จากที่ควรจะเป็นแค่วันหนึ่งในเดือนที่เก้าของปี วันที่ 11 กันยายนเมื่อ 2 ทศวรรษก่อน กลับกลายเป็นวันอันน่าตระหนก ผสมปนเปไปกับความเศร้า สะเทือนใจ เมื่อผู้ก่อการร้ายกลุ่มหนึ่งจี้เครื่องบินโดยสารรวม 4 ลำ ที่อยู่เหนือท้องฟ้าฝั่งตะวันออกของสหรัฐอเมริกา บังคับให้บินไปยังจุดหมายที่ต้องการ เพื่อก่อวินาศกรรมที่ช็อกผู้คนไปทั้งโลก

เครื่องบิน 2 ลำพุ่งชนตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ (World Trade Center) ในนิวยอร์ก ทำให้ถล่มลงมาในเวลาไม่ถึง 2 ชั่วโมงหลังการชน ก่อให้เกิดฝุ่นควันกระจายไปทั่วเมือง ลำที่ 3 พุ่งเข้าชนด้านหน้าตึกเพนตากอน (Pentagon) ที่ทำการของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ ส่วนลำที่ 4 ซึ่งเป็นเครื่องของสายการบินยูไนเต็ดแอร์ไลน์ (United Airlines) เที่ยวบินที่ 93 ผู้โดยสารได้ต่อสู้กับผู้ก่อการร้ายจนเครื่องตกลงที่เพนซิลเวเนีย ก่อนไปถึงจุดหมายที่ผู้ก่อการร้ายตั้งใจ

เหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 2,977 ราย โดยไม่รวมผู้ก่อการร้ายที่จี้เครื่องบินทั้ง 19 ราย แยกเป็นผู้โดยสารและลูกเรือบนเครื่องบินทั้ง 4 ลำ 246 ราย คนในตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ 2,606 ราย ทั้งระหว่างเกิดเหตุและหลังจากนั้น กับอีก 125 รายที่เพนตากอน แล้วยังมีอีกนับไม่ถ้วนที่มีเจ็บป่วยทางร่างกาย หรือจิตใจจากเหตุการณ์ครั้งนี้

ผลพวงตามมาก็คือ รัฐบาลสหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู บุช (George W. Bush) ส่งทหารบุกอัฟกานิสถาน เพื่อจัดการกลุ่มอัลเคดา (al-Qaeda) หรืออัลกออิดะห์ ของอุซะมะห์ บิน ลาเดน (Osama bin Laden) ที่วางแผนก่อการร้ายจากที่มั่นในอัฟกานิสถาน โดยจับตัวและสังหาร บิน ลาเดน ได้ที่ปากีสถานเมื่อปี 2011

ขณะที่เหตุการณ์ 9/11 ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวก่อนหน้า, ระหว่างเกิดเหตุ รวมไปถึงสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้น มีการนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ให้ได้รับรู้มากมาย หลากหลายรูปแบบ และนี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องราวเหล่านั้น ที่นำมาให้รับรู้… และรำลึกในวันนี้

WORLD TRADE CENTRE (2006)

ผู้กำกับ: โอลิเวอร์ สโตน (Oliver Stone)


WORLD TRADE CENTRE (เครดิต: Paramount Pictures)

เรื่องของคนกลุ่มแรก ๆ ที่เข้าไปช่วยผู้ประสบเหตุในตึกแฝด โดยเล่าผ่านมุมมองสองเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ติดอยู่ในตึกที่ถล่มลงมา รวมถึงการรับรู้เหตุก่อการร้ายและชะตากรรมของทั้งคู่ โดยภรรยาที่เหมือนแทนสายตาคนอเมริกันทั้งประเทศ สลับกับภาพวันเก่า ๆ อันแสนสุข ซึ่งทำให้เกิดอารมณ์ร่วมเป็นอย่างดี ทั้งสะเทือนใจ, ซาบซึ้ง และสร้างพลังใจ จนไม่น่าเชื่อว่า นี่คืองานของผู้กำกับ ที่ตั้งคำถามถึงนโยบายและการกระทำต่าง ๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ มาตลอด จนกลายเป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนนโยบายของสหรัฐฯ หลังเหตุการณ์นี้ ขณะที่ตัวหนังก็คือ การยกย่องเหล่าผู้รอดชีวิต และผู้จากไปในโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้น

ชมได้ที่: กูเกิล เพลย์ (Google Play) และ ไอทูนส์​ สโตร์ (Itunes Store)


THE LOOMING TOWER (2018)

ผู้สร้างสรรค์: แดน ฟุตเตอร์แมน (Dan Futterman), อเล็กซ์ กิบนีย์ (Alex Gibney) และ ลอว์เรนซ์​ ไรต์ (Lawrence Wright)

THE LOOMING TOWER (เครดิต: Hulu)

แม้รู้ว่าเรื่องจะจบยังไงตั้งแต่ตอนแรกที่ชม มินิซีรีส์รวมดาราที่สร้างจากหนังสือรางวัลพูลิตเซอร์ (Pulitzer Prize) ชื่อเดียวกันของไรต์เรื่องนี้ ก็ยังสามารถทำให้ ‘ขึ้น’ ได้ไปจนถึงตอนสุดท้ายของเรื่องราว เพราะนอกจากได้รับรู้การก่อตัวของภัยคุกคามจากบิน ลาเดน และอัลเคดาตอนปลายยุค 90s แล้ว ยังรับรู้เรื่องการทำงานแข่งกันเองของเอฟบีไอ (FBI) และซีไอเอ (CIA) ซึ่งต่างเดินทางไปทั่วโลกเพื่อแย่งกันเป็นเจ้าของข้อมูลในการก่อการร้าย แม้จะมีเป้าหมายเดียวกันในช่วงเวลานั้น ตลอดจนการทำงานแบบราชการ ที่ทำให้เหตุการณ์ 9/11 เกิดขึ้น ทั้ง ๆ ที่สามารถป้องกันได้ เพราะแบบนี้จะไม่ทำให้ ‘ขึ้น’ ได้ยังไง

ชมได้ที่: แอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ (Amazon Prime Video)


UNITED 93 (2006)

ผู้กำกับ: พอล กรีนกราสส์ (Paul Greengrass)


UNITED 93 (เครดิต: Universal Pictures)

หนึ่งในหนังที่ดีที่สุดเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ที่หยิบเรื่องการต่อสู้และเสียสละของผู้โดยสาร บนเครื่องยูไนเต็ด แอร์ไลน์ส เที่ยวบินที่ 93 ซึ่งร่วมกันต่อสู้กับผู้ก่อการร้าย ที่เชื่อว่าจะบังคับเครื่องไปยังเป้าหมายที่กรุงวอชิงตัน ดีซี จนตกลงสู่ท้องทุ่งกว้างมานำเสนอ แม้จะมีข้อถกเถียงเรื่องความถูกต้องของเหตุการณ์ แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า นี่ไม่ใช่งานที่เต็มไปด้วยพลัง และสมจริง ตั้งแต่การใช้นักแสดงที่ไม่มีชื่อเสียงหรือมีคนรู้หน้าค่าตาไม่มาก การเล่าเรื่องตามเวลาที่เกิดขึ้นจริง จนเส้นแบ่งระหว่างหนังสารคดีและงานที่สร้างจากเรื่องแต่งพร่าเลือน หนังไปไกลถึงเข้าชิงผู้กำกับและตัดต่อยอดเยี่ยม บนเวทีออสการ์ (Oscar)

ชมได้ที่: กูเกิล เพลย์ และ ไอทูนส์​ สโตร์


THE REPORT (2019)

ผู้กำกับ: สก็อตต์ ซี. เบิร์นส์ (Scott Z. Burns)


THE REPORT (เครดิต: Amazon Studios)

หนึ่งในผลพวงจากเหตุการณ์ 9/11 ก็คือการที่หน่วยสืบราชการลับอเมริกัน ออกล่าตัวผู้ต้องสงสัยที่เชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ และนำมาสอบสวน ซึ่งไม่ได้เป็นไปอย่างละมุนละม่อมแน่ ๆ ตลอดจนความขัดแย้งของซีไอเอและเอฟบีไอ หนังนำเสนอเรื่องเหล่านี้ ผ่านเจ้าหน้าที่วุฒิสภา – แดเนียล โจนส์ (Daniel Jones) ที่รับบทโดยอดัม ไดรเวอร์ (Adam Driver) ผู้มาตรวจสอบการทำงานของซีไอเอ ก่อนสรุปเป็นรายงานความยาว 6,700 หน้า ที่เผยให้เห็นว่า กว่าทศวรรษในการสืบสวน เกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชน และใช้กระบวนการที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งเป็นการทรมานผู้ต้องสงสัยอย่างโหดร้ายทารุณขนาดไหน บนแผ่นดินที่เชื่อมั่นในสิทธิและเสรีภาพของผู้คน

ชมได้ที่: แอมะซอน ไพรม์ วิดีโอ


REIGN OVER ME (2007)

ผู้กำกับ: ไมก์ บินเดอร์ (Mike Binder)

REIGN OVER ME (เครดิต: Columbia Pictures)

แม้จะเป็นเรื่องที่แต่งขึ้น แต่ก็แสดงให้เห็นผลกระทบที่มีต่อผู้สูญเสียครอบครัว จากเหตุการณ์ 9/11 ได้ดี อดัม แซนด์เลอร์ (Adam Sandler) รับบทชายหนุ่มที่จมอยู่กับความทุกข์เมื่อภรรยาและลูก ๆ 3 คนอยู่บนเครื่องบินลำที่เกิดเหตุในวันนั้น ทำให้ชีวิตหมดอาลัยตายอยาก หลบหนีจากความเป็นจริง ปิดกั้นตัวเองจากคนภายนอก จนได้พบเพื่อนเก่าสมัยเรียนวิทยาลัย (ดอน ชีเดิล – Don Cheadle) ซึ่งก็มีปัญหาบางอย่างกับครอบครัว ทั้งคู่ช่วยเยียวยากันและกันจนต่างฝ่ายได้พบแสงสว่าง หนังเป็นงานที่สวยงามว่าด้วยการจัดการกับบาดแผลและความเศร้าในชีวิต ซึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่า ‘ยอมรับ’ และ ‘ปล่อยวาง’ รวมถึงมีใครสักคนที่เปิดใจด้วยได้

ชมได้ที่: กูเกิล เพลย์ และ ไอทูนส์​ สโตร์


9/11: INSIDE THE PRESIDENT’S WAR ROOM (2021)

ผู้กำกับ: อดัม วิชาร์ต (Adam Wishart)

9/11: INSIDE THE PRESIDENT’S WAR ROOM (เครดิต: thetimes.co.uk)

สารคดีที่ปล่อยให้ชมชนครบรอบ 20 ปีของเหตุการณ์ และทำให้รู้ว่า ประธานาธิบดี จอร์จ ดับเบิลยู. บุช รับรู้เรื่องวันนั้นยังไง แสดงออกมาแบบไหน แล้วตัดสินใจ หรือทำอะไรต่อ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นใน ‘ห้อง’ เพียงห้องเดียว เมื่อประธานาธิบดีและทีมงานต้องระแวดระวังความปลอดภัย ละเลยข้อมูลข่าวสารเพื่อใช้ในการดำเนินการต่าง ๆ ไม่ได้ เพราะต้องโยกย้ายไปมา ทำให้ทุกที่กลายเป็น ‘ห้อง’ ปฏิบัติการ หลุมหลบภัยของกองทัพอากาศ, เครื่องบินประจำตำแหน่ง หรือ หลังห้องเรียน ซึ่งทำให้ห้องสำคัญมีสัมผัสที่หนังสารคดีน้อยเรื่องจะให้ได้ แถมยังเป็นเรื่องในวันที่ไม่เคยมีคนเขียนบทรายไหนจินตนาการถึงอีกต่างหาก

ชมได้ที่: แอปเปิลทีวี พลัส (AppleTV +)


EXTREMELY LOUD & INCREDIBLY CLOSE (2011)

ผู้กำกับ: สตีเฟน ดัลดรี (Stephen Daldry)

EXTREMELY LOUD & INCREDIBLY CLOSE (เครดิต: Warner Bros. Pictures)

เด็กชายที่กิจกรรมโปรดของเขากับพ่อ คือการเล่นเกม ‘ตามหาเบาะแสแก้ปริศนา’ หลังพ่อจากไปในเหตุการณ์ 9/11 เขายื่งปลีกตัวห่างจากโลก แต่เมื่อพบกุญแจกับซองใส่ที่มีข้อความว่า “Black” ในห้องของพ่อ เขาก็หมกมุ่นกับการตามหาเบาะแสแก้ปริศนากุญแจดอกนี้ โดยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่พ่อทิิ้งไว้ให้ จนกลายเป็นการเยียวยาตัวเองโดยไม่รู้ตัว เมื่อทำให้เขารู้สึกใกล้ชิดกับพ่ออีกครั้ง รวมทั้งพาไปเผชิญกับสิ่งต่าง ๆ และกล้าสื่อสารกับผู้คนในโลกภายนอก ซึ่งท้ายที่สุดเขาก็รับมือการเปลี่ยนแปลงจากการสูญเสียได้สำเร็จ และเป็นอีกครั้งที่ ‘ครอบครัว’ คือผู้เยียวยาบาดแผลที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะครั้งนี้ (หรือครั้งไหน ๆ) หนังไปไกลถึงชิงออสการ์หนังเยี่ยม แม้จะถูกมองว่าใช้โศกนาฏกรรมมากระตุ้นอารมณ์มากไปก็ตาม

หาชมได้ที่: กูเกิล เพลย์ และ ไอทูนส์​ สโตร์


FAHRENHEIT 9/11 (2004)

ผู้กำกับ: ไมเคิล มัวร์ (Michael Moore)

FAHRENHEIT 9/11 (เครดิต: top100project)

สารคดีที่ ‘พูดกันสนั่นเมือง’ เมื่อวิพากษ์วิจารณ์การบริหารประเทศของประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู. บุช หลังเหตุการณ์ 9/11 แบบสุดขั้ว ทั้งเรื่องการใช้สื่อ การทำสงครามในอิรัก ที่เป็นการตัดสินใจโดยไม่อิงการวิเคราะห์ที่อยู่บนพื้นฐานความเป็นจริงอย่างถูกต้อง จนเกิดความสูญเสียอย่างที่เห็น มัวร์ทั้งเหน็บแนม จิกกัด เสียดสี ที่แสดงออกถึงความขุ่นเคืองอย่างชอบธรรม รวมถึงมองว่าบุชคือตัวตลกกระหายสงคราม หนังกลายเป็นงานสารคดีทำเงินสูงสุด และถึงจะถูกแย้งเรื่องความแม่นยำของเรื่องราว ก็ยังได้รางวัลปาลฺ์มทองจากเทศกาลหนังเมืองคานส์ ปี 2004 โดยในปี 2018 มัวร์ปล่อยสารคดี ‘Fahrenheit 11/9’ ที่ว่าด้วยเรื่องราวในยุคประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ตามมา

ชมได้ที่: หนังไม่อยู่ในระบบบริการสตรีมมิงในบ้านเรา แต่น่าจะหาได้จากร้ายจำหน่ายดีวีดี


102 MINUTES THAT CHANGED AMERICA (2008)

ผู้กำกับ: นิโคล ริตเทนเมเยอร์ (Nicole Rittenmeyer), เซ็ธ สคันดริก (Seth Skundrick)

102 MINUTES THAT CHANGED AMERICA (เครดิต: History Channel)

สารคดีวาระครบรอบ 7 ปีของเหตุการณ์ ซึ่งอาจจะฟังพ้นสมัย แต่ด้วยฟุตเทจจากทั่วนิวยอร์กซิตี้ในช่วงเกิดเหตุ ตั้งแต่ตอนที่เครื่องบินลำแรกพุ่งเข้าชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ไปจนถึงช่วงเวลาที่ตึกแฝดถล่มลงมา ซึ่งกลายมาเป็นชื่อของสารคดีเรื่องนี้ ที่คลิปส่วนใหญ่อยู่ในการครอบครองของรัฐบาลมานาน และไม่เคยนำมาเผยให้เห็นมาก่อน บวกกับคลิปของผู้คนที่ทำตัวเป็นนักข่าวสมัครเล่น ที่เน้นปฏิกริยาของผู้คนที่พบเห็นเหตุการณ์ ตลอดจนการเล่าเรื่องโดยอิงกับเวลาที่เกิดขึ้นจริง ทำให้สิ่งที่ได้เห็นส่งผลกระทบกับความรู้สึกได้อีกครั้ง จนสารคดีเรื่องนี้น่าจะเป็นสารคดีเกี่ยวกับ 9/11 ที่ดีที่สุดเรื่องหนึ่ง ที่ยังมีสารคดีสั้น 18 นาทีตามมา ซึ่งเป็นการสัมภาษณ์ผู้เห็นเหตุการณ์และเก็บภาพเอาไว้ 9 คนแรก

ชมได้ที่: ฮิสทอรี แชนแนล (History Channel)

https://youtu.be/UB-evzA2W4c

TURNING POINT: 9/11 AND THE WAR ON TERROR (2021)

ผู้กำกับ: ไบรอัน แนปเพ็นเบอร์เกอร์ (Brian Knappenberger)

TURNING POINT: 9/11 AND THE WAR ON TERROR (เครดิต: Netflix)

สารคดีซีรีส์ที่เพิ่งปล่อยมาเมื่อ 1 กันยายน 2021 ซึ่งเป็นการแกะรอยไปหาเรื่องราวที่เป็นจุดกำเนิดของเหตุการณ์ 9/11 ตั้งแต่การเกิดขึ้นของกลุ่มอัลเคดาในสงครามโซเวียต-อัฟกัน การก่อวินาศกรรมสหรัฐฯ ครั้งแรก ๆ ของบิน ลาเดน ที่สถานทูตเคนยาและแทนซาเนีย ที่เหมือนการลองมือ ก่อนถึงวันอันน่าตระหนกและเศร้าสลด ที่ตามมาด้วยเรื่องราวอีกเยอะแยะ ไม่ว่าจะเป็นปฏิบัติการทางทหาร การก่อการร้ายในอีกหลาย ๆ ครั้ง ที่เต็มไปด้วยความรุนแรง จนเป็นสงครามกับการก่อการร้าย ที่ไม่มีสมรภูมิที่แน่ชัด ส่งผลกระทบไปยังผู้คนแทบทุกมุมโลกก็ว่าได้ แม้ข้อมูลหรือมุมมองต่าง ๆ ส่วนใหญ่จะถูกบอกเล่ามาก่อน แต่สารคดีชุดนี้ก็คือการเก็บรวมรวมสิ่งเหล่านั้นให้อยู่เป็นที่เป็นทาง อยู่ในเรื่องราวเดียวกัน

ชมได้ที่: เน็ตฟลิกซ์ (Netflix)


9/11 WHERE WERE YOU (2011)

ผู้กำกับ: อัลลิสัน อาร์โก (Allison Argo)

9/11 WHERE WERE YOU (เครดิต: National Geographic)

สารคดีบอกเล่าชีวิตผู้คนธรรมดา ๆ ที่เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์สะเทือนขวัญ โดยไม่รับรู้ล่วงหน้า หรือไม่เคยคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรแบบนี้กับชีวิตมาก่อน รวมถึงไม่มีเวลาคิดรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นตรงหน้าด้วยซ้ำ โดยเป็นการตัดสินใจท่ามกลางการสูญเสีย ความตระหนก และความโกลาหล ที่ผลลัพธ์ส่งผลกระทบทั้งกับตัวเอง และกับคนอื่น ๆ นี่คือส่วนหนึ่งของเรื่องราวในสารคดีเรื่องนี้ ที่ยังพาไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับพวกเขาในอีก 10 ปีต่อมา ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่ยังคงอยู่ ความรู้สึกในวันนี้ การดำเนินชีวิต ที่ไม่ง่ายเลยกว่าจะกลับไปเป็นปกติ รวมถึงต้องสร้างหลายสิ่งหลายอย่างในชีวิตทั้งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรมขึ้นมาใหม่ 

ชมได้ที่: ดิสนีย์ พลัส ฮอตสตาร์ (Disney+ Hotstar)

ตัวอย่าง: https://www.hotstar.com/th/911-where-were-you-trailer/1260058185


ส่องคอนเทนต์ใหม่ครบรอบ 20 ปีจากเหตุการณ์ 9/11 โดยหนุ่ย พงศ์สุข

BONUS

ยังมีภาพยนตร์และหนังสารคดีอีกหลายเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ 9/11 ที่น่าสนใจ และน่าจะหามาชม เช่น ‘12 Strong’ ที่ว่าด้วยทหารสหรัฐฯ กลุ่มแรกที่บุกเข้าไปปฏิบัติภารกิจในอัฟกานิสถาน ซึ่งหาชมได้ทางเน็ตฟลิกซ์ ​และไอทูนส์ สโตร์ แล้วแน่นอนว่าต้องมีหนังรางวัลออสการ์ ‘Zero Dark Thirty’ ที่ว่าด้วยปฏิบัติการสังหารบิน ลาเดนของผู้กำกับแคธรีน บิเกโลว์ (Kathryn Bigelow) ทั้งสองเรื่องจะเน้นปฏิบัติการทางทหารหลังจากเหตุการณ์มากกว่าเรื่องผลกระทบต่อผู้คนที่เกี่ยวข้อง แล้วยังมีหนังปี 2002 ‘11’09’’01 September 11’ งานรวมหนังสั้นความยาวเรื่องละ 11 นาทีของผู้กำกับ 11 คนที่มาเล่าเรื่อง 9/11 ในมุมมองของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็น อเลฮานโดร กอนซาเลซ อีญาร์ริตู (Alejandro González Iñárritu), ฌอน เพ็นน์ (Sean Penn) หรือว่า เคน โลช (Ken Loach)

สำหรับสารคดียังมี ‘9/11’ ที่ออกอากาศทางช่องซีบีเอส (CBS) เมื่อปี 2002 ของ 2 ผู้กำกับฝรั่งเศส ที่พาไปพบกับ 1 ใน 3 คนแรกที่บันทึกภาพเหตุการณ์เครื่องบินพุ่งชนตึกแฝด และเป็นหนึ่งในหนังที่บันทึกภาพความโกลาหลแรก ๆ ที่เกิดขึ้นในวันนั้น ส่วน ‘Rebirth’ สารคดีของช่องฮูลู (Hulu) ในปี 2011 ก็พาห้าชีวิตที่เกิดความเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาลจากวันนั้น โดยแสดงให้เห็นว่าความทุกข์และความเศร้าของพวกเขาเกิดขึ้นและเปลี่ยนไปยังไง 

ล่าสุดยังมีสารคดีเรื่องใหม่ทางเนชันแนล จีโอกราฟฟิก (National Geographic) เรื่อง ‘9/11: One Day in America’ ให้ได้ติดตามกัน ซึ่งน่าจะชมได้ทางดิสนีย์พลัส ฮ็อตสตาร์เร็ว ๆ นี้

อ้างอิง, อ้างอิง, อ้างอิง, อ้างอิง, อ้างอิง, อ้างอิง, อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส