เชื่อว่าชาวเกมเมอร์หลายคนในช่วงปีนี้อาจจะหลงอยู่ในมิติวนลูปไม่รู้จบ กับการเห็นเกมเก่าระดับตำนานที่เอามา ‘Remake’ อีกครั้งหลายต่อหลายค่าย ซึ่งคนที่เป็นนักเล่นเกมรุ่นเก่าก็คงจะดีใจที่ได้เห็นเกมเก่าของตัวเองกลับมา ส่วนแฟนใหม่ก็ได้เล่นเกมใหม่ที่ไม่เคยเล่นเมื่ออดีตเพราะเกิดไม่ทันในยุคนี้ด้วยกราฟิกที่สวยขึ้นกว่าเดิม ซึ่งการวนลูปที่เยอะที่สุดก็คงต้องยกให้พี่ ‘Capcom’ ที่ขยัน ‘Remake’ แบบสุด ๆ ที่ล่าสุดก็มี ‘Resident Evil 4 Remake’ ที่หลายคนบ่นว่าจะเอามาทำใหม่ทำไมเกมมันยังใหม่อยู่ แต่พอถึงเวลาเกมออกคนที่ต่อว่ากลุ่มนี้ก็เป็นคนแรก ๆ ที่ซื้อมาเล่น และพอมาย้อนดูเกี่ยวกับพี่ ‘Capcom’ ว่าถ้าพี่จะขยันเอา ‘Resident Evil’ กลับมาทำใหม่รัว ๆ ขนาดนี้จะมี ‘Resident Evil’ ภาคไหนที่ควรเอามา ‘Remake’ อีก โดยเราจะพูดในเชิงคิดวิเคราะห์แยกแยะแบบจริงจังไม่ประชดจิกกัด (ก็มีบ้าง) ว่าเหตุผลที่ควรเอาภาคนี้ภาคนั้นของ ‘Resident Evil’ มา ‘Remake’ นั้นคืออะไรและมันเหมาะสมแค่ไหนสมควรหรือไม่เพราะอะไรวันนี้เรามาดูกัน ถ้าพร้อมแล้วก็มาคิดวิเคราะห์แยกแยะ (ไม่กล้าใช้คำย่อเลย) ไปพร้อมกันเลย

ไหน ๆ ก็ทำ Resident Evil 4 Remake ไปแล้วมาทำ Resident Evil Gaiden ต่อเลย

เริ่มต้นเกมแรกที่ควรเอากลับมา ‘Remake’ มากที่สุด ที่ถ้าตัดเรื่องความประชดจิกกัดออกไปแล้วมองในแง่ของความเป็นไปได้กับความน่าจะเป็นในการสร้าง เกม ‘Resident Evil Gaiden’ ซึ่งเป็นภาคที่ลงบนเครื่อง ‘Game Boy Color’ เมื่อปี 2001 ก็สมควรเอามาทำใหม่ที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องที่ภาคนี้จะเป็นการตัดสลับเรื่องราวของ 2 ตัวละครที่ในเรื่องไม่น่าจะเจอกันได้อย่างลุงหมี แบร์รี่ เบอร์ตัน (Barry Burton) กับอดีตนายตำรวจที่ผันตัวมาเป็นสายลับแต่ตอนนี้เปลี่ยนอาชีพมาเป็นโจรขโมยสมบัติตามฉากอย่างพี่ ลีออน สกอต เคนเนดี (Leon Scott Kennedy) ที่ต้องร่วมมือกันยับยั้งภัยพิบัติทางทะเล โดยมีบริษัทร่มที่ไม่ได้ขายร่มอย่าง ‘Umbrella Corporation’ มาเกี่ยวกับการรั่วไหลของไวรัส จนทำให้เรือเดินสมุทร ‘Starlight’ มีซอมบี้กับสัตว์ประหลาดเต็มเรือ ที่แค่เนื้อเรื่องก็น่าสนใจแล้ว ส่วนเรื่องระบบการเล่นที่ตัดฉากเป็นเกม ‘RPG’ ก็ตัดทิ้งเปลี่ยนเป็นแบบ ‘Resident Evil 2 Remake’ ไปเลยเพื่อความสมจริง แถมเนื้อเรื่องภาคนี้ก็เป็นความต่อเนื่องของตัวละครลีออน ที่บอกว่านี่คือภารกิจใหม่ต่อจากการช่วยลูกสาวประธานาธิบดีในภาค 4 แถมยังมีโมเดลซอมบี้โมเดลลีออนอยู่แล้วเปลี่ยนนั่นนิดเพิ่มนี่หน่อยได้เกม ‘Remake’ ที่เนื้อเรื่องสดใหม่เป็นใครจะไม่ชอบจริงไหม

Resident Evil Gaiden

กราบละทำเสียทีเถอะ Resident Evil Outbreak 1-2

ย้อนกลับไปในอดีตเมื่อปี 2003 ทาง ‘Capcom’ คิดใหญ่ทำแล้วทำอยู่ขอทำต่อ (ใช่เหรอ) ทำเกมในระบบออนไลน์ออกมาในชื่อ ‘Resident Evil Outbreak’ ที่บอกเล่าเรื่องราวของเหล่าผู้คนหลากหลายอาชีพในเมือง ‘Raccoon’ ที่เรากับผู้เล่นคนอื่น ๆ ต้องช่วยกันแก้ปริศนากำจัดซอมบี้และหาทางไปต่อในฉากขนาดใหญ่ ที่เรียกว่าเดินหลงทางกันได้เลยกับบรรยากาศอารมณ์เหมือนเราเป็นผู้รอดชีวิตจริง ๆ เพราะเราสามารถหยิบสิ่งต่าง ๆ มาเป็นอาวุธแถมยังมุดใต้เตียงแอบซ่อนได้ด้วย ไม่ใช่พวกเหนือมนุษย์วิ่งเอาปืนไล่ยิงแบบภาคหลัก ที่ทุกอย่างดีงามพระราม 9 สะพานควายตลาดบางแคหมอชิตขยับเข้าในหน่อยพี่ป้ายต่อไปเตรียมตัวลง (มุกอะไรของเอ็ง) กลับมาเข้าเรื่อง แม้ทุกอย่างจะโอเคเหมาะกับการสร้างขนาดนี้ทั้งระบบออนไลน์ที่สมบูรณ์แบบกว่าเมื่อ 20 ปีก่อน มันก็ถึงเวลาที่ ‘Capcom’ ควรเอาเกมนี้มาทำใหม่เสียที แต่จนแล้วจนรอดทาง ‘Capcom’ ก็เข็นเกมออนไลน์อะไรออกมาก็ไม่รู้ไม่ว่าจะเป็น ‘Umbrella Corps’, ‘Resident Evil Resistance’ ไปจนถึง ‘RE Verse’ แบบดี ๆ ทั้งนั้น ทั้งที่มีของดีในมือไม่ทำไปทำอะไรไม่รู้ ทีแบบที่แฟน ๆ ต้องการไม่ทำเนอะ กราบไปทาง ‘Capcom’ โปรดเอา ‘Resident Evil Outbreak’ มา ‘Remake’ เถอะขอร้อง กราบเบญจางคประดิษฐ์งาม ๆ สามครั้ง

Resident Evil Outbreak

ทำมุมมองบุคคลที่ 1 แล้วโอเคไปต่อใน Resident Evil Dead Aim กับ Resident Evil Survivor เลย

ขอย้ำอีกครั้ง (น่าจะเป็นครั้งที่ 3 แล้ว) ว่าบทความนี้ไม่ได้ประชดไปทาง ‘Capcom’ แต่เรามองในแง่ของความเป็นได้ความน่าจะเป็น รวมถึงความเหมาะสมที่เกมภาคเหล่านั้นของ ‘Resident Evil’ ควรเอากลับมาทำใหม่ และหนึ่งในนั้นก็คือ 2 เกมนี้นั่นคือ ‘Resident Evil Dead Aim’ กับ ‘Resident Evil Survivor’ ที่ทั้งสองเกมนี้นั้นเป็นเกมยิงมุมมองบุคคลที่ 1 ที่มีเนื้อเรื่องน่าสนใจ เพราะทั้งสองเกมนี้เป็นตัวละครชุดใหม่ที่อาจจะเลี่ยงในแง่ของความนิยม ที่ตัวละครหลักประจำภาคก็มีผลกับผู้ซื้อ แต่ถ้าเรามองในแง่ของความสดใหม่และความสำเร็จจาก ‘Resident Evil 7’ กับ ‘Resident Evil Village’ ที่เปลี่ยนตัวเกม ‘Resident Evil’ เป็นมุมมองบุคคลที่ 1 พร้อมกราฟิกที่สวยงามหลอกหลอนสมจริง การเอาเกม 2 ภาคนี้มาทำใหม่ก็ดูจะไม่น่ายากเย็นอะไรเลย ที่พอเอามาทำใหม่ทาง ‘Capcom’ ก็ปรับปรุงระบบยิงของเดิมมาเป็นเกมยิงอย่างใน ‘Resident Evil Village’ ไปเลย พอตัดเข้าเนื้อเรื่องก็เห็นหน้าท่าทางตัวละครไปเลย แถมฉากเรื่องราวตัวละครก็มีอยู่แล้วแค่เอามาขยายและแปะชื่อ ‘Resident Evil Dead Aim Remake’ กับ ‘Resident Evil Survivor Remake’ ที่ถ้าโปรโมตดี ๆ ก็น่าสนใจนะลองคิดดู

Resident Evil Dead Aim 
Resident Evil Survivor

เอา Resident Evil 2 – 3 Remake มาขยายต่อให้ถูกใจแฟน ๆ

เชื่อว่าหลายคนที่เป็นทั้งแฟนเก่าแฟนใหม่แฟนตัวจริงหรือเป็นแค่แฟนเก็บผู้น่าสงสารที่ไม่ใช่ตัวจริง แต่ถ้าเป็นแฟนเช่าก็จ่ายเยอะหน่อย (ช่วยขำมุกหน่อยจะขอบคุณมาก) กลับมาเข้าเรื่อง ที่ถ้าคุณได้เล่นเกม ‘Resident Evil 2 – 3 Remake’ มาคงรู้สึกขาด ๆ อย่างบอกไม่ถูก ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่อง ‘B’ ใน ‘Resident Evil 2 Remake’ ว่าทำไมมันเหมือนกันเลยจะต่างแค่นิดเดียวที่การเล่นรอบ 2 มันเปลี่ยนแค่ตัวละครเท่านั้น ที่ถ้า ‘Capcom’ ประกาศว่าเราจะทำเนื้อเรื่อง ‘B’ ใน ‘Resident Evil 2 Remake’ ให้คุณในราคาเพื่อนเต่า (มิตรภาพ) เป็นใครก็ซื้อมาเล่น (มั้งนะ) รวมถึง ‘Resident Evil 3 Remake ที่แฟน ๆ บอกว่าเกมมันตัดนั่นหั่นนี่ไม่เอานั่นนี่มาใส่จนเกมมันสั้นมาก ๆ เมื่อเทียบกับต้นฉบับ ซึ่งน่าจะเป็นบาดแผลขนาดใหญ่ของค่ายที่เอาใบบัวมาปิดก็ไม่มิด (เกี่ยวอะไรกัน) ที่ถ้าทาง ‘Capcom’ ประกาศว่าเราจะทำ ‘Resident Evil 3 Remake Director’s Cut’ ออกมา ที่มีการเพิ่มฉากเนื้อเรื่องตามต้นฉบับลงไปรับรองว่าแฟน ๆ ต้องดีใจมาก ๆ แม้จะขายราคาเต็มก็ตาม (คนบ่นก็ซื้อคนซื้อก็บ่น) หรือจะใจดีแจกฟรีไปเลยเพื่อให้เกมสมบูรณ์ตามต้นฉบับรับรองว่า ‘Capcom’ จะเป็นที่รักของแฟนเกมไปจนตายแน่นอน

Resident Evil 2 Remake
Resident Evil 3 Remake

น่าจะมาได้แล้วสมควรมาแล้วละ Resident Evil Code Veronica

หลังจากที่มโนคิดฝันเหมือนคนที่รอลุ้นถูกหวยรางวัลที่ 1 ทุก ๆ วันที่ 1 กับ 15 แต่ก็เป็นได้แค่ฝัน คราวนี้มาดูรายชื่อเกมซีรีส์ ‘Resident Evil’ ที่คิดว่ามันต้องมีการเอากลับมา ‘Remake’ แน่นอนแต่ว่าจะเมื่อไหร่นั้นเท่า โดยเกมแรกที่คิดว่ามันควรจะมาและน่าจะมาได้แล้วแต่ก็ไม่มาเหมือนคนที่ไปยืนรอรถเมล์ที่สนามบินกับ ‘Resident Evil Code Veronica’ ที่แฟน ๆ บอกว่าเกมภาคนี้มันน่าจะเป็นเกม ‘Resident Evil 3’ ของจริงในแง่เนื้อเรื่องฉากตัวละครบท ที่เรียกว่าก้าวออกมาจากเมืองห่าซอมบี้มาได้เสียที หลังจากที่เวียนว่ายตายเล่นในเมืองนี้มาเป็นสิบ ๆ ปี โดยเรื่องราวในคราวนี้สาวน้อยผู้ตามหาพี่ชายและมีดวงกินสามี (แฟน) อย่าง แคลร์ เรดฟิลด์ (Claire Redfield) ก็ได้ตามหาพี่ชายจนถูกจับมาทิ้งบนเกาะปริศนาที่จู่ ๆ ก็เกิดเหตุไวรัสรั่วไหล จนแคลร์ต้องหนีตายพร้อมหนุ่มหล่อห้าวเป้งอย่าง สตีฟ เบิร์นไซด์ (Steve Burnside) ที่เนื้อเรื่องจะแบ่งเป็นสองส่วนนั่นคือส่วนของน้องสาวที่ตามหาพี่ชาย กับเนื้อเรื่องของพี่ชายที่ตามหาน้องสาว (ตามกันไปตามกันมา) ที่บอกเลยว่ามันช่างดีงามทั้งระบบและเนื้อเรื่องที่สามารถสานต่อจาก ‘Resident Evil 2 Remake’ ได้อย่างพอดี แต่ทาง ‘Capcom’ บอกไม่เราจะเอา ‘Resident Evil 4 Remake’ มาก่อนมีรายป่ะ ไม่มีครับผีเอ้ยพี่

Resident Evil Code Veronica

Remake ไปแล้วแต่ไม่สุดขออีกรอบ Resident Evil 1 Remake

เชื่อว่าหลายคนอาจจะไม่ทราบหรือลืมไปแล้ว ว่าเกม ‘Resident Evil 1’ นั้นคยถูก ‘Remake’ มาแล้วในปี 2002 ที่มาพร้อมกับกราฟิกสวยงามสวมมาก ๆ ในยุคนั้น ที่ได้พระบิดาที่ไม่ได้ทำน้ำหมักอย่าง ชินจิ มิคามิ (Shinji Mikami) มากำกับดูแล ที่ได้เปลี่ยนองค์ประกอบเดิม ๆ ของปราสาทผีสิงให้เป็นปราสาทโคตรผีสิงขึ้นมา ด้วยการเปลี่ยนสลับย้ายที่สิ่งที่เคยมีให้ไปอยู่จุดอื่นและเพิ่มฉากเนื้อหาใหม่ ๆ ลงไปแต่ยังคงเนื้อเรื่องหลักและสิ่งต่าง ๆ เอาไว้ ส่วนสิ่งที่เพิ่มมาก็โอเคเล่นสนุกคุ้มค่าคุ้มราคามาก ๆ แต่เมื่อตัวเกมมันถูกสร้างมาเมื่อปี 2002 ก็หลายปีแล้วก็ควรถึงเวลาเอามาทำใหม่อีกรอบ ที่ก่อนหน้านี้เคยมีข่าวลือว่าทาง ‘Capcom’ จะเอาเกม ‘Resident Evil 1 Remake’ มา ‘Remake’ ใหม่อีกครั้ง จนมีคนประชดว่างั้นต้องเรียกเกมภาคนี้ว่า ‘Resident Evil 1 Remake Remake’ ซินะ ก่อนที่จะมีคนบอกว่า “ช้าก่อนอานนท์อย่าเรียกประชดแบบนั้น แต่มันมีชื่อเป็นของตัวเองแล้วว่า ‘Resident Evil 1 Remake Director’s Cut’ นะโยม” ที่ถ้าทำจริง ๆ คงจะน่าสนใจมาก ๆ ลองคิดดูว่าคุณจะได้กลับไปที่ปราสาทนรกนั่นอีกครั้ง เหมือนตอนที่คุณได้ดู ‘Resident Evil Welcome to Raccoon City’ ที่คุณควบคุมตัวละครเองได้ที่แค่คิดก็น่าสนุกแล้ว

Resident Evil 1 Remake

พี่เขามาแน่ไม่ต้องสงสัย Resident Evil 5

อันนี้คงไม่ต้องสืบหรือบอกอะไรมากเพราะเชื่อว่า ‘Resident Evil 5’ ยังไงก็มาแน่มาจริงไม่จกตา เหมือนจุ้มเหม่งพูดไม่ได้ (แต่จุ้มเหม่งน่ารักมาก) เพราะเมื่อดูจากยอดขายของ ‘Resident Evil 4 Remake’ ที่ 2 วันขายได้ 3 ล้านชุดที่การันตีการันเตะการรันถีบขนาดนี้ถ้า ‘Capcom’ ไม่ทำต่อก็ไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว แต่แฟน ๆ ก็อยากตะโกนบอกไปทาง ‘Capcom’ ว่า “จะทำไม่ว่าแต่ก่อนทำขอ ‘Resident Evil 9’ มาให้พวกเราก่อนแบบสลับภาคต่อภาคก็ได้” และถ้าคุณถามว่าระหว่าง ‘Resident Evil 5’ กับ ‘Resident Evil Code Veronica’ อันไหนน่าสนใจกว่ากัน ก็ขอบอกเลยว่า ‘Resident Evil 5’ น่าสนใจกว่า เพราะถ้า ‘Capcom’ คิดใหม่ทำใหญ่เปลี่ยนบรรยากาศแบบสว่างเปิดโล่งอย่างในของเก่า มาเป็นช่วงเย็น ๆ มืด ๆ ละใส่บรรยากาศสุดหลอนลงไปแบบ ‘Resident Evil 4 Remake’ แถมด้วยระบบเล่น 2 คนทั้งแบบออนไลน์หรือคนที่นั่งเล่นข้าง ๆ ที่แย่งกันเก็บกระสุนได้ มันจะยิ่งดูน่าสนุกเพิ่มขึ้นขนาดไหนที่คุณได้เล่นเกมนี้กับคนที่คุณรัก นี่ยังไม่นับเนื้อเรื่องที่ต่อจากภาค 4 ที่ไม่ว่าจะดูมุมไหนก็เหมาะกับการเอามาทำใหม่แบบสุด ๆ แต่ตอนทำก็ระวังกระแสตีกลับด้วย เพราะเกมนี้เอาคนขาวมาไล่ยิงคนดำ (แต่คนขาวโดนคนดำรุมยำไม่ว่า) เชื่อว่าต้องมีกระแสตีกลับแน่นอน ที่จุดนี้น่าจะเป็นจุดเปลี่ยนเดียวที่ทำให้ ‘Capcom’ ไม่กล้าทำ คงต้องมารอดูว่าจะมาเมื่อไหร่สำหรับภาคนี้ แต่หลายคนเดาว่า ‘Remake’ ภาคต่อไปที่ ‘Capcom’ จะทำแน่ ๆ คือ ‘Resident Evil 5’ แน่นอนเชื่อจุ้มเหม่งซิ

Resident Evil 5

ภาคจุดเริ่มต้นที่ควรทำ Resident Evil 0

ปิดท้ายกับเกม ‘Resident Evil’ ที่ควรเอามาทำใหม่ที่สุดจากทั้งหมดที่กล่าวมา นั่นคือ ‘Resident Evil 0’ ภาคที่เป็นจุดเริ่มต้นของหายนะทั้งหมดในซีรีส์ ที่ถ้าไม่มีภาคนี้เราก็คงไม่รู้จักยอดมนุษย์ในเกม และบริษัทที่ไม่ได้ผลิตร่มแต่ชื่อว่าร่มก็คงจะขายยากับสัตว์ประหลาดในเงามืดต่อไปเป็นอันจบเรื่องราวแต่โดยดี แต่เพราะมันมีเกมภาคจุดเริ่มต้นเรื่องราวนี้เลยทำให้เราได้เล่นเกมซีรีส์ ‘Resident Evil’ ภาคต่อ ๆ มา ซึ่งตั้งแต่ที่เกม ‘Resident Evil 0’นี้วางจำหน่ายหลังจากที่เคยถูกลบทิ้งสร้างใหม่มาแล้วครั้งหนึ่งที่เรียกว่า ‘Prototype’ ที่ลงบนเครื่อง ‘Nintendo 64’ ตัวเกมก็ไม่เคยถูกเอามาทำใหม่อีกเลย ที่ถ้าเป็นยุคนี้ตัวเกมควรเพิ่มระบบ ‘AI’ ให้ฉลาดขึ้นไม่ใช่แค่วิ่งตามพูดประโยคเดิม ๆ หรือมาขวางทางกระสุนอย่าง ‘Resident Evil 4 Remake’ เพิ่มความหลอนน่ากลัวขึ้นแบบ ‘Resident Evil 2 Remake’ เข้าไป รับรองว่าทุกคนต้องชอบ โดยเฉพาะซอมบี้ปลิงที่ฆ่ายากอึดถึกทนมีเยอะที่เอามาทำใหม่จะหลอนขนาดไหน แถมแฟน ๆ รุ่นใหม่ได้รับรู้เรื่องราวของจุดกำเนิดหายนะนรกแตกแต่สร้างเงินให้ ‘Capcom’ ได้จากภาคนี้อีกด้วย เรียกว่ายิงนกนัดเดียวได้ปืนสองกระบอก (ใครอ่านไม่เข้าใจไปอ่านอีกรอบ) ที่คิดว่า ‘Capcom’ ต้องทำแน่ ๆ แต่คิดว่าคงจะหลังจาก ‘Resident Evil 1 Remake Director’s Cut’ แน่นอน (เป็นเพียงการคาดเดา)

Resident Evil 0

ก็จบกันไปแล้วกับการคิดวิเคราะห์แยกแยะ ‘Resident Evil’ แบบมีสาระปนมุกไม่ฮาพาคนอ่านรำคาญหวังว่าจะถูกใจกัน โดยข้อมูลที่เราหยิบยกมานั้นเป็นการรวบรวมจากข่าวสารต่าง ๆ และความเป็นไปได้ในหลาย ๆ แบบที่แฟน ๆ เกม ‘Resident Evil’ คาดหวังต้องการและอยากให้เป็นมารวบรวมแล้วเขียนให้คุณได้อ่านกัน ที่ถ้าข้อมูลผิดพลาดไม่ตรงส่วนไหนก็ขออภัยมาด้วย ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรเกี่ยวกับ ‘Resident Evil’ ก็รอติดตามกันได้ และถ้าใครสนใจบทความเนื้อหากาว ๆ แต่มีสาระแบบนี้ก็ย้อนไปอ่านบทความย้อนหลังด้านล่างได้เลย รับรองไม่เบื่อกันแน่นอน เพราะที่แบไต๋มีครบจบทุกความบันเทิงเพื่อคุณ

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส