัญแบบแท้ ๆ ดูสักครั้ง ถ้าหากมีไอเดียที่น่าสนใจจริง ๆ

“ผมคิดว่าหนังสยองขวัญเป็นอะไรที่น่าสนใจมาก เพราะมันขึ้นอยู่กับองค์ประกอบที่ทำให้เกิดความ Cinematic และมันเป็นเรื่องของการตอบสนองจากร่างกายภายในต่อสิ่งต่าง ๆ ด้วย และเมื่อถึงจุดหนึ่ง ผมเองก็อยากลองกำกับหนังสยองขวัญดูนะครับ แต่ผมคิดว่า หนังสยองขวัญที่ดีจริง ๆ มันต้องออกมาจากไอเดียที่พิเศษจริง ๆ และสิ่งเหล่านั้นมันก็ไม่ได้มีอยู่เยอะ ดังนั้น ผมเลยไม่พบเรื่องราวที่เอื้ออำนวยต่อสิ่งนั้น”

“อีกอย่างก็คือ มันเป็นหนึ่งในแนวหนังไม่กี่แนว ที่สตูดิโอต่างก็ผลิตออกมาเป็นจำนวนมาก ๆ ด้วยครับ มันเป็นแนวหนังที่มีทั้งความเป็นนามธรรมและความเยือกเย็น มันมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่โดยทั่วไปฮอลลีวูดมักจะต่อต้านในการใส่มันลงไปในหนัง แต่หนังสยองขวัญกลับเป็นแนวเดียวที่ใส่องค์ประกอบเหล่านั้นลงไปได้”

The Dark Knight Cillian Murphy Scarecrow

โนแลนยังได้ชี้ให้เห็นถึงองค์ประกอบของหนังสยองขวัญ และความกลัว ที่เขามักจะใส่เอาไว้ในหนังหลายเรื่องของเขาไว้ ไม่ว่าจะเกิดจากทั้งความตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ตาม โดยเฉพาะในไตรภาคหนังซูเปอร์ฮีโร ‘The Dark Knight Trilogy’ ที่มีองค์ประกอบของจังหวะสยองขวัญ และความกลัวสอดแทรกเอาไว้ในหนังด้วย

“เมื่อผมมองย้อนกลับไป ใน ‘Batman Begins’ (2005) มีการเน้นย้ำอย่างหนักเกี่ยวกับการก่อการร้าย เห็นได้ชัดว่ามันเกิดขึ้นหลังเหตุการณ์ 9/11 ซึ่งมันไม่ใช่สิ่งที่เราตั้งใจใส่เข้าไปในหนังนะครับ และแน่นอน โจ๊กเกอร์ใน ‘The Dark Knight’ (2008) ก็มีเนื้อหาเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับสังคมต่อความกลัวอนาธิปไตย ความกลัวในกฎเกณฑ์ที่ล่มสลาย และใน ‘The Dark Knight Rises’ (2012) พูดถึงความกลัวในลัทธิฟาสซิสต์ และการปลุกปั่นมวลชนอย่างมาก”


ที่มา: Variety

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส