แม้ว่า ‘เจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ’ พระสวามีในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะสิ้นพระชนม์แล้วเมื่อช่วงเช้าของวันที่ 9 เมษายน 2021 แต่ก็ยังมีเรื่องราวหลาย ๆ เรื่องของพระองค์ที่น้อยคนนักจะรู้ และยิ่งไปกว่านั้นก็คือ รู้หรือไม่ว่า พระองค์นั้นเคยมีความข้องเกี่ยวกับวงการภาพยนตร์ แม้ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เหตุการณ์ครั้งนี้ถือว่าเป็นครั้งหนึ่ง ที่พระองค์เคยเป็นผู้ที่มีบทบาทในการช่วยให้ภาพยนตร์สายลับสายเลือดอังกฤษอย่าง ‘เจมส์ บอนด์ 007’ ไม่ถูกสั่งแบนห้ามฉายในสหรัฐอเมริกา

หลังจากที่ภาพยนตร์เจมส์บอนด์ลำดับที่ 3 อย่าง ‘Goldfinger’ หรือ ‘จอมมฤตยู 007’ ได้ถ่ายทำเสร็จสิ้นในปี 1964 ซึ่งถือเป็นภาคที่ใช้ทุนสร้างสูงสุดมากกว่าทุนสร้างของ 2 ภาคแรกรวมกัน โดยผู้ที่รับบทสายลับบอนด์ยังคงเป็น ‘ฌอน คอนเนอรี’ (Sean Connery) และสาวบอนด์ประจำภาคนี้ได้แก่ ‘ออร์เนอร์ แบล็กแมน’ (Honor Blackman) รับบทเป็นตัวละครชื่อล่อแหลม ‘Pussy Galore’

เจ้าชายฟิลิป-เจมส์-บอนด์
โปสเตอร์ภาพยนตร์ 007 ภาค ‘Goldfinger’

ซึ่งชื่อตัวละคร ‘Pussy Galore’ นี่แหละที่ทำให้้มีประเด็น เพราะอย่างที่ทราบกัน คำว่า ‘Pussy’ นั้นเป็นคำแสลงหมายถึงอวัยวะเพศหญิง แถมชื่อภาคอย่าง ‘Goldfinger’ ก็มีความสองแง่สองง่ามอยู่ในที ซึ่งนั่นอาจจะเสี่ยงทำให้ถูกหน่วยงานเซนเซอร์ในสหรัฐอเมริกาสั่งห้ามการเข้าฉาย และถ้าถูกสั่งแบนห้ามฉายในตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างอเมริกา ก็เรียกได้ว่าปิดประตูแพ้กันตั้งแต่ยังไม่ทันได้ฉาย

เจ้าชายฟิลิป-เจมส์-บอนด์
‘ออร์เนอร์ แบล็กแมน’ (Honor Blackman)

ทีมประชาสัมพันธ์ของภาพยนตร์เรืี่องนี้จึงวางแผนที่จะพิสูจน์อะไรบางอย่างด้วยการขอความช่วยเหลือไปยังราชวงศ์อังกฤษ หลังจากนั้นในเดือนกุมภาพันธ์ 1964 สาวบอนด์อย่าง ‘ออร์เนอร์ แบล็กแมน’ ก็ได้เดินทางไปยังดินแดนอังกฤษ เพื่อปฏิบัติภารกิจเข้าร่วมในงานกาลาฉายภาพยนตร์ส่วนพระองค์ (Royal Film) เรื่อง ‘Move Over Darling’ โดยมีหนังสือพิมพ์แทบลอยด์ของอังกฤษอย่าง ‘The Daily Express’ เป็นผู้ดำเนินการ

เจ้าชายฟิลิป-เจมส์-บอนด์
‘ออร์เนอร์ แบล็กแมน’ (Honor Blackman) (ซ้าย) และ ‘ฌอน คอนเนอรี’ (Sean Connery)

โดยในครั้งนั้น มีแขกรับเชิญและดารามากมายมาร่วมเข้าเฝ้าเจ้าชายฟิลิป อย่างหนาแน่น และเมื่อดยุกแห่งเอดินบะระเสด็จมาถึงยังสถานที่จัดงาน พระองค์ก็ได้มีพระปฏิสันถารกับเหล่าแขกเหรื่อที่มางานอย่างใกล้ชิด จนเมื่อถึงคิวของแบล็กแมน เจ้าชายฟิลิปจึงได้ถามสาวบอนด์อย่างกระตือรือร้นไปว่า “คุณสามารถจัดการกับกระแสความสนใจของแฟน ๆ ในการถ่ายหนังได้ไหม?”

แบล็กแมนในเวลานั้น กลับนึกว่าเจ้าชายฟิลิปกำลังสนใจศิลปะการต่อสู้ของเธอในทีวีซีรีส์แนวสายลับ ‘The Avengers’ (ไม่เกี่ยวกับ Avengers ของ Marvel นะ) เธอจึงตอบพระองค์ว่่า “ใช่ค่ะ ฉันทำได้แน่นอน” พร้อมกับทำท่ากังฟูต่อหน้าพระพักตร์ ท่าทางนั้นของเธอต่างเป็นจุดสนใจของคนทั้งงาน และช่างภาพของหนังสือพิมพ์ ‘The Daily Express’ ก็ได้บันทึกภาพขณะที่เจ้าชายฟิลิปทรงมีพระปฏิสันถารกับเธอเอาไว้ด้วย

แต่จะด้วยความตั้งใจหรือบังเอิญก็ตามแต่ หนังสือพิมพ์ ‘The Daily Express’ ได้ตีพิมพ์ภาพในค่ำคืนนั้น พร้อมพาดหัวข่าว “Pussy and The Prince” (เจ้าชายกับพุซซี) ซึ่งข่าวนี้ก็กลายเป็นข่าวดังที่ลงในหน้าหนังสือพิมพ์เกือบทุกหัวในเวลานั้น จนทำให้ ‘อัลเบิร์ต อาร์ บรอคโคลี’ (Albert R. Broccoli) โปรดิวเซอร์ของภาพยนตร์ 007 จึงได้หยิบหนังสือพิมพ์ที่ตีพิมพ์ข่าวนี้ และบินไปยังสหรัฐอเมริกา เพื่อเอาไปยื่นให้กับคณะกรรมการเซนเซอร์ภาพยนตร์ แบล็กแมนได้เล่าถึงเรื่องนี้ว่า คณะกรรมการเซนเซอร์ในเวลานั้นต่างตกตะลึงเมื่อได้เห็นคำว่า ‘Pussy’ พาดหัวพร้อมกับภาพเจ้าชายฟิลิปขึ้นหราบนหน้าหนังสือพิมพ์

เจ้าชายฟิลิป-เจมส์-บอนด์
พาดหัวข่าว “Pussy and The Prince” ในหนังสือพิมพ์ ‘The Daily Express’

จนในที่สุด ภาพยนตร์ ‘Goldfinger’ ก็ได้เข้าฉายเป็นรอบปฐมฤกษ์ในลอนดอนวันที่ 17 กันยายน 1964 หรือเมื่อ 54 ปีที่แล้ว ก่อนที่คณะกรรมการเซนเซอร์จะมีมติอนุมัติให้ฉายในสหรัฐอเมริกาในอีก 3 เดือนถัดมา และกลายเป็นหนังเจมส์ บอนด์ที่ได้รับคำชื่นชมว่า เป็นหนึ่งในภาคที่ดีที่สุดในบรรดาหนังแฟรนไชส์ 007 ด้วยความช่วยเหลือเล็ก ๆ น้อย ๆ (แบบบังเอิญ ? ) ของเจ้าชายฟิลิปที่มีต่อสายลับเพื่อนร่วมชาติอย่างเจมส์ บอนด์


อ้างอิง | อ้างอิง | อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส