เดี๋ยวนี้ไม่ว่าจะทำอะไร AI ก็ดูจะเข้ามามีบทบาทไปซะทุกเรื่อง ไม่เว้นแม้แต่การวางแผนเที่ยว เพียงแค่เราพรอมต์คำสั่งง่าย ๆ ลงใน ChatGPT หรือ Gemini ว่า “ช่วยจัดทริปญี่ปุ่น 5 วัน” หรือ “หาที่เที่ยวในไต้หวันให้หน่อย” แพลนเที่ยวก็พร้อมเสิร์ฟถึงหน้าจอ สะดวกสบายจนเราแทบลืมไปเลยว่าเคยต้องนั่งไล่อ่านรีวิวข้ามวันข้ามคืน แล้วถ้าสถานที่ท่องเที่ยวที่ AI วางแผนให้เรากลับไม่มีอยู่จริงล่ะ
อย่าไว้ใจทาง อย่าวางใจ AI ในการวางแผนเที่ยว
หลายคนน่าจะยังจำข่าวไวรัลของคู่รักสูงวัยคู่หนึ่ง ที่ตั้งใจเดินทางไปขึ้นกระเช้าลอยฟ้าในมาเลเซีย ที่เห็นในวิดีโอบนโซเชียล เมื่อไปถึงกลับพบว่าสถานที่นั้นไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงแค่ผลงานที่สร้างขึ้นโดย AI เท่านั้น นอกจากเคสนี้แล้ว ยังมีเหตุการณ์ลักษณะคล้ายกันเกิดขึ้นในหลายที่ทั่วโลก
นักท่องเที่ยวคู่หู สู่หุบเขาที่ไม่มีอยู่จริง
นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเคสที่เกิดจริงอีกกับนักท่องเที่ยว 2 คนที่กำลังจะเดินทางไปเปรู โดยไม่มีไกด์นำทาง มีเพียงแค่คำแนะนำของ AI ที่นำพวกเขาไปสู่สถานที่ที่มีชื่อว่า “หุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งฮูมันไต” แค่ฟังจากชื่อก็ดูน่าสนใจและน่าไปใช่ไหมล่ะ แต่ปัญหาก็คือ สถานที่นี้กลับไม่มีอยู่จริง ๆ เป็นเพียงแค่ชื่อที่ AI สร้างขึ้นมาจากการผสมคำของสองสถานที่ขึ้นมาเอง
แต่โชคดีที่ มิเกล อังเฆล กองโกร่า เมซา (Miguel Angel Gongora Meza) ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการของ Evolution Treks Peru ที่กำลังเตรียมตัวสำหรับการเดินป่าในเทือกเขาแอนดีส ได้บังเอิญได้ยินบทสนทนาของนักท่องเที่ยว 2 คนนี้ จึงได้เข้าไปเตือนก่อนที่พวกเขาจะเดินทางไปจริง ๆ
ลองคิดดูว่า หากเราไม่รู้เส้นทาง เกิดหลงทางบนเทือกเขาแอนดีสที่สูงกว่า 4,000 เมตรโดยไม่มีไกด์นำทาง ทั้งเรื่องของความสูง การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย คงเป็นเรื่องที่เสี่ยงอันตรายมาก ๆ หรืออาจได้เอาตัวรอดในสถานที่ที่ไม่มีสัญญาณเหมือนหนังแนว Survival ก็ได้
ทริปเดินป่าสุดโรแมนติกกับกระเช้าร้างกลางเขา
หรือจะเป็นเคสของคู่รักที่แพลนทริปเดินป่าสุดโรแมนติกไปยังยอดเขามิเซ็น (Misen) บนเกาะอิสึคุชิมะในญี่ปุ่น โดยให้ AI อย่าง ChatGPT จัดตารางให้ แม้ว่าตอนเที่ยวชมเมืองมิยาจิมะจะไม่มีปัญหาอะไร แต่เมื่อพวกเขาเดินขึ้นเขาไปดูพระอาทิตย์ตกดิน ตามคำแนะนำของ AI บอกว่ากระเช้าเที่ยวสุดท้ายปิดเวลา 17:30 น. แต่ความจริงคือมันปิดไปนานแล้ว ทำให้ทั้งคู่ต้องติดอยู่บนยอดเขากลางความมืด
เคสเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของความผิดพลาดในการใช้ AI เพื่อวางแผนเที่ยว เขาเหล่านั้นอาจเสี่ยงต่อการหลงป่า หลงทาง อาจต้องเผชิญกับความหนาวเหน็บ อันตราย หรือสัตว์ร้ายท่ามกลางหุบเขาอย่างโดดเดี่ยว เชื่อว่านอกจากเรื่องราวของพวกเขา ยังมีอีกหลายเคสที่เกิดขึ้นในลักษณะเดียวกัน แต่ไม่ได้ถูกบันทึกหรือเผยแพร่
แม้ AI จะรู้เรื่อง แต่ใช่ว่าจะเข้าใจ
จากผลสำรวจในปี 2024 พบว่า 37% ของผู้ที่ใช้ AI ช่วยวางแผนเดินทางรู้สึกว่าข้อมูลที่ได้ยังไม่เพียงพอ และ 33% ระบุว่าคำแนะนำมักมีข้อมูลเท็จปะปนอยู่ด้วย
ผู้เชี่ยวชาญจากมหาวิทยาลัยคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon University) อธิบายว่า แม้ AI อย่าง ChatGPT จะสร้างคำตอบที่ดูสมเหตุสมผลและเป็นประโยชน์ แต่มันไม่ได้เข้าใจโลกจริง ๆ มันแค่เรียนรู้รูปแบบของคำศัพท์และเรียงร้อยคำที่ “น่าจะ” อยู่ด้วยกันออกมาให้ฟังดูสมจริงที่สุด
ในกรณีของหุบเขาศักดิ์สิทธิ์แห่งฮูมันไต AI แค่นำคำที่มักปรากฏในบริบทการท่องเที่ยวเปรูมาผสมกันโดยไม่รู้ว่ามันไม่มีอยู่จริง และมันก็ไม่สามารถแยกแยะความแตกต่างระหว่างการเดินเล่นสบาย ๆ ที่ความสูง 4,000 เมตรในเมือง กับการปีนเขาที่ความสูง 4,000 เมตรได้ เพราะยังขาดความเข้าใจในโลกทางกายภาพ

เริ่มต้นวางแผนทริปด้วย AI แต่จงใช้สติและตรวจสอบข้อมูลด้วยตัวเอง
การใช้ AI ในการวางแผนเที่ยวอย่างปลอดภัย ควรมอง AI เป็นจุดเริ่มต้นของการเดินทาง ไม่ใช่ให้ AI ตัดสินใจทุกอย่าง ใช้เป็นเครื่องมือหาแรงบันดาลใจ เช่น ให้ช่วยลิสต์สถานที่น่าสนใจ หรือร่างแผนการเดินทางคร่าว ๆ เพื่อเปิดมุมมองและไอเดียใหม่ ๆ ที่เราอาจไม่เคยคิดถึงมาก่อน
หลังจากได้ข้อมูลจาก AI แล้ว ควรตรวจสอบรายละเอียดให้แม่นยำด้วยตัวเอง เช่น เวลาเปิด-ปิดของสถานที่ เส้นทางการเดินทาง เบอร์ติดต่อ หรือข้อจำกัดต่าง ๆ ผ่านแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ หากคำแนะนำของ AI ดูไม่สมเหตุสมผล หรือขัดแย้งกับข้อมูลปัจจุบัน ควรหาข้อมูลเพิ่มเติมหรือปรึกษาแหล่งข้อมูลอื่นก่อนตัดสินใจ เพื่อให้แผนการเดินทางปลอดภัยและเหมาะสมกับสถานการณ์จริง
สุดท้ายแม้ AI จะช่วยให้การวางแผนง่ายขึ้น แต่ก็ต้องใช้อย่างมีวิจารณญาณ และใช้ความคิด การตัดสินใจของตัวเองเป็นเข็มทิศนำทาง เพื่อให้ทุกการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย