หลายคนอาจจะนึกภาพ ‘เมืองอัจฉริยะ’ ว่าต้องมีหุ่นยนต์เดินเพ่นพ่าน หรือตึกรูปทรงประหลาดล้ำยุคใช่ไหม ? แต่ซูริค (Zurich) เมืองหลวงแห่งนวัตกรรมของสวิตเซอร์แลนด์ได้พิสูจน์แล้วว่า เมืองอัจฉริยะไม่จำเป็นต้องหน้าตาเหมือนยานอวกาศ แต่ขอแค่ใช้ชีวิตแสนสะดวกและยั่งยืนก็พอ
ซูริคคว้าแชมป์ ‘Smartest City in the World’ จากการจัดอันดับของ IMD มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2020 จนถึงปีล่าสุด 2025 เลยทีเดียว ซึ่งเคล็ดลับของเขาไม่ได้อยู่ที่เทคโนโลยีหวือหวา แต่มันคือการเอาเทคโนโลยีมาทำให้ชีวิตประจำวันง่ายและโปร่งใส ซึ่งมี 5 มิติหลัก ๆ ที่ทำให้ซูริคได้รางวัลนี้

- สุขภาพและความปลอดภัย โปร่งใส เข้าถึงง่าย
การจะเป็นเมืองอัจฉริยะได้ สิ่งสำคัญอันดับต้น ๆ คือการดูแลรักษาด้านต่าง ๆ โดยซูริคก็ทำให้เรื่องเหล่านี้มีความโปร่งใส และนำดิจิทัลและเทคโนโลยีมาใช้เพื่อทำให้เมืองทันสมัยมากขึ้น (Digitalize) เช่น การแจ้งปัญหาซ่อมบำรุงในเมืองผ่านระบบออนไลน์ ช่วยให้การแก้ไขเป็นไปอย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ยังมีเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันที่ช่วยให้คนในเมืองสามารถบริจาคสิ่งของที่ไม่ใช้แล้วได้ง่าย ๆ เหมือนมีตลาดนัดมือสองออนไลน์ของเมือง แถมยังช่วยลดขยะอย่างยั่งยืน
ในส่วนของความปลอดภัยก็ได้ติดตั้งกล้องวงจรปิด (CCTV) เพื่อเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้อยู่อาศัย และมีบริการ Wi-Fi สาธารณะฟรี เพื่อปรับปรุงการเข้าถึงบริการต่าง ๆ ของเมืองให้ดีขึ้น ประชาชนยังสามารถใช้เว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันเพื่อตรวจสอบคุณภาพอากาศได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนด้านสาธารณสุข การจัดการนัดหมายแพทย์ออนไลน์ได้ช่วยให้ประชาชนเข้าถึงบริการทางการแพทย์ได้ง่ายขึ้น

- การคมนาคม เคลื่อนที่ลื่นไหล ไม่ต้องวนหาที่จอดรถ
ด้านการคมนาคม ทางเมืองซูริคก็มีแอปพลิเคชันสำหรับรถยนต์ร่วมใช้ (Car-sharing Apps) และบริการให้เช่าจักรยาน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการช่วยลดปัญหารถติด นอกจากนี้ยังมีแอปพลิเคชันที่สามารถแจ้งตำแหน่งที่จอดรถว่าง ซึ่งช่วยลดเวลาที่ต้องเสียไปในการขับรถวนหาที่จอด การวางแผนการเดินทางและการซื้อตั๋วระบบขนส่งสาธารณะออนไลน์ก็ช่วยให้การใช้บริการง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น และเมืองยังมีการให้ข้อมูลสภาพการจราจรแบบเรียลไทม์ผ่านแอปพลิเคชันมือถือด้วย

- กิจกรรม
สำหรับการเข้าร่วมกิจกรรมต่าง ๆ การซื้อตั๋วออนไลน์สำหรับงานแสดงและพิพิธภัณฑ์ได้ช่วยเพิ่มความสะดวกและทำให้ประชาชนเข้าถึงกิจกรรมเหล่านี้ได้ง่ายยิ่งขึ้น ซึ่งนี่ก็เป็นแนวทางที่ทางซูริคเลือกใช้มาโดยตลอด
- โอกาส ทั้งด้านการทำงานและการศึกษา
ในส่วนของโอกาสด้านการทำงานและการศึกษา การเข้าถึงประกาศรับสมัครงานออนไลน์ช่วยให้การหางานง่ายขึ้นอย่างมาก และโรงเรียนในเมืองก็ได้มีการสอนทักษะด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ (IT) ที่ได้มาตรฐานสูง นอกจากนี้ บริการออนไลน์ที่จัดทำโดยเมืองยังช่วยให้ขั้นตอนการเริ่มต้นธุรกิจใหม่นั้นง่ายขึ้นมากเช่นกัน
- ธรรมาภิบาล
ในด้านการบริหารจัดการเมือง (ธรรมาภิบาล) การที่ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลทางการเงินของเมืองได้โดยตรงผ่านระบบออนไลน์นั้นช่วยลดโอกาสในการทุจริตได้อย่างชัดเจน ขณะเดียวกัน การลงคะแนนเสียงเลือกตั้งออนไลน์ก็ช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมของประชาชนในการตัดสินใจของเมืองมากขึ้น ช่วยให้พลเมืองรู้สึกว่าเสียงของเขามีความหมาย และเมืองมีการพัฒนาแบบมีส่วนร่วมจริง ๆ
นอกจากนี้ ยังมีการจัดตั้งแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ให้ประชาชนสามารถเสนอความคิดและข้อเสนอแนะต่าง ๆ ซึ่งนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตในเมืองให้ดีขึ้น และการดำเนินการเอกสารแสดงตน (Identification Documents) ออนไลน์ก็เป็นอีกหนึ่งบริการที่ช่วยลดเวลาการดำเนินการเอกสารได้อย่างมาก
สิ่งที่ซูริคทำให้เราเห็นชัดเจนคือ ‘เทคโนโลยีที่ดีที่สุด คือเทคโนโลยีที่ทำให้ชีวิตคนดีขึ้น’ และทั้งหมดนี้มันขับเคลื่อนด้วยโครงข่ายอินเทอร์เน็ตที่เร็วและเสถียร และที่สำคัญคือ การนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาด
ถ้ามองไปไกลกว่านี้ การเข้ามาของ AI อย่างเต็มรูปแบบ จะยิ่งผลักดันให้เมืองอัจฉริยะก้าวไปได้ไกลกว่านี้มาก เช่น AI อาจจะเข้ามาช่วยวิเคราะห์ข้อมูลการจราจรแบบเรียลไทม์ได้อย่างแม่นยำกว่าเดิม หรือเข้ามาช่วยในการดูแลผู้สูงอายุในเมืองได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ถ้าเมืองที่คุณอยู่สามารถทำได้แบบซูริค คุณอยากเห็นเทคโนโลยีอะไรเข้ามาช่วยแก้ปัญหาชีวิตประจำวันของคุณเป็นอย่างแรก ?