ฝ่ายขาย และการตลาด
085-848-2253[email protected]http://m.me/beartai
สมัครงาน/ฝึกงาน ติดต่อได้ที่
[email protected]
Read
| Health
Read More

เมื่อสมองพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป จนลืมคิด ลืมจำ (Digital Amnesia)

ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวล้ำไปไกล เราสามารถเข้าถึงข้อมูลได้เพียงปลายนิ้วสัมผัส แต่คุณเคยสังเกตไหมว่า ยิ่งเราพึ่งพาอุปกรณ์ดิจิทัลมากเท่าไหร่ ความสามารถในการจดจำของเราก็ยิ่งแย่ลงเท่านั้น ? ปรากฏการณ์นี้เรียกว่า "Digital Amnesia" หรือ "ภาวะสมองเสื่อมดิจิทัล" นั่นเอง Digital Amnesia คืออะไร ? “Digital Amnesia” หรือ “Google Effect” เป็นปรากฏการณ์ที่สมองของเราเริ่มพึ่งพาเทคโนโลยีดิจิทัลในการจดจำข้อมูลมากเกินไป จนทำให้ความสามารถในการจำของตัวเองลดลง เราจำอะไรได้น้อยลง และมักจะนึกถึงการค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตเป็นอันดับแรก แทนที่จะพยายามนึกถึงข้อมูลนั้นด้วยตัวเอง ปรากฏการณ์นี้ถูกค้นพบครั้งแรกในปี 2011 โดยทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ประเทศสหรัฐอเมริกา นำโดย Betsy Sparrow ซึ่งได้ตีพิมพ์ผลการวิจัยในวารสาร Science ทำไมเราถึงเป็น Digital Amnesia ? สาเหตุหลักของ Digital Amnesia มาจากการที่เราพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไปในชีวิตประจำวัน เช่น สมองของเรามีกลไกการทำงานที่น่าทึ่ง มันจะเลือกจดจำสิ่งที่จำเป็นและทิ้งสิ่งที่ไม่จำเป็น เมื่อเรารู้ว่าสามารถหาข้อมูลได้ง่าย ๆ จากอินเทอร์เน็ต สมองจึงเลือกที่จะไม่เก็บข้อมูลนั้นไว้ เพื่อประหยัดพลังงานและพื้นที่สำหรับข้อมูลอื่น ๆ อาการของ Digital Amnesia…
07/12/2023
Read More

Gaslighting ล่อลวง ชักจูง และควบคุม: ความหมาย สัญญาณ ผลกระทบ และการรับมือ

Gaslighting เป็นคำศัพท์ทางจิตวิทยาที่ใช้เรียกพฤติกรรมที่เป็นพิษรูปแบบหนึ่ง อย่างการปั่นหัวให้คนเกิดความกังขา หรือสงสัยในความสามารถ และการรับรู้ของตัวเองเพื่อหลอกให้รู้สึกผิด ทำลายความสามารถในการตัดสินใจ ล่อลวง และควบคุมให้ใครสักคนทำสิ่งที่ตนเองต้องการ ทั้งด้านความคิด และพฤติกรรม ด้วยคำพูด ไปจนถึงการสร้างสถานการณ์ชวนสับสน  คนที่มีพฤติกรรม Gaslighting อาจเรียกได้ว่าเป็นคนท็อกซิก เฮงซวย และอันตราย เพราะสามารถทำให้เกิดความปั่นป่วนในทุกระดับความสัมพันธ์ และระดับสังคม อย่างพ่อแม่กับลูก หัวหน้ากับลูกน้อง เพื่อนร่วมงาน เพื่อนสนิท และคู่รัก โดยคนที่มีพฤติกรรม Gaslighting หรือที่เรียกกันว่า Gaslighter ซ่อนตัวอยู่ในทุกสังคม ทำไมต้อง Gaslighting? ที่มาของคำว่า Gaslighting มาจากละครเวทีจากประเทศอังกฤษ ในปี 1938 ที่มีชื่อว่า Gaslight เรื่องราวของคู่สามี-ภรรยาคู่หนึ่งที่ฝ่ายสามีคอยบงการ เกลี้ยกล่อม และบอกภรรยาของตัวเองว่าเธอเสียสติ เพื่อฮุบสมบัติของเธอ ตัวสามีใช้คำพูดเพื่อเกลี้ยกล่อมภรรยาในเชิงจิตวิทยา สร้างสถานการณ์ด้วยการเคาะกำแพง ย้ายที่ข้าวของเพื่อให้ตัวภรรยาเชื่อว่าเธอบ้าจริง ๆ และหนึ่งในอาวุธที่เหมือนจะธรรมดา แต่ร้ายกาจที่สุดที่สามีทำ คือ การหรี่ไฟจากตะเกียงแก๊ส และติด ๆ ดับ ๆ เมื่อภรรยาทักว่าไฟดับ…
07/12/2023
Read More

การโหม่งบอลอันตรายต่อสมองกว่าที่คิด

ใครที่ไม่ได้ดูบอล หรือเตะบอลอาจสงสัยว่าเวลานักเตะใช้ศีรษะโหม่งบอล รู้สึกเจ็บไหม แล้วอันตรายรึเปล่า? สำหรับคนที่เตะบอลน่าจะพอรู้อยู่ว่าการโหม่งบอลต้องใช้การเกร็งกล้ามเนื้อ ให้ถูกตำแหน่ง และถูกจังหวะเพื่อลดแรงกระแทก และส่งลูก ซึ่งอาจไม่ได้ทำให้รู้สึกผิดปกติในทันที แต่ถึงอย่างนั้นข้อมูลทางการศึกษาพบว่าการโหม่งบอลส่งผลเสียต่อสมองได้หลายด้าน ในการโหม่งบอล นักเตะจำเป็นต้องเกร็งกล้ามเนื้อคอเพื่อส่งแรงให้บอลไปในทิศทางที่ต้องการ ผลสำรวจพบว่าผู้เล่นโหม่งบอลเฉลี่ย 6–12 ครั้ง/แมตช์ ซึ่งบริเวณคอ และศีรษะของเราเป็นจุดที่บอบบาง และเสี่ยงต่อการบาดเจ็บที่รุนแรงมากกว่าช่วงลำตัว และช่วงขา ถ้าคุณเตะบอลอยู่บ่อย ๆ แล้วใช้ศีรษะโหม่งลูกเป็นประจำอาจมีความเสี่ยงของปัญหาสุขภาพได้ การโหม่งบอลทำให้สมองกระทบกระเทือนไม่ต่างจากอุบัติเหตุ การใช้ศีรษะรับ หรือส่งบอลอาจทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน ซึ่งมีตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรง ไปจนถึงระดับอันตราย การโหม่งบอลส่วนใหญ่อาจไม่ได้ทำให้เกิดอาการทันที แต่อาจทำให้เกิดการบาดเจ็บในระดับที่ไม่รุนแรง โดยจะรู้สึก และระบมบริเวณที่ใช้โหม่งในวันถัด ๆ ไป การบาดเจ็บในลักษณะนี้มักไม่รุนแรง และหายเองได้เมื่อพัก แต่หากเกิดขึ้นบ่อยทุกสัปดาห์ อย่างนักกีฬา หรือคนที่นัดเตะบอลกับเพื่อนตลอด อาจเสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อมจากการบาดเจ็บเรื้อรัง (Chronic Traumatic Encephalopathy: CTE) ได้ ในระยะยาวอาจเริ่มพบสัญญาณของอาการสมองเสื่อม เช่น สูญเสียความทรงจำ พฤติกรรมเปลี่ยนไปจากเดิม มีปัญหาด้านอารมณ์ หรือควบคุมร่างกายได้ไม่เหมือนเดิม ในเคสที่ใช้ศีรษะรับบอลที่มีพุ่งมาอย่างรุนแรงอาจทำให้สมองได้รับการกระทบกระเทือน และเกิดอาการตามมาทันที เช่น ปวดหัว มึนหัว…
04/12/2023
Read More

ไขข้อสงสัยทำไมผู้ชายบางคนน้องชายโค้ง แล้วส่งผลต่อเซ็กส์อย่างไรบ้าง?

คิดว่าพอโตมาเป็นผู้ใหญ่ ไม่ว่าจะผู้หญิง หรือผู้ชายก็น่าจะเคยเห็นเจ้าโลก หรืออวัยวะเพศชายที่มีลักษณะโค้ง หรืองอแทนที่จะตั้งตรง ทั้งอาจจะเห็นในหนังผู้ใหญ่ ประสบการณ์ หรือเป็นเจ้าของเจ้าโลกที่มันเลี้ยวซ้าย เลี้ยวขวา หรือขึ้นลง จนสงสัยว่าทำไมมันถึงโค้ง ผิดปกติรึเปล่า แล้วส่งผลต่อการมีเซ็กส์ไหม  บทความนี้มีคำตอบ น้องชายโค้งตามธรรมชาติก็มี โค้งแบบเป็นโรคก็มี โดยปกติอวัยวะเพศชายสามารถเอียง หรือโค้งได้เล็กน้อยตามธรรมชาติ ไม่ว่าจะซ้ายขวา หรือขึ้นลง ซึ่งพบได้ทั่วไป ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอันตราย และสามารถใช้งานได้ตามปกติ  ส่วนใครที่น้องชายโค้งหรืองอเกิน 30 องศาเนี่ยจะจัดว่าเป็นโรคเพโรนีย์ (Peyronie's Disease) หรือโรคน้องชายเอียง ซึ่งในช่วงที่เกิดการแข็งตัวจะเห็นว่าอวัยวะเพศโค้งไปจากเดิมอย่างเห็นได้ชัด โรคนี้เป็นผลจากการเกิดพังผืด และแผลเป็นในเนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศชาย จนเนื้อเยื่อเกิดการหดรั้งกันจนทำให้อวัยวะเพศโค้งงอ บางคนงอจนกลายเป็นมุมฉากเลยก็มี คนที่เป็นโรคน้องชายโค้งบางคนสามารถหายได้เอง แต่เคสที่ไม่หาย เกิดอาการเจ็บเวลาแข็งตัว บวมแดง อักเสบ ผิวหนังเปลี่ยนสี และไม่สามารถมีเพศสัมพันธ์ได้ตามปกติ ควรได้รับการรักษาจากแพทย์ บางเคสอาจทำให้เกิดภาวะเสื่อมสมรรถภาพทางเพศได้ อาการน้องชายโค้งที่เกิดขึ้นเอง แพทย์คาดว่ามาจากการทำงานที่ผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกันที่โจมตีเนื้อเยื่อบริเวณอวัยวะเพศจนทำให้เกิดอาการอักเสบ เมื่อร่างกายรักษาเนื้อเยื่อตัวเองอาจเกิดพังผืด และแผลเป็นที่ทำให้น้องชายโค้ง บางคนอาจเป็นผลจากการบาดเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ เช่น น้องชายโค้งแล้วส่งผลต่อการมีเซ็กส์อย่างไรบ้าง? น้องชายโค้งส่งผลต่อเซ็กส์ได้หลายแบบมาก ในเคสที่ไม่ได้โค้งมากก็ไม่ได้ส่งผลต่อเซ็กส์ต่างไปจากคนน้องชายตรงเท่าไหร่ หรือถ้าคุณโชคดี น้องชายโค้งแบบถูกองศาอาจเข้าถึงจุดที่ไวต่อความรู้สึกของอีกฝ่ายได้มากขึ้น อย่าง…

PR Partners

See All