สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ หรือ SEC (Securities & Exchange Commission) ของสหรัฐฯ ได้เปิดเผยรายงานล่าสุดว่า Disney ทำเงินจากแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ ไปเกือบ 12,000 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 430,700 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็น 2.9 เท่า ของต้นทุนที่ Disney ลงทุนซื้อ Lucasfilm มาเมื่อปี 12 ปีก่อน

จำนวนเงินดังกล่าวมิใช่ผลกำไรสุทธิแต่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากแต่ละโปรเจกต์ในแฟรนไชส์ล้วนแล้วแต่มีต้นทุนการผลิต, การตลาด และการจัดจำหน่ายด้วยกันทั้งสิ้น แต่จำนวนเงินอันมหาศาลนี้ได้แสดงให้เป็นว่าแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ ประสบความสำเร็จอย่างงดงามภายใต้การดูแลของ Disney

Disney ได้ทุ่มเงินซื้อ Lucasfilm เมื่อเดือนตุลาคม 2012 ด้วยมูลค่ามหาศาลถึง 4,050 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 145,400 ล้านบาท ซึ่งทำให้ Disney ได้ถือครองสิทธิทั้งแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ และ ‘Indiana Jones’ โดย Disney ได้ผลิตเนื้อหาใหม่มากมายในแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ เพื่อฉายบนบริการสตรีมมิง Disney+ ของตน โดยมี ‘The Mandalorian’ เป็นซีรีส์เรือธงของแฟรนไชส์

นอกจากนี้ Disney กำลังพัฒนาโปรเจกต์ภาพยนตร์ ‘Star Wars’ ใหม่หลายเรื่องเพื่อฉายในโรงภาพยนตร์ด้วย

Disney Franchise
ภาพจาก SEC (Securities & Exchange Commission)

แฟรนไชส์ที่อยู่ในการครอบครองของ Disney ที่ทำเงินหลายเท่าจากการลงทุนมากที่สุด คือ ‘Frozen’ ซึ่งทำเงินถึง 9.9 เท่า จากการลงทุน รองลงมาคือ ‘Toy Story’ (5.5 เท่า), ‘The Avengers’ (3.3 เท่า) และ ‘Star Wars’ (2.9 เท่า)

‘Star Wars’ เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งมิได้มีแค่ภาพยนตร์ที่สร้างผลกำไรให้แก่แฟรนไชส์เท่านั้น แต่ Disney ยังทำเงินจากแฟรนไชส์นี้ผ่านการถือครองใบอนุญาตการฉายเนื้อหาต่าง ๆ, สินค้า และการใช้กลยุทธ์ Tie-in เข้ากับแฟรนไชส์อื่น เช่น Star Wars LEGO และของสะสมต่าง ๆ เป็นต้น ซึ่งส่งผลให้แฟรนไชส์ ‘Star Wars’ ทำกำไรไปอย่างมหาศาลให้แก่ Disney

อย่างไรก็ดี เนื่องจากรายได้ที่มาจากหลายทางและการเปลี่ยนผ่านผู้ถือครองสิทธิในแฟรนไชส์ จึงยังเป็นเรื่องยากมากที่จะคำนวณว่าแฟรนไชส์ ‘Star Wars’ ทำกำไรสุทธิไปเท่าไรแล้วในตอนนี้