หลายคนคงทราบดีว่า ณ เวลานี้ ไมเคิล เจ ฟอกซ์ (Michael J. Fox) นักแสดงชาวอเมริกัน-แคนาดา วัย 62 ปีเจ้าของบทหนุ่มน้อย มาร์ตี้ แม็กฟลาย (Marty McFly) จากหนังไซไฟไตรภาคชื่อดัง ‘Back to the Future’ 1 ในหนังระดับไอคอนแห่งยุค 80s กำลังเผชิญกับโรคพาร์กินสันที่เขาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคร้ายนี้มานานกว่า 33 ปี ก่อนหน้านั้นเขาเองยังพอจะรับงานแสดงในบทสมทบเล็ก ๆ ได้ ก่อนที่ในปี 1995 เขาจะค่อย ๆ เริ่มถอยออกจากการรับงานแสดงภาพยนตร์ เพราะมีปัญหาด้านการพูดและการจดจำ จนกระทั่งในปี 2020 เขาเองก็ได้ประกาศเกษียณงานจากการแสดงอย่างเป็นทางการ

ฟอกซ์ได้มีโอกาสให้สัมภาษณ์กับ Entertainment Tonight ก่อนที่เขาจะไปร่วมงานการกุศลของมูลนิธิไมเคิล เจ ฟอกซ์ (Michael J. Fox Foundation) ที่เขาก่อตั้งขึ้นเพื่อระดมทุนสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับโรคพาร์กินสัน ที่เขาก่อตั้งขึ้นในปี 2000 ซึ่งผู้สัมภาษณ์ได้มีโอกาสพาเขาย้อนอดีต ด้วยการเปิดเทปบันทึกการสัมภาษณ์ที่ Entertainment Tonight เคยสัมภาษณ์เขาไว้ในปี 1984 ตอนที่เขาอายุเพียง 22 ปี และตอนนั้นเขาเป็นตัวละครหลักในซิตคอมเรื่องดัง ‘Family Ties’ (1982 – 1989) ของช่อง NBC ที่ส่งให้เขาได้รับรางวัล Emmy Awards 3 ปีติดต่อกัน

Michael J. Fox Back to the future

ในเทปสัมภาษณ์นั้น ฟอกซ์ในวัยหนุ่มน้อยได้พูดถึงเป้าหมายที่อยากจะลองทำทุกอย่างในฮอลลีวูด จนเขาในวัยปัจจุบันเองยังรู้สึกขำปนเขิน พร้อมกับพูดติดตลกว่า “ผมตอน 22 นี่ดูน่ากลัวนะ” ก่อนจะเล่าเปรียบเทียบกับเป้าหมายในปัจจุบันของเขาที่มีครอบครัว ประกอบไปด้วยภรรยา เทรซี พอลแลน (Tracy Pollan) นักแสดงร่วมของเขาในซิตคอม ‘Family Ties’ ที่แต่งงานมาตั้งแต่ปี 1988

“เป้าหมายของผมเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด ผมคิดว่าเป้าหมายที่ใหญ๋ที่สุดของผมก็คือการเลี้ยงดูครอบครัว เรามีลูกที่ยอดเยี่ยม 4 คน และนั่นก็เป็นเรื่องใหญ่มาก และงานอีกอย่างก็คืองานที่เราทำกับมูลนิธิ ที่เราต้องการจะบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น”

หลังจากสร้างชื่อในแฟรนไชส์ ‘Back to the Future’ ในปี 1991 ตอนที่เขามีอายุครบ 29 ปี เขาได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ว่ามีอาการของโรคพาร์กินสัน ที่ทำให้เขาเริ่มมีปัญหาผิดปกติด้านร่างกาย ใบหน้า การพูด และการจดจำ แต่เขาก็ยังคงรับงานแสดงในบทบาทสมทบ จนกระทั่งในปี 1995 ปัญหาเริ่มร้ายแรงขึ้นจนทำให้เขาเริ่มมีปัญหาด้านการพูด การท่องจำบท จนต้องตัดสินใจเกษียณตัวเองจากงานแสดง

จนกระทั่งเขาได้มีโอกาสร่วมแสดงในซีรีส์ดราม่ากฏหมาย ‘The Good Fight’ (2020) ซีรีส์ Spin-Off ของทีวีซีรีส์ ‘The Good Wife’ (2010–2016) นั้น เขาเองก็ยังคงมีปัญหาอย่างมากในการท่องจำบทพูด รวมทั้งตอนที่เขาร่วมถ่ายทำในซีรีส์การเมือง ‘Designated Survivor’ (2016–2019) เขาเองก็ยิ่งมีปัญหาหนักขึ้น เพราะเขาต้องรับบทเป็นทนายความที่ต้องท่องจำตัวบทกฏหมาย ซึ่งเขาเคยเปิดเผยปัญหาในการแสดงว่า

“มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับกฏหมาย และผมก็ไม่เข้าใน แต่สิ่งที่ทำให้ผมรู้สึกดีจริง ๆ ก็คือผมไม่ตื่นตระหนก ผมไม่ได้ตกใจ แต่ผมแค่รู้สึกว่า ‘นี่มันอะไรวะเนี่ย’ แล้วก็ทำไปเลย สิ่งสำคัญคือผมต้องท่องจำบทด้วย และผมก็ทำไม่ได้”

แม้โรคร้ายจะเป็นอุปสรรคให้เขาจำต้องถอยห่างจากการแสดง แต่นั่นก็ไม่ใช่ข้ออ้างในการปิดประตูอาชีพการแสดงไปเสียทีเดียว เพราะเขายังมีความต้องการอยากจะกลับมาทำงานแสดงอีกครั้ง เพียงแต่ต้องมีบทที่เหมาะกับสิ่งที่เขาเป็นในปัจจุบันด้วย

“ถ้ามีคนเสนอบทให้ผม และผมได้ทำมัน ผมก็จะได้มีช่วงเวลาที่ดี ผมจะรับแสดง หากมีบทไหนที่ผมสามารถใส่ความเป็นจริงของตัวผมเอง รวมถึงความท้าทายต่าง ๆ ของผมลงไปได้ เท่าที่ผมจะนึกออกน่ะนะ”

ฟอกซ์เคยให้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Empire ถึงเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เขาตัดสินใจที่จะเกษียณตัวเองออกจากวงการฮอลลีวูดในปี 2020 เพราะเขาได้มีโอกาสดูหนังเรื่อง ‘Once Upon a Time in Hollywood’ (2019) ผลงานหนังย้อนยุคฮอลลีวูดของผู้กำกับ เควนทิน ทารันทิโน (Quentin Tarantino) โดยเฉพาะฉากที่ ริก ดาลตัน นักแสดงรุ่นใหญ่อับแสง ที่แสดงโดย ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ (Leonardo DiCaprio) มีปัญหาด้านการท่องจำบทจนต้องระเบิดอารมณ์ออกมา ซึ่งทำให้เขาสะท้อนใจจนต้องตัดสินใจเกษียณตัวเองจากอาชีพนักแสดง

Michael J. Fox BAFTA

“ผมนึกถึงฉากหนึ่งใน ‘Once Upon a Time in Hollywood’ มีฉากหนึ่งที่ตัวละครที่เล่นโดย ลีโอนาร์โด ดิแคพรีโอ ที่จำบทพูดของเขาไม่ได้อีกแล้ว เขากลับไปนั่งที่ห้องแต่งตัว และกรีดร้องกับตัวเองในกระจก มันบ้าไปแล้ว ผมก็มีช่วงเวลาที่ผมกำลังส่องกระจก และคิดว่า ‘ผมจำบทไม่ได้อีกแล้ว งั้นก็เลิกดีกว่า’ ง่าย ๆ แบบนั้นเลย“

ฟอกซ์ปรากฏตัวในหนังสารคดี ‘STILL: A Michael J. Fox Movie’ (2023) ที่เป็นการเล่าถึงชีวิตของเขาและโรคพาร์กินสัน ที่ออกฉายทาง Apple TV+ และในปีนี้ เขาได้มีโอกาสปรากฏตัวบนเวทีประกาศรางวัลลบาฟตา (BAFTA) ครั้งที่ 77 ประจำปี 2024 ซึ่งเขารับหน้าที่เป็นผู้ประกาศรางวัลที่ใหญ่ที่สุดของงานอย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ที่ตกเป็นของภาพยนตร์เรื่อง ‘Oppenheimer’ (2023) ท่ามกลางแขกในงานที่ลุกขึ้นปรบมือเพื่อเป็นเกียรติให้กับเขา

เมื่อปีที่แล้วฟอกซ์ได้ให้สัมภาษณ์ในระหว่างขึ้นหน้าปกนิตยสาร Variety ซึ่งเขาได้มีโอกาสพูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับการใช้ชีวิตร่วมกับโรคพาร์กินสันที่อาจทำให้หลายคนรู้สึกว่าเป็นตัวอย่างที่ดี แต่ความจริงที่เกิดขึ้นนั้นโหดร้ายยิ่งกว่า

“มันก็เป็นวิธีที่ดีในการทำให้คนรู้ว่าพวกเขาประทับใจกับการยอมรับสิ่งต่าง ๆ ของผม และวิธีที่ผมพยายามทำด้วยแตกต่าง แต่ไม่ว่าผมจะนั่งที่นี่ บอกกับคุณว่าผมยอมรับตามหลักปรัชญามากแค่ไหน แบกรับสิ่งนั่นได้ยังไง โรคพาร์กินสันก็ยังคงรบกวนผมอยู่ ผมคงไม่ชนะในเรื่องนี้ ผมจะแพ้แน่นอน แต่ผมจะได้เรียนรู้จากการแพ้นี้อีกมาก”