วันนี้ 15 พฤศจิกายน 2562 ภายในงานแถลงข่าวเปิดตัวอย่างเป็นทางการสำหรับโพรเจกต์ The Brothers Thailand พร้อมประกาศรับสมัครเฟ้นหาสุภาพบุรุษไอดอลชายจากทั่วประเทศ โดย สถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสี ช่อง 3 นำทีมโดย คุณอริยะ พนมยงค์ กรรมการผู้อำนวยการ บริษัท บีอีซี เวิลด์ จำกัด (มหาชน) จับมือกับ บริษัท ดรีมเมอร์ส โซไซตี้ เมเนจเมนท์ จำกัด (Dreamers Society Management) ซึ่งเป็นการผนึกกำลังกันระหว่าง “ติ๊ก – เจษฎาภรณ์ ผลดี” กับบิ๊กบอส “คุณต้อม – จิรัฐ บวรวัฒนะ”  ที่ประสบความสำเร็จจากการเป็นผู้สร้างไอดอลหญิงอย่าง BNK48 เปิดตัวโปรเจกต์  “The Brothers Thailand” สร้างไอดอลชายไทย ด้วยการคว้ารุ่นพี่ 4 หนุ่มซูเปอร์สตาร์แถวหน้าของไทยอย่าง “ติ๊ก เจษฎาภรณ์ – อนันดา –  มาริโอ้ – นิชคุณ” มาร่วมเทรนน้อง ๆ  หรือเรียกพวกเขาทั้ง 4 ในฐานะรุ่นพี่ว่า “BROACH” (โบร้ช) มาจาก Brother + Coach  พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์กว่า 20 ปี ส่งต่อรุ่นน้องในเวลา 90 วันเพื่อคว้าโอกาสเข้าสู่วงการบันเทิง

โดยผู้บริหารทั้ง 3 ท่านได้เปิดใจกับสื่อมวลชนถึงการจับมือร่วมกันในครั้งนี้

ถามถึงการมาจับมือการทำโพรเจกต์ The Brothers Thailand มีที่มาที่ไปอย่างไร?

ต้อม : น่าจะเริ่มจากผม และพี่ติ๊กคุยกัน ว่าเนื่องจากผม BNK48 มีแนวคิดที่อยากจะทำวงผู้ชาย ไอดอลผู้ชาย เราก็คิดว่าเนื่องจากเราไม่ได้มีลิขสิทธิ์ผู้ชาย เรามีแค่แพทเทิร์นการทำงาน เราก็เลยอยากหาสักคนที่เป็นตัวแทนของกลุ่มเด็กที่เราอยากจะ โคลนนิ่ง ก็เลยมาปรึกษาพี่ติ๊ก พูดง่าย ๆ ว่าเราอยากจะโคลนนิ่งพี่ติ๊ก และหลังจากนั้นก็ได้คุยกัน และบอกว่าเราต้องรวบรวมกลุ่มที่เราคิดว่าเป็นตัวแทนของ brother ตัวแทนของคุณรุ่นพี่แห่งชาติ เป็นเสมือนจตุเทพ สำหรับผมนะครับ ผมพูดอย่างนั้นเองนะครับหลังจากนั้นก็เลยช่วยกันเชิญพี่สี่คนเข้ามาร่วมกัน พอหลังจากนั้นก็คิดว่าต้องมีที่ออกอากาศ ต้องมีพาร์ตเนอร์ ที่จะช่วยกันผลักดันให้โครงการนี้ไปได้ไกลมากขึ้นอีก ก็เลยเข้ามาปรึกษากับพี่บี๋ และได้มีโอกาสได้มาทำงานร่วมกับช่อง 3 ครับ

บี๋ : ทางเราต้องบอกว่าเป็นที่คุ้นเคยกันทั้งนั้น พี่ติ๊กเป็นดาราช่อง 3 อยู่แล้ว พี่ต้อมก็รู้จักกันสมัยอยู่ไลน์ เพราะฉะนั้นตอนที่พี่ติ๊กเดินเข้ามาแล้วบอกว่ามีไอเดียใหม่ ๆ ก็เข้าทางเราเลย มันอยู่ในจังหวะที่ผมเองก็อยากได้รายการในรูปแบบใหม่ ๆ ผมชอบ concept พอเข้ามาเล่าให้ฟัง มีความรู้สึกว่ามันใหม่มันสด แค่ฟังดูก็รู้ว่าเรามาถูกทางแล้ว ซึ่งช่วงนี้จะเห็นว่าพอเราเล่าให้ใคร ๆ ฟัง ทุกคนก็บอกว่าตื่นเต้นกับเราพอควรนะ ก็นาน ๆ ที รู้สึกว่ามันมีคอนเซ็ปต์ดี ๆ ใหม่ ๆ แปลก ๆ แต่ไม่ใช่ว่าเป็นโชว์ที่ทำมาเพื่อที่จะคัดเลือกคนออก แต่ก็คือคอเซ็ปต์ตามชื่อจริง ๆ ก็คือผมรู้สึกว่าเป็นคอนเซ็ปต์ที่ดี ก็เลยบอกว่าทำด้วยกันเถอะ ที่มาที่ไปก็ค่อนข้างง่าย และในจังหวะนี้เราก็อยากเปลี่ยนโฉมของช่อง 3 ให้ดูว่ามันมีเรื่องใหม่ ๆ เรา refresh ความเป็นช่อง 3 แต่ก็คือยัง keep และยังพึ่งพาดาราศิลปินของเราด้วย

ติ๊ก – เจษฎาภรณ์ ผลดี

ติ๊ก – เจษฎาภรณ์ ผลดี

ถามพี่ติ๊กว่ามาร่วมงานนี้กับพี่ต้อมได้อย่างไร?

ติ๊ก : เกิดจากการได้ชักชวนกันพอดี ผมกับพี่ต้อมได้มีโอกาสรู้จักกันมาก่อน วันหนึ่งพี่ต้อมมาคุยอย่างที่พี่ต้อมบอก ว่าอยากโคลนนิ่งผม ผมก็บอกว่าพี่จะได้สิ่งที่ดี ๆ ใช่ไหม(หัวเราะ) แต่ก็เออ โปพเจกต์คน่าสนใจ ซึ่งในเรื่องนี้ผมคิดอยู่เสมอว่าถ้าเราอยากพัฒนาคนให้มีคุณภาพ ว่าเราอาจจะต้องมีเงินเพื่อไปเปิดโรงเรียนอนุบาล และวางนโยบายหลักสูตรของเราหรือเปล่า แต่ก็ต้องเริ่มจากอนุบาลเลย และกว่าที่เราจะได้ผลลัพธ์ที่ดีต้องใช้เวลานานขนาดไหน และพอดีโพรเจกต์นี้เป็นโพรเจกต์ไอดอล ผมก็เลยมองว่าไอดอลคือแบบอย่างของคนได้ในรูปแบบหนึ่ง และเราจะใส่ บอกสิ่งที่เราทำให้ไอดอลเป็นสุภาพบุรุษในสโลแกนของ the brother ก็คือ school of gentleman ก็รู้สึกว่าโอเคอย่างน้อย ๆ ก็มีน้อง ๆ ศิลปินต่าง ๆ เหล่านี้ ภายนอกมีความสามารถ เด็ก ๆ รุ่นใหม่มีความสามารถมากกันอยู่แล้ว ร้องเพลง เต้น การแสดง เพียงแต่ว่าเอามาปรับปรุงเพิ่มเติม แต่สิ่งที่เราอยากให้พี่เพิ่มเติมคือในเรื่องของการที่เขาใช้ชีวิตในสังคมการที่เป็นสุภาพบุรุษในรูปแบบไหนก็เลยรู้สึกว่าอยากทำโพรเจกต์นี้ครับ

platform เป็นอย่างไร เป็นแนวไหนคะ เรียลลิตี้ สด หรือว่าอย่างไร?

ต้อม : ผมต้องเรียนว่า the brother Thailand ไม่ใช่เพียงแค่รายการทีวี มันเป็นแบรนด์ที่เราอยากสร้างขึ้นมา แบรนด์ที่มีไอเดนติตี้ที่ชัดเจนคือความเป็นสุภาพบุรุษ และมีความสามารถในการที่พัฒนาคนได้ด้วย นั่นคือการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน the brother Thailand อีกมุมคือรุ่นพี่ รุ่นพี่ที่ถ่ายทอดเรื่องราวให้รุ่นน้องขณะเดียวกันรุ่นพี่ทั้ง 4 คน ความแข็งแรงชัดเจนในทุก ๆ ด้าน สามารถที่จะต่อยอดไป content ได้หลากหลายรูปแบบ ซึ่งแน่นอนต้องมีการทำงานร่วมกันกับช่อง 3 ในอีกหลาย ๆ โพรเจกต์ในอนาคตต่อไป เพราะฉะนั้นผมต้องเรียนว่า the brother Thailand ของพวกเรานั้นไม่ใช่เพียงแค่รายการเรียลลิตี้ ไม่ใช่นะครับ the brother ก็คือแบรนด์โพรเจกต์ที่เราจะพัฒนาคน พัฒนาคอนเทนต์ในหลากหลายรูปแบบ ยกตัวอย่างง่าย ๆ คือรูปแบบที่คุณจะได้เห็นชัดเจนที่สุดคือเรื่องราวของเด็ก 20 คน ที่มาเรียนรู้กับรุ่นพี่ 4 คน มี output ที่ชัดเจนอันที่หนึ่งคือเรื่องของรายการทีวีร่วมกับทางช่อง 3 นอกจากนั้นเมื่อมีรุ่นพี่ที่ดี มีเวลาและมีสถานีโทรทัศน์ มี partner ที่ดี ก็จะออกมาเป็นน้อง 20 คนที่ดี เราเชื่อว่าอย่างนั้น และน้อง 20 คนที่ดีก็จะมีโอกาสที่จะทำงานร่วมกันในวงการบันเทิงในหลากหลายรูปแบบ เพราะฉะนั้นอย่างที่ผมเรียนครับ มันจะไม่เป็นเพียงแค่รายการทีวี

พอมีการเปิดตัวคัดเลือกผู้เข้ารับสมัคร คนมองว่ามันมีกลิ่นอายความเป็น 48 กรุ๊ปชัดเจนมาก

ต้อม : ผมไม่ได้เอา 48 กรุ๊ปมา เราเลือกในสิ่งที่ดี เราเลือกในสิ่งที่คิดว่าเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเขา ความหลากหลายของความเป็นมนุษย์มีความสวยงาม มีความสมบูรณ์ที่แตกต่างกันไป คงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องหล่อเหมือนกัน ผมคิดว่านั่นอาจเป็นกลิ่นอายที่ชัดเจน ความหล่อของคนมีความหล่อความดูดีที่ไม่เหมือนกันได้หมด หัวใจสำคัญคือ วิญญาณของการพัฒนาซึ่งได้รับโอกาสจากพี่ทั้ง 4 คนมาถ่ายทอดวิญญาณของความเป็นสุภาพบุรุษและคนที่อยู่ในวงการมาตลอด 20 ปีถ่ายทอดให้กับรุ่นน้อง ผมคิดว่านั่นคือหัวใจของโครงการนี้ แต่ว่าความหลากหลายของคน ถ้าจะบอกว่าคล้ายกับ BNK เพราะนั่นคือสิ่งที่เราเชื่อเราเชื่อว่าคนไม่จำเป็นต้องดูดีเหมือนกัน

บี๋ : ผมขออนุญาตเสริมในส่วนของพี่ต้อมนิดหนึ่ง concept ที่เราขายคือเราไม่ได้คิดว่าเป็นแค่รายการทีวีคือสิ่งที่เราไม่ได้ต้องการก็คือแค่เอาหนึ่งรายการเพิ่ม แต่การที่เรามองถึงความสามารถในการต่อแต้มแนะแนวอนาคตได้ คือความหมายของการเป็น platform สำหรับช่องเราเอง เราก็ต้องบอกว่าในขณะนี้สิ่งที่เราต้องการคือ ต้องการรายการใหม่ให้กับผู้ชมปัจจุบัน แต่ในเวลาเดียวกันนั้นถ้าเราดู format แล้ว แน่นอนก็คือเราจะได้กลุ่มผู้ชมที่เด็กลงด้วย ซึ่งเขาอยู่บนโลกทีวีก็ได้ หรือโลกออนไลน์ก็ได้ ตอนนี้ออนไลน์เราก็มีอยู่แล้วเรากำลังปรับโฉมอยู่ ทันรายการพอดี แต่นอกเหนือจากนั้นคือออกจากรายการแล้วน้อง ๆ ก็จะกลายเป็น spring off ที่อาจจะเป็นรายการอื่น อาจจะเป็นละคร จะเป็นรูปแบบของคอนเทนท์ที่ไม่ใช่แค่ the brother Thailand ก็จบ แต่มันมากกว่าแค่รายการที่เราจะเห็น

ติ๊ก : ผมจะเสริมจากพี่บี๋ ที่พี่บี๋บอกว่าเราจะได้กลุ่มของแฟน ๆ ที่เป็นวัยรุ่นขึ้น ในขณะหนึ่งกลุ่มของบรรดาแม่ ๆ ก็ยังคงอยู่ (หัวเราะ) เพราะว่าแฟน ๆ ของทางช่อง 3ส่วนใหญ่ก็จะมีรุ่นผู้ใหญ่หน่อย(หัวเราะ)

ต้อม : ถ้าเกิดมองที่กลุ่มอายุฐานแฟนคลับของโพรเจกต์นี้ ก็พี่ติ๊ก คุณอนันดา เป็นตัวแทนของคนอายุประมาณ 40 ซึ่งคนอายุประมาณ 40 ก็จะมีฐานแฟนที่แล้วแต่ แต่มากขึ้นจนถึงน้อยลง คุณมาริโอ้ คุณนิชคุณ ก็อายุประมาณ 30 เราหาน้องอายุ 14 ถึง 24 หมายความว่าช่วงอายุ 10 กว่า ถึง 20 กว่าถึง 30 กว่าถึง 40 กว่า ถ้าจะมอง the brother Thailand เราก็จะมองประมาณนี้

กินเรียบเลย

ต้อม : ใช่ แล้วก็ target ของแต่ละกลุ่มมีขึ้นและลง เพราะฉะนั้นเราเชื่อว่าด้วยความหลากหลายของด้านอายุความน่าสนใจก็จะครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายที่ตอบโจทย์เรื่องของทีวีออนไลน์ และคอนเทนท์ที่หลากหลายรูปแบบ

ระยะเวลาดำเนินการจะเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่ถึงเมื่อไหร่?

บี๋ : เรายังไม่ได้แจ้งช่วงออกอากาศ คงอยู่ในช่วงต้นๆ ปี

ต้อม : เปิดรับสมัครพรุ่งนี้เป็นวันแรก

ในส่วนเรื่อง artist management ที่พี่บี๋ว่าในส่วนของการต่อยอด ในส่วนของละครก็คือทางฝั่งคุณต้อมจะทำหรือล็อกให้ผู้จัดคนอื่น ๆ

บี๋ : ก่อนหน้านี้เราพูดถึงเรื่องของโอกาส ที่เราอยากจะสร้างกับดาราและศิลปินของเรา ซึ่งยอมรับว่าก่อนหน้านี้มันเป็นคอนเซ็ปต์ที่ดูลอย ๆ แต่มาถึงวันนี้แล้วผมว่าเริ่มเห็นภาพของสิ่งที่เราพยายามทำ คือ the brother เป็นตัวอย่างที่ดี คือหนึ่งมีพี่ติ๊กเป็นดาราศิลปินของช่อง 3 อยู่แล้ว มีมาริโอ้ สิ่งที่เราจะเห็นก็คือเราต้องสร้างโอกาสและพร้อมที่จะสนับสนุนดาราและศิลปินของเราด้วยไอเดียใหม่ ๆ ด้วยรูปแบบรายการใหม่ ๆ รูปแบบการทำธุรกิจใหม่ อันนี้เป็นตัวอย่างหนึ่ง และในเวลาเดียวกันน้อง ๆ ที่คัดเลือกมามี 3 คนที่จะเซ็นกับช่อง 3 อันนี้เราก็อยากได้คนหน้าใหม่ คนรุ่นใหม่ อย่างที่คุณต้อมบอกคือคนที่สมัครเข้ามาอายุ 14 ถึง 24 เราจะได้คนหน้าใหม่ คนรุ่นใหม่ ที่มาส่งเสริมทัพของช่อง 3 ด้วย นี่คือโอกาสที่เราพยายามสร้าง ก็อยากให้พี่ ๆ น้อง ๆ ดาราศิลปินช่อง 3 ได้เห็น นี่คือจุดเริ่มต้นอันหนึ่งของโอกาสใหม่ ๆ ที่เราพยายามสร้างขึ้นมา คือเราได้สองส่วน ได้ทั้งรายการรูปแบบใหม่ และในเวลาเดียวกันก็คือการสนับสนุนดารา และศิลปินของช่อง3 ด้วย

โพรเจ็กต์นี้ถ้าพูดในแง่ความร่วมมือ คือจะส่งคนช่อง 3 ที่เราจะมาต่อยอด มาหนุนทัพ แต่ทางคุณต้อมเองจะมีสิทธิ์ในการบริหารน้อง ๆ ด้วยมั้ย?

ต้อม : ผมต้องเรียนอย่างนี้ คือแยกชัดเจนอยู่แล้วว่าทางช่อง3 มีพื้นที่สื่อที่ทรงอิทธิพล และก็มีจำนวนคนดูมหาศาล การได้มาพันธมิตรกับช่อง 3 ทำประโยชน์ให้เราหลากหลายรูปแบบเลย หนึ่งก็คือทำให้รายการนี้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางมากยิ่งขึ้น ถูกต้องไหมครับ แล้วน้องที่อยู่ในรายการนี้ก็ยังได้เป็นที่รู้จักมากขึ้น ในทางกลับกันเราก็จะฝากน้อง 3 คน มาทำงานเป็นศิลปินในสังกัดช่อง3 ในส่วนที่เป็น commercial เราดูแลนะครับ นั่นคือการทำงานร่วมกันครับ

บี๋ : ต้องบอกว่า the brother Thailand ไม่ใช่รายการที่อยู่ดี ๆ ทางดรีมเมอร์มาเล่นไอเดีย เหมือนมานำเสนอให้กับช่อง 3 แต่มันคือความร่วมมือตั้งแต่แรก ๆ เลย ตอนเดินเข้ามาคุยตั้งแต่มันยังเป็นคอนเซ็ปต์อยู่เลยจนถึงวันนี้เราก็พร้อมที่จะเปิดและจะได้ออกอากาศในต้นปีหน้า

 

3 คนนี่คือว่าทางช่อง3ดูแล แต่ถ้าเป็นเชิง commercial ที่ไม่ใช่งานของช่อง3 ทางเราจะเป็นคนดูแลอยู่แล้ว?

ต้อม : ใช่ครับ ทางดรีมเมอร์โซไซตี้เป็นคนดูแล ผมไม่ได้ใช้บริษัท BNK มาทำงาน ผมใช้ดรีมเมอร์โซไซตี้ ผมหุ้นกับคุณติ๊ก และมาทำงานร่วมกับช่อง3

 

พูดถึงเรื่องโมเดลพิเศษของทางอินเตอร์เน็ต เป็นไพรอทโปรเจกต์ใช่ไหม?

บี๋ : จะบอกว่ามันไม่ได้มีโมเดลที่ลงตัว มันคือตัวตั้งต้น มันอยู่ที่โอกาสมากกว่า อย่างเช่นมีรายการดี ๆ เข้ามาเราคิดว่าเราคุยกัน และมันจะลงเอยยังไงมากกว่า สิ่งที่ผมมองคือสิ่งที่เราเข้าใจกันว่า artist ไม่ใช่หรือว่าคุณเป็นพรีเซนเตอร์แล้วผมไปหากินเปอร์เซ็นต์จากตรงนั้น อันนั้นไม่ใช่ เพราะว่าเป็นสิ่งที่ทุกคนเขาทำกันอยู่แล้ว และก็ทำต่อ อันนี้ผมไม่ได้เข้าไปยุ่งอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ผมหาคืออยากได้อะไรที่มันคือความใหม่ความใหม่นี้คือรูปแบบของรายการหรือรูปแบบของโอกาสและในแต่ละโอกาสอาจจะแตกต่างกัน เราค่อยคุยกันว่าเราจะว่า Benefit กับทุกฝ่ายอย่างไร และความร่วมมือจะเกิดขึ้นในรูปแบบไหน เพราะฉะนั้นผมไม่ได้เป็นโมเดลที่ตายตัวที่บอกว่า 1 + 2 + 3 แล้วมันจะออกมาเป็นเท่าใดนะครับ

 

เดอะดรีมเมอร์จะมีโพรเจกต์อื่นร่วมกันอีกไหม?

บี๋ : ผมคิดว่าเราเริ่มต้นจุดนี้ ผมต้องบอกก่อนว่าเราตื่นเต้นมากกับความใหม่และถ้าเราดู feed back ณ ปัจจุบัน ทุกคนที่ได้เห็นคลิป ได้เห็นรูปภาพ หรือได้เห็นบิลบอร์ด ตอนนี้เรามีบิลบอร์ดในกรุงเทพแล้ว สิ่งเดียวที่ทุกคนพูดถึงเหมือนกันคืออยากดูแล้ว ผมว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ก็น่าจะต่อแต้มกันได้อีก

 

เรื่องของสัดส่วนพาร์ตเนอร์เป็นอย่างไรบ้าง?

ต้อม : ผมว่าที่ชัดเจนคือเราดูแลเรื่องการผลิตคอนเทนท์ให้ดีที่สุด ทางช่อง 3 ดูแลเรื่องเวลาการออกอากาศและการประชาสัมพันธ์ที่ดีที่สุด ต่างคนต่าง contribute แต่ละส่วนที่เท่า ๆ กัน ต่างคนต่างช่วยกันครับ

 

แล้วการออกแบบรูปแบบ?

บี๋ : รูปแบบ เราสองบริษัทช่วยกัน แต่ถ้าพูดถึงเรื่องสปอนเซอร์คือรายการสปอนเซอร์เรายังไม่ได้เปิด แต่ตอนนี้ทุกคนโทรหาโทรกันเข้ามาหมดเลย รอคอยเมื่อไรเราจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการ

 

จะเป็นปีละครั้ง?

ต้อม : เราเชื่อของเราอย่างนั้น แต่ทั้งหมดทั้งมวลก็เดี๋ยวดูที่ผลของเขา แต่เราก็เชื่อในผลของเขาว่าจะต้องดีเพราะฉะนั้นเราก็ต้องมีการวางแผนระยะยาว ไม่ได้มองเป็นโครงการระยะสั้น แต่ก็ทุกอย่างหมดทั้งมวลคืออยู่ที่ผลการตอบรับ

 

ที่บอกว่าตัวสปอนเซอร์ก็เริ่มติดต่อเข้ามา คือก่อนหน้านั้นเรายังไม่ได้คุยกับเอเจนซี่ใช่ไหม?

บี๋ : ยัง ๆ ทุกคนก็เห็นตามดรีมเมอร์ได้เริ่มปล่อยพวกคลิป แฟนเพจ ทุกคนก็พูดกันปากต่อปากแชร์กันเยอะแยะมากมาย ก็เลยไปถึงกลุ่มลูกค้ากลุ่มเอเจนซี่ เรายังไม่ได้เริ่มคุยอะไรกับเขาเลย ทุกคนก็ติดต่ออยากรู้รายละเอียดซึ่งก็ถือว่าเป็นสัญญาณที่ดี คือfeed back ดีทั้งผู้ชม และในโซเชียล ทางด้านของสปอนเซอร์

 

รูปแบบเรียลลิตี้ช่อง 3 มีในผังไหม

บี๋ : มีครับ มีรายการอยู่ด้วย

แต่ที่มันสด ใหม่ ยังไม่ได้คุยไม่ได้ขายอะไรกันเลยใช่ไหม?

บี๋ : อันนี้ถือว่าเป็นรายการแรก ๆ ที่เราจะเห็นกลิ่นอายของความใหม่และความเปลี่ยนแปลงนะครับ

 

อย่างเดอะเฟซแล้วมันจะ lead อย่างไรให้รู้สึกว่ามันต่าง

ต้อม : ผมว่าด้วยข้อที่หนึ่ง the brother ทั้ง 4 ท่าน เขามีความแตกต่าง เราไม่ได้คิดว่าเราจะแข่งอะไรกับใคร เราแค่อยากจะทำในรูปแบบของเราให้ดีที่สุด เพราะฉะนั้นเราไม่ได้เชื่อว่าเราจะต้องมาแข่งอะไรกับใคร ข้อที่สองคิดว่ารูปแบบรายการของเราเองก็มีวิธีที่ออกมาจากรุ่นพี่ 4 ท่านอย่างชัดเจน เราไม่มีการแบ่งทีมไม่มีการคัดออก เราเชื่อในรูปแบบของเรา เราก็ทำในรูปแบบของเรา แต่ไม่ใช่ว่านี่เป็นวิธีที่ดีที่สุด มันมีวิธีที่ดีที่สุดตั้งหลายวิธี เราเป็นวิธีหนึ่ง

บี๋ : ผมเสริมนิดหนึ่งคือที่คิดว่ามองในแง่ของผังรายการ เราไม่ได้ต้องการรายการที่เหมือนกันคือความแตกต่างถูกต้อง ผู้ชมเองก็จะรู้สึกว่าทำไมรายการมันคล้าย ๆ กันหมด จริงๆ มันต้องมีบุคลิกและอารมณ์ที่แตกต่างกันนี่เป็นจุดสำคัญอันหนึ่งในมุมมองของผู้ชมนะ

ในรายการมีพี่ติ๊กเป็นตัวยืนอยู่แล้ว แล้วการคัดเลือกอีก 3 คนมาร่วมในรุ่นพี่ มีเกณฑ์อะไรบ้าง

ติ๊ก : พี่ต้อมก็โยนมาให้ผมนะ ว่าติ๊กนึกถึงใคร ผมก็บอกว่าผมมีพี่ ๆ น้อง ๆ ในวงการบันเทิงเยอะแยะมากมาย ผมรู้สึกว่ามีเยอะนะที่มีคุณสมบัติต่าง ๆ ตามที่พี่ต้อมต้องการ ผมเองก็รู้สึกว่าความจริงแล้วผมเลือกไม่ถูก ผมก็เลยโยนเรื่องนี้ไปให้พี่ต้องต่อ

ต้อม : สำหรับผม ข้อแรกคือเราอยากได้กลุ่มอายุที่แตกต่างกันออกไป อย่างที่เรียนว่าเราอยากเห็นสิ่งที่แตกต่างสองเรื่องของความหลากหลาย อย่างเช่น คุณนิชคุณ ชัดเจน คุณมาริโอ้ ตอนนี้ดังมาก จะไปอยู่ในหนังเรื่องอะไร ซีรีส์เรื่องไหนดังหมด พรีเซ็นเตอร์เต็มไปหมด สำหรับผมคือว่าปังทุก ๆ ท่าน ที่พูดมาคือมีความหมายในแต่ละช่วงที่เรามองและสามารถมี contribute ในการพัฒนาที่แตกต่างกันไปได้ ไม่เหมือนกันเพราะฉะนั้นอย่าเรียกว่าคัดเลือกเลย เรียกว่าไปขอเรียนเชิญมาดีกว่า วิธีการขอเรียนเชิญมาคือวิธีคิดแบบความหลากหลายความแตกต่างทางเราเอง ทั้งของ target เรื่องของ contribute

 

ติดตามชม “The Brothers Thailand” ได้เร็ว ๆ นี้ที่หน้าจอ ช่อง 3 “รวมทุกความสุข ที่นี่ที่เดียว  ช่อง 3 กด 33”  ทั้งรายละเอียดการรับสมัคร ได้ทาง www.thebrothersofficialth.com

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส