โซนี่สตูดิโอได้ปล่อยโฆษณาทางโทรทัศน์ตัวใหม่สำหรับหนัง SPECTRE หรือหนังลำดับที่ 24 ในชุดเจมส์ บอนด์แล้ว หลังจากก่อนหน้านี้ได้ปล่อยทีเซอร์เทรลเลอร์มายั่วแฟนๆด้วยบรรยากาศของความลึกลับซับซ้อนขององค์กรปริศนา มาตอนนี้เราจะได้เห็นฉากแอ็กชั่นชุดใหญ่จากตัวหนังแบบจัดเต็มแล้ว SPECTRE เป็นเรื่องราวต่อจาก Skyfall เมื่อบอนด์ได้รับข้อความลับที่เกี่ยวกับอดีตในวัยเด็กของเขา ทั้งยังเปิดเผยการมีอยู่ขององค์กรที่น่ากลัวที่ใช้ชื่อว่าปีศาจอย่าง SPECTRE (SPecial Executive for Counter-intelligence, Terrorism, Revenge and Extortion - ฝ่ายบริหารพิเศษสำหรับงานข่าวกรอง การก่อการร้าย การแก้แค้น และขู่กรรโชก) ในขณะเดียวกัน M คนใหม่ต้องต่อสู้กับฝ่ายการเมืองเพื่อปกป้ององค์กรสายลับเอาไว้ให้ได้ SPECTRE กำกับโดย Sam Mendes ผู้กำกับในภาคที่แล้ว และได้ Daniel Craig กลับมารับบทเจมส์ บอนด์ เป็นครั้งที่ 4 อีกครั้ง หนังมีกำหนดฉาย 6 พฤศจิกายน ปีนี้ https://www.youtube.com/watch?v=6lsAyK4aRNs ที่มา: Collider  

ดูเหมือนทุกอย่างเกี่ยวกับหนังเรื่อง Batman v. Superman: Dawn Of Justice จะเป็นความลับไปเสียหมดตามสไตล์โปรดิวเซอร์อย่าง คริสโตเฟอร์ โนแลน ที่ไม่ค่อยปล่อยข้อมูลให้ผู้ชมทราบอะไรเกี่ยวกับหนังนัก ทำให้ตอนนี้ข่าวเกี่ยวกับหนังเรื่องนี้นอกจากภาพและทีเซอร์ทางการที่ปล่อยมาให้เดาไปต่างๆนานา ส่วนใหญ่ก็อยู่ในลักษณะของข่าวลือทั้งสิ้น อย่างการปรากฏตัวของโจ๊กเกอร์ในเอนด์เครดิตเพื่อส่งเข้าสู่หนัง Suicide Squad หรือเรื่องของเล็กซ์ ลูเธอร์ที่สัมพันธ์กับคริปโตไนท์และดูมส์เดย์อีก ล่าสุดในงาน Licensing Expo ที่ลาสเวกัส สตูดิโอวอเนอร์ได้ปล่อยเรื่องย่อทางการของหนังมาแล้วว่า "ด้วยความกลัวต่อพลังราวกับพระเจ้าของยอดมนุษย์ที่ไม่มีการตรวจสอบได้ ฮีโร่ผู้น่าสะพรึงกลัวและศาลเตี้ยผู้ทรงพลังแห่งเมืองก็อตแธมจึงลุกขึ้นต้านพระผู้ไถ่ในโลกยุคปัจจุบันที่ได้รับความเคารพสูงสุดแห่งเมืองเมโทรโพลิส  ในโมงยามที่โลกต้องเลือกว่าวีรบุรุษแบบใดที่โลกต้องการจริงๆ และในขณะที่แบทแมนและซูเปอร์แมนก่อสงครามระหว่างกันเองอยู่นั้น ภัยคุกคามใหม่ก็ได้ก่อกำเนิดขึ้นอย่างรวดเร็ว และนำมหันตภัยยิ่งใหญ่สู่มวลมนุษยชาติอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อน"  น่าสนใจว่า ภัยคุกคามใหม่ที่ว่านี้เป็นใคร แล้วเหล่าบรรดาคาแร็กเตอร์อื่นที่ถูกประกาศว่าจะปรากฏตัวในหนังนี้อย่าง วันเดอร์ วูแมน และอควอแมน อีกล่ะ ดูเหมือนว่าจะยังมีความลับอยู่อีกมาก แต่อย่างน้อยเราก็พอทราบแล้วว่าหนังจะคลี่คลายความขัดแย้งระหว่างสองซูเปอร์ฮีโร่สำคัญของค่ายดีซี ด้วยการต้องหันมาจับมือเพื่อขจัดภัยคุกคามใหม่นี้อย่างแน่นอน หนังมีกำหนดเข้าฉาย 25 มีนาคม 2016 ที่มา: Collider

มาร์เวลสตูดิโอประกาศปล่อยตัวอย่างหนังฉบับพิเศษความยาวกว่า 6 นาทีของหนังซูปเปอร์ฮีโร่เรื่องใหม่อย่าง Ant-Man ก่อนฉายหนังบล็อกบัสเตอร์ประจำซัมเมอร์นี้อย่าง Jurassic World หนังภาคต่อของ Jurassic Park ที่ทั้งโลกจับตามอง โดยการฉายหนังตัวอย่างพิเศษนี้จะมีให้ชมเฉพาะโรงไอแมกซ์เท่านั้น Ant-Man เป็นหนังเรื่องสุดท้ายในเฟสที่ 2 ของ Marvel Cinematic Universe (MCU) ก่อนที่จะเปิดเข้าสู่เฟสที่ 3 ด้วยเรื่อง Captain America: Civil War (6 พฤษภาคม 2016) ที่ประกาศแล้วว่าจะมีคาแร็กเตอร์ของแอ๊นท์แมนไปร่วมในหนังด้วย หนังกำกับโดย Peyton Reed และแสดงนำโดย Paul Rudd ในบท Scott Lang ซึ่งเป็นแอ๊นท์แมนยุคที่ 2 และ Michael Douglas ในบท Hank Pym แอ๊นท์แมนคนแรกด้วย ซึ่งกิจกรรมฉายฟุตเทจพิเศษของหนังใหม่ก่อนฉายหนังระดับบล็อกบัสเตอร์นี้ดูเหมือนจะเป็นเทคนิคทางการตลาดที่สตูดิโอยักษ์ใหญ่หลายแห่งนำมาใช้เพื่อกระตุ้นเหล่าแฟนบอยของทั้งหนังตัวอย่างและหนังจริงให้เข้าไปชมในโรงหนังมากขึ้น ท่ามกลางกระแสของการชมหนังผ่านอินเตอร์เน็ตที่เติบโตมากขึ้นด้วย คาดว่าคงอัดฉากแอ็กชั่นมาให้ชมจุใจแน่นอน แฟนมาร์เวลที่จะดูจูราสสิก เวิร์ล ในโรงไอแมกซ์ตั้งแต่วันพฤหัสนี้ไป ห้ามพลาดเลยทีเดียว https://www.youtube.com/watch?v=mA-_ObfXlgc

เมื่อวานเพิ่งนำเสนอเกี่ยวกับหนังใหม่ของ ริดลีย์ สก็อตต์ กับแมตต์ เดม่อน ไปหมาดๆ เร็วราวกับพายุบนดาวอังคาร วันนี้เทรลเลอร์แรกก็มาให้ชมแล้ว จากเทรลเลอร์เราได้เห็นภารกิจบนดาวอังคารที่เลวร้าย ต่อมาที่โลกนาซ่าได้ประกาศเป็นทางการว่าพระเอกของเราตายแล้วในภารกิจดังกล่าว แต่ทว่าไม่น่ะสิ! เรื่องราวของมนุษย์ที่ต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดและหาทางกลับบ้านเพียงลำพังบนดาวอังคารดูเป็นเรื่องที่เป็นไปแทบไม่ได้เลย เราจะได้เห็นจิตวิญญาณของนักสู้และการใช้ไหวพริบปฏิภาณทุกอย่างเพื่อจะได้กลับโลก และแน่นอนเป็นภารกิจที่ทั่วทั้งโลกต้องร่วมกันเอาใจช่วยอย่างกับการส่งพลังให้บอลเก็งกิอย่างไรอย่างนั้น เรียกว่าหนังสร้างบรรยากาศกดดันและแอ็กชั่นบนดาวอังคารมาเต็มทีเดียว น่าจะเป็นอีกหนังดังของริดลีย์ สก็อตต์ ได้ไม่ยาก หนังสร้างจากนิยายที่ดังมากๆในโลกอินเตอร์เน็ตมาก่อน โดยผู้แต่ง แอนดี้ เวียร์ แต่งขึ้นมาเอาสนุกก่อนจะฮิตบานปลายกลายเป็นหนังสือขายดีไป โดยนิยายเรื่องนี้ได้รับการขนานนามว่าเป็นบรรยากาศที่ผสมกันระหว่าง Cast Away (หนังติดเกาะของ ทอม แฮงค์) กับ Apollo 13 (หนังภารกิจเหยียบดวงจันทร์ของ ทอม แฮงค์ อีกล่ะ) เทรลเลอร์ปิดท้ายด้วยแท็กไลน์เท่ๆอย่าง "ความช่วยเหลืออยู่ห่างออกไปแค่ 140 ล้านไมล์แค่นั้นเอง" (เหมือนใกล้เลยนะ) ตัวเอกจะกลับบ้านได้อย่างไรต้องรอลุ้นปลายปีนี้แล้วล่ะ https://www.youtube.com/watch?v=tx9owZOMDzk

หนังใหม่ของผู้กำกับ Ridley Scott แห่ง Alien และ Prometheus เรื่องนี้ได้ Matt Damon กลับมารับบทนักบินอวกาศอีกครั้ง หลังจากในเรื่อง Interstellar ของผู้กำกับ Chirstopher Nolan เขาก็เพิ่งเล่นเป็นนักบินอวกาศผู้เหลือรอดอยู่ลำพังบนดาวเคราะห์ดวงหนึ่งก่อนที่พระเอกของเราจะไปพบเช่นกัน แล้วใน The Martian จะมีอะไรที่ต่างๆไปจากบทบาทเดิมในหนังโนแลน เรื่องนี้เดมอนรับบทเป็นนักบินอวกาศชื่อ Mark Watney ในภารกิจ Ares 3 ในการสำรวจดาวอังคาร แต่ขณะปฏิบัติภารกิจเขาเกิดหายสาบสูญไปในพายุใหญ่บนดาวเคราะห์สีแดง และทำให้ถูกลูกเรือคนอื่นทอดทิ้งไว้โดยคิดว่าเขาตายไปแล้ว มาร์คมีเวลาเหลือเพียง 28 วันในการส่งสัญญาณให้นาซ่ารู้ว่าเขายังรอดชีวิต ก่อนที่ปัจจัยในการดำรงชีวิตจะหมดลง The Martian ดัดแปลงจากนิยายชื่อเดียวกันของ Andy Weir เมื่อปี 2011 โดยแอนดี้เริ่มเขียนนิยายเล่นๆลงในบล็อกส่วนตัวก่อนที่จะได้รับความนิยมจนมีสำนักพิมพ์มาติดต่อขอสิทธิ์ตีพิมพ์ในปี 2014 โดยได้ Drew Goddard มือเขียนบทจาก World War Z, The Cabin in the Woods และ Cloverfield มาเขียนบทด้วย   และนี่คือวิดีโอโปรโมตัวแรกความยาว 3 นาที…

กูเกิ้ลกับความพยายามผลักดันเทคโนโลยีวิดีโอ 360 องศามีให้เห็นมาพักใหญ่แล้ว แต่นี่นับเป็นครั้งแรกที่มีผู้กำกับที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่าง Justin Lin แห่ง Fast and Furious ผู้รับไม้ต่อแฟรนไชส์นี้นับตั้งแต่ภาคที่ 3 จนถึงภาคที่ 6 ให้กลายเป็นหนังฮิตระเบิดระเบ้อมาแล้วเข้ามาลองทำหนังสั้นกับเทคโนโลยีภาพยนตร์แห่งอนาคตตัวนี้

เป็นหนังน้อยเรื่องครับที่เข้าไทยมาแล้ว ทีมงานไม่พยายามคิดสรรค์ชื่อเรื่องประหลาดๆใส่คำซ้ำซาก มฤตยู,มหากาฬ,ระห่ำ,ทมิฬ ขายชื่อ"สปาย"กันตรงๆเลยง่ายดี ตัวอย่างหนัง นำเสนอตัวเองในภาพหนังตลกขาย เมลิสซ่า แมคคาร์ธี ดาราหญิงร่างอ้วนขายดีของยุคนี้ แต่พอดูเข้าจริงค่อนข้างผิดคาดหลายอย่าง อย่างแรกคือเนื้อหาซีเรียสจริงจังกว่าที่คิดทั้งเรื่องและภาพ พล็อตตั้งใจล้อเลียน เจมส์ บอนด์ อย่างเปิดเผยตั้งแต่เครดิตต้นเรื่อง พล็อตหนังมาง่ายๆในสไตล์สายลับ ซีไอเอตามล่าหัวรบนิวเคลียร์ ที่กำลังถูกส่งต่อให้นายหน้า และนายหน้ากำลังจะขายให้กับผู้ก่อการร้ายที่จะเอาไปถล่มนิวยอร์ค ถึงแม้พล็อตดูพื้นๆแต่กลับมีทั้งการตายของตัวละคร ซ้อนแผน หักหลัง รวมถึงหักมุมในตอนท้าย ไม่ซับซ้อนมากมายนักดูเข้าใจง่ายๆ แต่ภาพที่ออกมารุนแรงกว่าที่คิดเกินขีดหนังตลกนะ ยิงกันตายเยอะมาก แต่ละตัวตายโหดๆ เอาปืนจ่อกบาล ตกตึกไส้ไหลยังเงี้ย เสียบมีดทะลุฝ่ามือแล้วดึงออกช้าๆเสียวมาก ทำใจก่อนดูไว้เลยนะว่ามีภาพค่อนข้างโหดเลยล่ะ

หนังรวมยอดมือล่ารางวัลของฮอลลีวู้ดเรื่องนี้น่าจะหนึ่งในหนังกระหึ่มเวทีรางวัลช่วงปลายปีนี้อย่างแน่นอน โดยมีกำหนดฉาย 16 ตุลาคมนี้ ซึ่งเป็นฤดูที่หนังหวังกล่องต่างๆจะเริ่มปล่อยตัว แค่พูดชื่อของคนที่เข้าร่วมโปรเจคนี้ก็คาดเดาได้ไม่ยากเลยว่าสตูดิโอหวังกับหนังเรื่องนี้ขนาดไหน ไล่มาตั้งแต่ ผู้กำกับอย่าง สตีเว่น สปีลเบิร์ก พ่อมดฮอลลีวู้ดที่ช่วงหลังแม้จะขาดหนังเปรี้ยงๆไปมาก แต่ก็ดูถูกฝีมือที่จัดเจนของเขาไม่ได้เลย ดารานำบิ๊กเนมอย่าง ทอม แฮงค์ เองที่จะว่าไปช่วงหลังก็ห่างหายจากเวทีรางวัลไปบ้างเหมือนกัน ส่วนเรื่องฝีมือการแสดงไม่ต้องพูดถึง นี่นับเป็นการกลับมาร่วมงานอีกครั้งของบุคคลทรงอิทธิพลในแวดวงบันเทิงโลกในรอบสิบปีทีเดียว ถ้าย้อนดูกลับไปถึงหนังที่ทั้งคู่ร่วมงานกันก็ต้องบอกว่า เชื่อขนมกินได้เลยว่าหนังเรื่องนี้ไม่ธรรมดาแน่นอน ไล่ตั้งแต่ Saving Private Ryan (1998) Catch Me If You Can (2002)  และ The Terminal (2004) ที่ต้องมีอยู่ในลิสต์หนังโปรดของใครหลายๆคนแน่ๆ หนังยังได้เจ้าพ่อรางวัลและขวัญใจนักวิจารณ์อย่าง สองพี่น้อง Joel และ Ethan Coen มาร่วมเขียนบทให้ และถือเป็นการร่วมงานกันครั้งแรกของทั้ง 3 คนด้วย อันนี้ก็เชื่อขนมกินได้อีกว่าบทต้องดีขั้นเทพเจ้าอีกเช่นกัน Bridge Of Spies เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในยุคสงครามเย็น (สงครามแผ่ขยายอิทธิพลการลัทธิการปกครองระหว่างสหรัฐอเมริกากับสหภาพโซเวียต ช่วงทศวรรษ 1960) โดยมีการส่งสายลับเข้าโจรกรรมและแทรกแซงระหวางประเทศอย่างซับซ้อน ซึ่งก็มีหนังหลายเรื่องมากๆที่เล่าประเด็นสายลับนี้ โดยฝั่งอเมริกันก็มี CIA เป็นทัพหลัก…

นับเป็นครั้งแรกทีเดียวที่พิกซาร์สตูดิโอมีหนังเข้าโรงพร้อมกันถึง 2 เรื่อง ในปีเดียวกัน เรื่องแรกคืออนิเมชั่นไฮคอนเซ็ปต์เรื่อง Inside Out ที่รอคิวเข้าฉายเกือบทั่วโลก 19 มิถุนายนนี้แล้ว (ส่วนบ้านเรารอไปถึงช่วงวันแม่นู่นเลย) เรื่องนี้เกี่ยวกับระบบการคิดและอารมณ์ต่างๆในตัวมนุษย์เรา น่าจะเป็นออริจินัลมาสเตอร์พีซอีกเรื่องของพิกซาร์หลังจากประสบปัญหาต้องหากินกับหนังภาคต่ออยู่พักใหญ่ แถมเรื่องใหม่ๆก็ไม่ค่อยเปรี้ยงปร้างเหมือนแต่ก่อน

ท่ามกลางหนังแนวเดียวกันนี้ที่ออกมามากมายทั้งที่ดีและเลวร้าย เรื่องนี้กลับโดดเด่นออกมาในหมู่ผู้ชมไซไฟสายฮาร์ด แม้หน้าปกหนังจะดูไม่ต่างจากหนังแนวเดียวกันเรื่องอื่นๆก็ตาม จนน่าสนใจว่าหนังมันยังเหลืออะไรให้แตกต่างจากหนังปรัชญาไซไฟมนุษย์สร้างสิ่งมีชีวิตเทียมเรื่องอื่นๆ แล้วผลการพิสูจน์ก็คือคำอุทานว่า บร๊ะเจ้า!! นี่นับเป็นหนังเรื่องแรกในฐานะผู้กำกับของ นักเขียนบทชาวอังกฤษ Alex Garland ที่เคยฝากผลงานไว้ในหนังของ ผกก. Danny Boyle อย่าง 28 Days Later (2002) และ Sunshine (2007) และอาจจะนับรวมไปถึงนิยายต้นทางของหนังอย่าง The Beach (2000) ด้วยก็ได้ นับว่าผู้ชายที่เข้าตา ผกก.อัจฉริยะอย่างบอยล์คนนี้ ต้องมีของอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แล้วหนังไซไฟเรื่องแรกที่เขาทั้งกำกับและเขียนบท แม้พล็อตจะไม่ได้ใหม่อะไรเลยเรื่องนี้ แต่กลับเป็นบทพิสูจน์ความเจ๋งของเขาได้มากมายนัก หนังว่าด้วยเรื่องราวของ เคเลบ (Caleb) พนักงานเขียนโค้ดโปรแกรมในบริษัทเซิร์ชเอนจิ้นที่ใหญ่สุดในโลกอย่าง Blue Book (อารมณ์ประมาณ บริษัทกูเกิ้ล) ได้รับการสุ่มเลือกให้รับรางวัลพิเศษได้เข้าพบซีอีโอบริษัทอย่าง นาธาน (Nathan) ณ ที่พักสุดไฮเทคกลางธรรมชาติห่างไกลผู้คน เพื่อเข้าเป็นผู้ทำการทดสอบปัญญาประดิษฐ์นามว่า เอวา (Ava) ด้วยการทดสอบทัวริง (Turing test) ที่ใช้แนวคิดว่าหากมนุษย์ทำการปฏิสัมพันธ์กับคอมพิวเตอร์โดยที่เขาหลงคิดว่ากำลังปฏิสัมพันธ์กับมนุษย์จริงๆอยู่แล้วนั้น จึงถือว่าคอมพิวเตอร์นั้นได้สอบผ่านการเป็นปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอสำเร็จแล้ว ซึ่งจะกลายเป็นประวัติศาสตร์อีกหน้าของมนุษย์เลยทีเดียว…

เรื่อง KUNG FURY เป็นภาพยนตร์แนว Action Sci-fi ที่ทำออกมาเป็น Theme หนังฝรั่งยุค '80 แบบสุด ๆ แต่แฝงไว้ด้วย Special Effect อย่างเหนือชั้น

มาในฟอร์มหนังตลาดขายฉากภัยพิบัติเฉกเช่นบรรดาหนังรุ่นพี่ก่อนหน้าอย่าง the day after tomorrow,2012,volcano,armageddon เรื่องดำเนินไปตามสูตรสำเร็จเป๊ะๆ พระเอกเก่งรอบด้าน เมียส่งใบหย่ามาให้ทำใจรอเซ็น ลูกตกอยู่ในอันตราย พ่อกับแม่ได้ผจญภัยไปช่วยลูกด้วยกันได้เผชิญวิกบากกรรมร่วมกัน ทำให้กลับมาเห็นใจกันอีก ผัวใหม่โชว์สันดานร้าย นักวิทยาศาสตร์รู้ว่าแผ่นดินไหวจะเกิดล่วงหน้าแต่เตือนไม่ทัน ด้วยสูตรสำเร็จ ที่ผ่านตากันมาจนคาดเดาได้ แต่กับสถานการณ์ปลีกย่อยระหว่างทาง บทก็ใส่สถานการณ์เข้ามารังแกตัวละครให้คนดูได้ลุ้นเอาใจช่วยอยู่ตลอดเวลา ตัวเบลค ลูกสาวต้องเอาชีวิตรอดจากตึกถล่ม ฝูงชนที่เบียดเสียดเอาชีวิตรอด กับอีกทาง เกนส์ พระเอกของเรื่องต้องไปช่วยเมียแล้วเดินทางจากลอสแองเจลิสไปซานฟรานซิสโกท่ามกลางอุปสรรคต่างๆนาๆต้องเปลี่ยนพาหนะหลากหลายทั้งเฮลิคอปเตอร์ รถยนต์ เครื่องบินเล็ก บทหนังยังคงเต็มไปด้วยความบังเอิญ ความโอเวอร์ หรือการกระทำไม่สมเหตุสมผลตามสไตล์หนังเอาใจคนดู หวังรายได้ แต่ก็ยังอยู่ในปริมาณที่ไม่มากเกินไปจนน่าเกลียด

ในฐานะคนเขียนรีวิวก็อ่านรีวิวมามากก่อนดูเหมือนกัน ก็ได้เตรียมตัวเตรียมใจก่อนดูไว้ระดับหนึ่งเลยไม่ผิดคาดนัก ผมค่อนข้างเห็นพ้องกับหลายเสียงที่ได้ดูก่อนหน้าว่าช่วงแรกกับช่วงหลังของtomorrowland อารมณ์ผิดกันมากจริงๆ ช่วงแรกของหนังสนุกมาก ทั้งปริศนาที่ชวนติดตาม ทูมอโรว์แลนด์คืออะไรอยู่ที่ไหน และมีอะไรอยู่ในนั้น คำถามต่างๆถูกโยนเข้าใส่ เคซีย์ เด็กสาวที่เป็นตัวเดินเรื่อง มีทั้งอธีน่าหุ่นยนต์ฝ่ายดีที่พยายามชักจูงเธอไปทูมอโรว์แลนด์ หุ่นยนต์ร้ายกลุ่มใหญ่ที่ขัดขวางไม่ให้เธอไป เพื่อหาคำตอบเคซีย์ จะต้องโน้มน้าว แฟรงค์ บุคคลสำคัญที่เคยอยู่ในทูมอโรว์แลนด์และจะพาเธอไปที่นั่นได้ ตลอดระยะชั่วโมงกว่าๆหนังเดินหน้าได้อย่างน่าติดตาม ภาพบรรยากาศทูมอโรว์แลนด์ที่สุดตระการตา

John Nash นักคณิตศาตร์ชาวอเมริกัน ผู้เชี่ชยวชาญเรื่องทฤษฎีเกม และ เจ้าของชีวประวัติจากภาพยนตร์เรื่อง A Beautiful Mind เสียชีวิตแล้ว

ประสบความสำเร็จ ด้วยการหาทางออกกับการนำเสนอภาพในแนวทางแปลกใหม่ ที่พักหลังคนดูเริ่มเอียนและเวียนหัวกับหนังสยองขวัญในแนวfound footage ที่ต้องดูภาพจำลองกล้องมือถือหรือโฮมวีดีโอที่ส่ายไปส่ายมา unfriended เป็นหนังจากทีมผู้สร้างอิสระที่ไปเตะตาสตูดิโอใหญ่อย่าง ยูนิเวอร์แซล เลยซื้อไปจัดจำหน่าย ออกฉายเมื่อกลางเดือนเมษายน ทำรายได้ทั่วโลกไป 42ล้านเหรียญ มองตัวเลขดูเล็กน้อยมาก แต่ถ้าเทียบกับทุนสร้างแค่ 1ล้านเหรียญ ถือว่ากำไรเละเทะแล้วครับ

เข้าฉายชน Mad Max:fury road ในฐานะหนังทางเลือกเพราะหวังว่าด้วยแนวทางที่แตกต่างหวังจะได้กลุ่มวัยรุ่นผู้หญิงมาตีตั๋วดู แต่ผลออกมาผิดคาด ภาคต่อของแก๊งสาวเสียงดี กลับเป็นแชมป์สุดสัปดาห์ที่ผ่านมาด้วยรายได้70ล้านเหรียญ ในขณะที่ Mad Max โปรแกรมใหญ่ว่าที่แชมป์ ทำรายได้เป็นรอง ได้มาเพียง 44ล้านเหรียญ กับตัวเลข70ล้านของ pitch perfect 2 ในเวลาเพียงแค่3 เรียกว่าเกินคาด เพราะตลอดระยะยืนโรงของภาคแรกทำรายได้ในสหรัฐไปเพียง65ล้านเท่านั้น และเป็นการประเดิมก้าวแรกที่สดใสมากๆในอาชีพผู้กำกับของอลิซาเบ็ธ แบงค์ บางคนอาจจะนึกไม่ออกว่าใครหว่าอลิซาเบ็ธ แบงค์ เธอเป็น ดาราโรแมนติค คอมมีดี้ วัย41 ที่มีผลงานทั้งหนังโรงหนังทีวีกว่า70เรื่อง เคยเป็นนางเอกมาก็เยอะ แต่ผลงานที่คนดูน่าจะจดจำได้ดีสุดคือบท เอฟฟี่ ทริงเก็ต สาวพิธีกรแต่งตัวประหลาดจาก the hunger games ,อลิซาเบ็ธ แบงค์ ร่วมแสดงใน pitch perfect ภาคแรกในบท เกล ผู้รายงานข่าวประจำสมาคมอะแคพเพลล่า จับพลัดจับผลูไงไม่ทราบ ภาค2ได้เลื่อนมาเป็นผู้กำกับเฉย แล้วก็ยังรับบทเดิมของเธออยู่เช่นกัน บทเกล ที่ประกบคู่กับ จอห์น ไมเคิล ฮิกกินส์…