เมื่อปี 1988 วิโนนา ไรเดอร์ (Winona Ryder) วัย 17 ปี รับบทเป็น ลิเดีย ดีตซ์ สาวกอธิกในหนัง ‘Beetlejuice’ (1988) ผลงานหนังยาวเรื่องที่ 2 ของ ทิม เบอร์ตัน (Tim Burton) ตอนนั้นเธอถือว่าเป็นนักแสดงที่เด็กที่สุดในบรรดาทีมนักแสดงหนัง ก่อนจะกลายมาเป็นนักแสดงไอคอนยุค 90s ที่มีผลงานการแสดงมากมาย
จนมาถึงปีนี้ ไรเดอร์ในวัย 52 ปี ได้กลับมารับบทเดิมอีกครั้งใน ‘Beetlejuice Beetlejuice’ ภาคต่อที่ห่างจากภาคแรกไปนานถึง 36 ปี ซึ่งคราวนี้เธอต้องรับบทเป็นลิเดีย ที่ตอนนี้กลายเป็นแม่ของ แอสทริด ดีตซ์ ลูกสาววัยรุ่นที่รับบทโดย เจนนา ออร์เทกา (Jenna Ortega) เช่นเดียวกับที่เธอรับบท จอยซ์ ไบเออร์ส คุณแม่สุดแกร่งของเหล่าเด็ก ๆ ชาวเมืองฮอว์กินส์ ในซีรีส์ ‘Stranger Things’
แม้ว่าการร่วมงานกับนักแสดงรุ่นใหม่ ๆ จะเป็นไปได้ด้วยดี แต่เธอก็ยอมรับว่าตัวเธอเองก็ยังเป็นคนที่ภาคภูมิใจในความตกยุคของตัวเอง ไรเดอร์เล่าในสัมภาษณ์ของ Esquire ว่า ตัวเธอเองสนใจในวัฒนธรรมยุค 70s-80s ที่เติบโตมา รักในสิ่งของที่จับต้องได้ และไม่ค่อยอยู่ในโลกออนไลน์ ไม่มีโซเชียลมีเดีย
ไรเดอร์เล่าในบทสัมภาษณ์ด้วยว่า เธอจำเหตุการณ์ตอนที่ถ่ายทำ ‘Stranger Things’ ซีซันแรก เธอเล่าว่า ในระหว่างที่เธอถือแผ่นเสียง เด็ก ๆ นักแสดงวัย 10-14 ปีในตอนนั้นกลับไม่รู้ว่ามันคืออะไร เธอเล่าสั้น ๆ ว่า “ฉันนี่อยากจะร้องไห้เลย เสียงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็คือเสียงตอนที่เข็มกระทบกับร่องเสียง”
ในบทสัมภาษณ์ของ Los Angeles Times ไรเดอร์เล่าว่า แม้คนรุ่นใหม่บางคนจะหันกลับไปเรียนรู้เรื่องราวในอดีต ยกตัวอย่างเช่น ฟินน์ วูล์ฟฮาร์ด (Finn Wolfhard) เจ้าของบท ไมก์ วีลเลอร์ ที่บอกกับเธอว่าชื่นชอบในการแสดงของนักแสดงคลาสสิก เอลเลียต กูลด์ (Elliott Gould)
แต่เธอเองก็รู้สึกขุ่นข้องหมองใจไม่น้อย เมื่อคนในยุคปัจจุบัน แทบไม่รู้ประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์เลย เธอเล่าว่า แม้แต่ผู้กำกับบางคนก็ดูแต่หนังคลาสสิกที่ถูกตัดต่อมาลงใน YouTube ในขณะที่คนรุ่นใหม่ ๆ หลายคนมองว่า การถูกบังคับให้ดูหนังเก่า ๆ ก็ไม่ต่างอะไรกับการยัดเยียด และด้วยปัจจัยหลายอย่าง ทำให้แม้แต่นักแสดงรุ่นใหม่ ก็แทบไม่มีความสนใจที่จะนั่งดูหนังยาว ๆ อีกต่อไป
“ฉันเองก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดให้ฟังดูสิ้นหวังขนาดนั้นหรอกนะ แต่ว่ามีบางคนที่ไม่ได้สนใจในหนังเลย อย่างแรกที่พวกเขาถามก็คือ ‘มันยาวมากไหม ?'”
ไรเดอร์กล่าวประเด็นนี้กับ Esquire ว่า “ฉันคิดว่า โซเชียลมีเดียทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างเปลี่ยนไป และฉันก็รู้ตัวเองดีว่าฉันแก่แล้ว แต่ส่วนหนึ่งในตัวฉันก็คิดว่า ‘พระเจ้า ตอนนี้ฉันดูเป็น Vaudeville* ของยุคนี้หรือเปล่านะ’ เหมือนกับว่า (ทำเสียงหญิงชรา) ‘เฮ้ยไอ้หนู ! ปิดเพลงหน่อยสิ !'”
“ฉันแค่คิดว่า เรามีประวัติศาสตร์ของภาพยนตร์ และประวัติศาสตร์ของการถ่ายภาพอยู่เยอะแยะมากมายนับไม่ถ้วนเลย ฉันไม่ได้หมายความว่าเราควรจะย้อนกลับไปยุคนั้น แต่ฉันแค่หวังไว้ลึก ๆ ว่า คนรุ่นใหม่จะหันมาศึกษาเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นเอาไว้บ้าง”
แม้ว่าไรเดอร์จะไม่ได้เอ่ยถึงโดยตรงว่านักแสดงรุ่นใหม่คนนั้นหมายถึงใคร แต่ช่างประจวบเหมาะที่ มิลลี บ็อบบี บราวน์ (Millie Bobby Brown) นักแสดงวัย 20 ปีที่เคยร่วมงานกับเธอใน ‘Stranger Things’ ได้ให้สัมภาษณ์กับ The Sun เมื่อช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมาว่า ในขณะที่สามีของเธอ เจค บองจิโอวี (Jake Bongiovi) ที่เพิ่งแต่งงานหมาด ๆ คือคนรักหนัง แต่ตัวเธอเองกลับทนนั่งดูหนังยาว ๆ ไม่ได้ ไม่แม้แต่จะดูหนังที่ตัวเธอเองเคยแสดง
ยิ่งสอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ ๆ ที่สนใจโซเชียลมีเดียมากกว่าจะใช้เวลาดูอะไรยาว ๆ (และในมุมหนึ่ง คนยุคนี้มีเรื่องที่ต้องรับรู้ และมีสิ่งที่ต้องทำมากขึ้น จนทำให้มีเวลา พลัง และสมาธิในการนั่งดูอะไรยาว ๆ ได้น้อยลง เลยต้องหันไปดูคอนเทนต์สั้น ๆ หรือคอนเทนต์สรุปแทน)
“เจคเขาเป็นคอหนังตัวยงเลยค่ะ เขานั่งดูหนังทั้งวัน แต่ฉันไม่สามารถทำแบบนั้นได้ มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันจะนั่งลงและทำมันได้เลย มักจะมีคนเดินเข้ามาบอกฉันแล้วพูดว่า ‘เธอควรจะดูหนังเรื่องนี้นะ มันจะทำให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไป’ แต่ฉันเองกลับรู้สึกว่า ‘แล้วฉันต้องนั่งดูมันนานมากไหมนะ’ เพราะสมองและตัวของฉันไม่ชอบแม้แต่จะนั่งดูหนังของฉันเองเลยด้วยซ้ำ”
แต่อย่างไรก็ตาม เธอเองก็ยังคงประทับใจในการทำงานกับเหล่านักแสดงรุ่นใหม่ ๆ เสมอ นอกจากเธอจะต้องเดินสายโปรโมต ‘Beetlejuice Beetlejuice’ เธอยังต้องกลับไปถ่ายทำ ‘Stranger Things’ ที่ตอนนี้ถ่ายทำซีซันที่ 5 ซึ่งจะเป็นซีซันสุดท้ายมาได้ครึ่งทางแล้ว และยังเป็นซีรีส์ที่กินเวลาชีวิตของเธอไปร่วมทศวรรษ
“มันตั้ง 10 ปีเลยนะ ! เรื่องนี้ฉันเองก็คาดไม่ถึงเหมือนกัน ตอนแรกฉันคิดว่า ‘ฉันไม่อยากจะทำแบบนี้ตอนอายุ 50 เลย !’ สำหรับฉันที่อายุปูนนี้แล้ว มันเป็นอะไรที่บ้ามาก บ้าสุด ๆ เลย แต่ยังไงฉันก็รักเหล่าเด็กหนุ่ม ๆ และรักนักแสดง รัก เซดี ซิงก์ (Sadie Sink) และ มายา ฮอว์ก (Maya Hawke) มันเป็นอะไรที่ช่างวิเศษจริง ๆ”
(* Vaudeville – วอเดอร์วิลล์ หมายถึงการแสดงบนเวทีประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในสหรัฐอเมริกา ในช่วงศตวรรษที่ 18 ก่อนการแพร่หลายของสื่อภาพยนตร์ เป็นการแสดงจิปาถะเพื่อความบันเทิงเป็นหลัก ทั้งการเต้นรำ เล่นละคร เล่นดนตรี เล่นตลก มายากล กายกรรม โชว์ละครสัตว์ เป็นต้น)