นักร้องสาว เทย์เลอร์ สวิฟต์ (Taylor Swift) ได้เปิดตัวอัลบั้ม ‘Red (Taylor’s Version)’ ที่แฟน ๆ รอคอยเป็นที่เรียบร้อย ซึ่งเป็นการบันทึกเสียงอัลบั้ม ‘Red’ (2012) ของเธอใหม่ทั้งหมดพร้อมด้วยแทร็กเพิ่มเติมที่ไม่เคยเผยแพร่ที่ไหนมาก่อน ซึ่งรวมถึงเพลงโปรดของแฟน ๆ อย่าง “All Too Well” ที่คราวนี้มาในเวอร์ชัน 10 นาที ที่สำคัญไปกว่านั้น สวิฟต์ไม่เพียงมอบบทเพลงนี้ให้กับแฟน ๆ เท่านั้น แต่เธอยังได้สร้างเรื่องราวให้กับมันผ่านภาพยนตร์สั้นประกอบบทเพลงอีกด้วย

สวิฟต์ได้มอบบทเพลง “All Too Well” เวอร์ชัน 10 นาทีพร้อมหนังสั้นเรื่อง “All Too Well: The Short Film” ที่นำแสดงโดยดีแลน โอ’ไบรอัน (Dylan O’Brian) , ซาดี ซิงก์ (Sadie Sink) โดยมีสวิฟต์เป็นผู้เขียนบทและกำกับหนังเรื่องนี้เองด้วย ซึ่งหลังจากที่แฟน ๆ ได้ชมกันแล้วก็มีกระแสฮือฮาและต่างวิเคราะห์รายละเอียดต่าง ๆ ในหนังสั้นเรื่องนี้ตั้งแต่การคัดเลือกนักแสดงนำที่สังเกตกันว่าอายุที่ต่างกันระหว่างซิงก์และโอ’ไบรอัน นั้นคล้ายคลึงกับอายุของสวิฟต์และอดีตหวานใจของเธอนั่นก็คือนักแสดงหนุ่มเจค จิลเลนฮาล (Jake Gyllenhaal) ซึ่งซิงก์นั้นมีอายุ 19 ปีส่วนโอ’ไบรอันคือ 30 ในขณะที่สวิฟต์และจิลเลนฮาลนั้นมีอายุ 20 และ 29 ตามลำดับในตอนที่พวกเขาเริ่มออกเดตกัน แถมยังมีรายละเอียดอีกมากมาย (ที่เราจะได้กล่าวถึงกันต่อไป) ทำให้แฟน ๆ  เชื่อว่าบทเพลงและหนังสั้นเรื่องนี้สวิฟต์ตั้งใจเล่าเรื่องราวของเธอกับจิลเลนฮาลนั่นเอง

และแน่นอนว่ามี MV ของสวิฟต์ออกมาเมื่อใด ก็ย่อมต้องมีการถอดรหัส Easter Egg ที่ซ่อนเอาไว้อย่างแน่นอน และหนังสั้นเรื่องนี้ที่มีความยาวเกือบ 15 นาทีล่ะจะไม่มี Easter Egg ไปได้อย่างไร งั้นเราไปดูกันดีกว่าว่าสวิฟต์นั้นซ่อนอะไรไว้ในหนังสั้นเรื่องนี้บ้าง

ผ้าพันคอ

ตามเนื้อเพลงในท่อนที่ร้องว่า “And I, left my scarf there at your sister’s house / And you’ve still got it in your drawer even now” สวิฟต์ได้ทิ้งผ้าพันคอไว้ที่บ้านน้องสาวของอดีตคนรักของเธอ ซึ่งหลายคนต่างมั่นใจกันว่าหมายถึงแมกกี จิลเลนฮาล (Maggie Gyllenhaal) น้องสาวของเจคนั่นเอง ครั้งหนึ่งแมกกี จิลเลนฮาลเคยถูกถามรายการ ‘Watch What Happens Live with Andy Cohen’ ว่าเธอยังมีผ้าพันคอนี้อยู่ไหม ซึ่งเธอตอบว่า “คุณรู้ไหม ฉันไม่เคยเข้าใจเลยว่าทำไมทุกคนถึงถามฉันเกี่ยวกับผ้าพันคอผืนนี้…ฉันไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับผ้าพันคอนี้ผืนเลย ฉันไม่รู้เรื่องเลยจริง ๆ” ซึ่งในหนังสั้นเรื่องนี้คนรักเก่าของสวิฟต์ได้ปรากฏตัวที่งานเปิดตัวหนังสือซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผ่านไป 13 ปีและเราจึงได้เห็นผ้าพันคอสีแดงถูกพันไว้รอบลำคอของเขา

ชุดของโอ’ไบรอันที่ได้แรงบันดาลใจจากเจค จิลเลนฮาล

ถ้าอยากรู้ว่าโอ’ไบรอันนั้นเป็นตัวแทนของเจค จิลเลนฮาลจริงมั้ย ก็ให้ไปดูเสื้อผ้าที่เขาสวมตลอดทั้งเรื่องดูทั้งเสื้อเชิ้ตลายสก๊อต (ที่ตรงกับเนื้อเพลงในท่อนที่ร้องว่า ““After plaid shirt days and nights when you made me your own”) และหมวกบีนนี่อันเป็นที่โปรดปรานของจิลเลนฮาล

ชุดของซิงก์ที่ได้รับแรงบันดาลใจจากเทย์เลอร์ สวิฟต์

แน่นอนว่าฝ่ายชายก็แต่งตัวเหมือนแล้วฝ่ายหญิงจะไม่เหมือนได้ยังไง ทั้งเสื้อคอเต่าสีดำและลิปสติกสีแดงก็มา และดูเหมือนว่าสวิฟต์เองก็เคยล้อชุดนี้ใน TikTok ซึ่งเธอสวมเสื้อคอเต่าสีดำและทาลิปสติกสีแดงในขณะที่ประกาศว่าจะออกวางจำหน่ายไวนิลของอัลบั้ม ‘Red (Taylor’s Version)’

ภาพในช่วงเวลาเปี่ยมสุข

ภาพของคู่รักที่หยอกล้อและขี่หลังกันเช่นนี้ ชวนให้คิดไปถึงภาพที่ปาปารัสซี่ถ่ายสวิฟต์และจิลเลนฮาลที่กำลังมีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกันที่บรูคลิน ซึ่งภาพนี้ได้ขึ้นปกนิตยสาร Us Weekly ในปี 2010 พร้อมพาดหัวตัวโตว่า “ JAKE & TAYLOR IN LOVE !” ในภาพนั้นทั้งคู่ต่างมีรอยยิ้มเปี่ยมสุข สวิฟต์เอาแขนของเธอโอบรอบคอของจิลเลนฮาลและเขาก็ได้กุมมือนั้นของเธอไว้ ส่วนในมืออีกข้างของสวิฟต์นั้นก็ถือกาแฟลาเต้เมเปิ้ลอยู่ เป็นภาพแห่งความสุขในบรรยากาศของฤดูใบไม้ร่วงของทั้งคู่ที่ทำให้รู้เลยว่าอินเลิฟกันจริง ๆ

เด็กน้อยกับแว่นตา

ในเพลงมีเนื้อร้องท่อนหนึ่งที่ร้องว่า “You used to be a little kid with glasses in a twin-sized bed.” ซึ่งเชื่อมโยงกับตอนที่จิลเลนฮาลเคยเผลอโพสต์รูปตัวเองตอนเด็ก ๆ ลงอินสตาแกรม ทำให้แฟน ๆ จับได้เลยว่าเด็กน้อยในเนื้อเพลงนี้ก็คือจิลเลนฮาลนั่นเอง

คุกกี้ช็อกโกแลตชิป

ในฉากที่ชายหนุ่มคนรักไปที่บ้านของเธอและพูดคุยกับพ่อของเธออย่างสนุกสนานเราจะเห็นว่าที่กลางโต๊ะนั้นมีคุกกี้ช็อกโกแลตชิปอยู่ ซึ่งชวนให้คิดไปถึงสิ่งหนึ่งที่แฟน ๆ ต่างรู้กันดีเกี่ยวกับเทย์เลอร์ สวิฟต์ นั่นคือเธอเป็นคนที่ชอบอบขนมมาก ใน 1989 Secret Sessions เธอได้เชิญแฟน ๆ มาที่บ้านของเธอเพื่อเปิดอัลบั้มนี้ให้พวกเขาได้ฟังก่อนที่จะออกวางจำหน่าย และในวันนั้นเธอก็ได้อบคุกกี้ช็อกโกแลตชิปให้ทุกคนกินด้วย (นอกจากนี้ในฉากนี้คนที่แสดงเป็นพ่อก็คือชอว์น เลวี (Shawn Levy) ผู้อำนวยการสร้างและผู้กำกับ Stranger Things ซึ่งเป็นซีรีส์ที่ซิงก์นำแสดงนั่นเอง

วันเกิดอายุ 21 ปี

ฉากต่อมาคือฉากที่เธอนั้นฉลองวันเกิดครบ 21 ปีโดยมีเพื่อน ๆ รายล้อมแต่ไร้เงาของคนรัก รายละเอียดของช่วงเวลาที่ถูกเล่าไว้ในเพลง “The Moment I Knew” ที่เธอบอกเล่าความรู้สึกเหงาเมื่อไม่มีคนสำคัญอยู่ข้างกายในช่วงเวลาที่สำคัญ “And they’re all standing around me singing “Happy birthday to you” But there was one thing missing”

นักแสดง ‘Jake Lyon’

ในตอนท้ายของหนังสั้นได้เปิดเผยว่าสวิฟต์รับบทเป็นซาดีในช่วงเวลา 13 ปีต่อมา แล้วใครล่ะที่รับบทแทนโอ’ไบรอัน เราไม่เห็นใบหน้าของเขาเลยเห็นแต่เพียงศีรษะและลำคอ (ที่มีผ้าพันคอสีแดงพันไว้) และในจังหวะที่เขาหันข้างเดินไปเราก็กดหยุดดูโดยทันทีแต่ก็ไม่ช่วยอะไรเลย ซึ่งถ้าตามไปดูที่เครดิตท้ายหนังเราจะเห็นว่านักแสดงที่รับบทพระเอกในช่วง 13 ปีต่อมานั้นมีชื่อว่า ‘เจค ลียง’ (Jake Lyon) อื้มมม ชื่อก็ออกจะดูคล้ายกันเกินไปหน่อยมั้ยเนี่ย

หนังสือนวนิยาย ‘All Too Well’

ดูเหมือนว่าสวิฟต์นั้นจะเคยแอบใบ้เอาไว้ถึงหนังสือ ‘All Too Well’ ลองย้อนกลับไปดูคลิปTikTokที่เธอทำในคอนเซ็ปต์เกี่ยวกับฤดูใบไม้ร่วงในช่วงเดือนตุลาคมก็จะเห็นว่าช็อตหนึ่งที่เธอกำลังเขียนหนังสืออยู่ดูจากสีปกและมาเทียบกับหนังสือ All Too Well แล้วก็จะเห็นว่ามันสีเดียว ทรงเดียวกันเป๊ะเลย แถมข้อความที่เธอเขียนลงในหนังสือก็เป็นเนื้อเพลงของ All Too Well ด้วย ส่วนใครสนใจหนังสือเล่มนี้ก็ตามไปเอฟกันได้เลยที่นี่

13 ปีต่อมา

หลายคนอาจสงสัยทำไมต้อง 13 ปีต่อมา สวิฟต์นั้นเป็นคนที่ชอบเลข 13 มาก จึงไม่น่าแปลกใจเท่าไหร่หากเธอเล่าเรื่องที่ล่วงผ่านกาลเวลามาและระยะเวลาที่ว่านั้นก็คงจะเป็น 13 ปีนี่แหละ

สวิฟต์ผมแดง

ในหนังสั้นเรื่องนี้สวิฟต์มาพร้อมผมสีแดงสวย ซึ่งน่าจะมีความหมายบางอย่าง ประการแรกก็อาจเพราะอัลบั้มนี้ชื่อว่า ‘Red’ (อืมฟังดูมีเหตุผล) หรือจะหาความเชื่อมโยงให้มันมากกว่านี้หน่อยก็คงจะต้องลองนึกไปว่าสวิฟต์นั้นเคยทำผมสีแดงใน MV ไหนบ้าง เท่าที่นึกออกเลยก็คงจะเป็น “Bad Blood” จากอัลบั้ม ‘1989’ นั่นเอง หรือนี่อาจหมายความว่าเธอกำลังจะบอกใบ้อะไรเรารึเปล่านะ

รถยนต์จากปี ‘1989’

ย้อนกลับไปตั้งแต่ต้นเรื่องเลยเราจะเห็นรถคันงามที่ทั้งคู่นั่งไปด้วยกัน ซึ่งมันคือ Mercedes-Benz S-Class ปี 1989 เหมือนจะมีอะไรเชื่อมโยงกับอัลบั้ม ‘1989’ ของสวิฟต์อีกแล้ว เอหรือว่าอัลบั้มต่อมาที่เธอจะบันทึกเสียงเป็น Taylor’s version จะเป็นอัลบั้มนี้กันนะ

ถึงแม้ว่าในที่สุดแล้วสวิฟต์ในวัย 20 ปีและจิลเลนฮาลวัย 29 ปีจะได้มีช่วงเวลาดี ๆ ด้วยกันเป็นเวลาสั้น ๆ (ประมาณ 6 สัปดาห์) และเมื่อสิ้นปีมาถึงความสัมพันธ์นั้นก็จบลง แต่แทนที่มันจะเป็นเพียงแค่ความสัมพันธ์ของคนมีชื่อเสียงที่วูบวาบและสูญสลายไปตามกาลเวลา มันกลับเป็นแรงบันดาลใจสู่อัลบั้มที่ขายได้มากกว่า 7 ล้านชุดในที่สุด และบรรจุไว้ด้วยเรื่องราวทั้งสุขและเศร้า เหงาและซึ้ง ที่งดงามน่าประทับใจและมีความหมายอย่างลึกซึ้งทั้งต่อตัวสวิฟต์เองและผู้ฟังของเธอ และล่าสุดบทเพลง “All Too Well” นี้ก็ได้รับการเสนอชื่อโดยนิตยสารโรลลิงสโตนให้เป็นหนึ่งใน 500 บทเพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลด้วย

Source

elle / washingtonpost / buzzfeed / rollingstone

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส