ย้อนกลับไปในปี 1996 เกมน้องใหม่ไฟแรงที่ใช้เวลาพัฒนาแรมปีอย่าง ‘Pokemon’ ได้วางจำหน่าย เกมที่ทีมพัฒนาในตอนนั้นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่าเกมนี้ไม่น่าจะรุ่งไปไม่รอด ขายได้หลักพันชุดก็เก่งแล้ว ที่จนถึงตอนนี้คนที่เคยพูดแบบนี้ต่างถอนคำพูดและก้มกราบกับยอดขายเกมภาคต่อของเกมซีรีส์นี้ ที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ซึ่งภายนอกที่เราเห็นในเกมนี้นั้นมันก็คือเกมเด็กใจแตกที่ทิ้งพ่อแม่ออกไปผจญภัย ไล่จับสัตว์ป่ามาต่อสู้กันปางตายตัวไหนไม่เก่งก็ทิ้งมันไว้ในคลัง ตัวไหนเก่งก็เอามาปั้นฝึกให้เก่งผสมอาหารหายามาเพื่อให้มันแข็งแกร่งเพื่อไปกัดกับตัวอื่น ๆ และตามจับสัตว์ที่กำลังจะสูญพันธุ์มาเป็นของตัวเอง (แซวเล่นแฟน ๆ ‘Pokemon’ อย่าด่านะ) ซึ่งที่พูดมาทั้งหมดมันคือวิดีโอเกมและมันก็คือความสนุกที่สืบต่อกันมา เพราะ ‘Pokemon’ คือคู่หูของเรายังไงละ และในความสดใสน่ารักที่เราเห็นนั้นทางทีมงานก็ได้แอบใส่หลาย ๆ สิ่งที่โหดชวนขนหัวลุกลงไปด้วย วันนี้เรามาดูกันดีกว่าว่ามันมีอะไรที่ชวนขนหัวลุกที่ซ่อนในเกมซีรีส์ ‘Pokemon’ บ้างมาดูไปพร้อมกันเลย

คำเตือน เนื้อหาในบทความนี้จะชวนจิตตกแอบหลอนที่เกี่ยวกับโลกแห่งความจริงโปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน

Mikaruge วิญญาณที่ทรมาน 108 ดวงในอุโมงค์ Jomon

เริ่มต้นตำนานคนเมืองในซีรีส์ ‘Pokemon’ เรื่องแรก กับที่มาที่ไปของจุดกำเนิด ‘Pokemon’ ผีหน้าตาน่ากลัวอย่าง มิคารุเกะ (Mikaruge) ‘Pokemon’ สีม่วงคล้ายใบเลื่อยทรงกลมมีลูกตาปากที่เหมือนมันจะออกมาจากหิน ‘Odd Keystone’ ที่จากข้อมูลบอกว่าเจ้ามิคุรุเกะนั้นเกิดจากการรวมตัวกันของวิญญาณที่มีความแค้นทั้ง 108 ดวง บ้างก็ว่าวิญญาณ ‘Pokemon’ และมนุษย์ที่ถูกขังปิดผนึกใน ‘Odd Keystone’ ที่มีอายุถึง 500 ปี โดนที่มาที่ไปของ ‘Pokemon’ ตัวนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากอุโมงค์ ‘Jomon’ ที่ถูกสร้างขึ้นจากแรงงานทาสในปี 1912 โดยมีทาสทำงานทั้งวันทั้งคือตลอด 36 เดือน โดยมีทาสแรงงานถูกทำร้ายอดอาหารใครที่ขัดขืนหรือเสียชีวิตก็จะถูกฝังแถวนั้น โดยในตอนแรกมีการพบศพไปแล้ว 55 ร่าง ภายหลังที่เกิดแผ่นดินไหวก็มีร่างเพิ่มมาอีกจนตอนนี้พบศพคนงานที่ถูกฝังไปแล้ว 108 ร่าง (ทางญี่ปุ่นบอกว่าอาจจะมีมากกว่านี้) และวิญญาณคนงานเหล่านั้นก็ยังคงโกรธแค้นมาจนถึงทุกวันนี้ ทางทีมงานช่างไปขุดตำนานมาสร้างเป็นตัวละครจริง ๆ นับถือ

Pokemon

Knuckler สลับชื่อใหม่จะเป็นคำว่า Nuclear

คราวนี้มาดูชื่อของ ‘Pokemon’ ที่มีความหมายซ่อนอยู่บ้าง กับเจ้าเต่า (น้องเป็นแมลง) ที่โตไปเป็นมังกร (งงในงงเลยทีเดียว) อย่างเจ้า ‘Pokemon’ นุกรา (Knuckler) จากข้อมูลบอกว่าเจ้านุกราอาศัยอยู่ในทะเลทรายที่แห้งแล้ง โดยที่มันสามารถอยู่ได้โดยไม่มีน้ำเป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ได้แบบชิว ๆ และการล่าเหยื่อของมันคือการขุดหลุมทรายจนเป็นแอ่ง เพื่อล่อเหยื่อให้ตกลงมาเพื่อให้มันกินทั้งเป็น ซึ่งเมื่อดูจากรูปร่างดูชื่อหลายคนก็คงไม่คิดอะไร แต่พอเอาคำว่า “Knuckler” ที่เป็นชื่อ ‘Pokemon’ ในภาษาญี่ปุ่นมาเรียงคำใหม่ก็จะได้คำว่า “Nackler” ที่เป็นสำเนียงญี่ปุ่น ส่วนภาษาสากลจะเรียกว่า “Nuclear” ระเบิดหนึ่งในสองลูกที่ถล่มญี่ปุ่นในอดีต ซึ่งพอเราเอาตัวของนุกรามาเทียบกับตัวระเบิดของจริง (รูปประกอบด้านล่าง) ก็คล้ายกันมาก ๆ แถมท่าหากินของมันคือการขุดดินลงไปจนเป็นแอ่ง ที่ก็เหมือนหลุมการระเบิดของ ‘Nuclear’ ไม่มีผิด เข้าใจใส่ความหมายจริง ๆ

Pokemon

Jukain ชื่อที่หมายถึงป่าแห่งการฆ่าตัวตายในญี่ปุ่น 

อีกหนึ่งการค้นพบของชื่อตัวละคร ‘Pokemon’ ในภาษาญี่ปุ่น อย่างเจ้ากิ้งก่าต้นหญ้ารูปร่างคล้ายไดโนเสาร์ (แต่ไม่ใช่มังกร) ที่ชื่อ จูไคอิน (Jukain) หนึ่งในสาม ‘Pokemon’ หลักในภาค ‘Ruby’ และ ‘Sapphire’ ที่ถ้าเราดูมันจากภายนอกก็เป็นแค่ ‘Pokemon’ ธรรมดา ๆ ทั่วไป แต่พอเรามาดูชื่อของมันในภาษาญี่ปุ่นก็มีหลายคนเริ่มเอะใจว่าชื่อจูไคอินมันช่างคล้องกับชื่อ ‘Fuji no Jukai’ หรือป่าแห่งการฆ่าตัวตายของญี่ปุ่นเลย โดยชื่อ จูไค นั้นหมายถึงทะเลต้นไม้ที่เป็นอีกชื่อของป่าฆ่าตัวตาย โดยป่านี้จะอยู่ที่ตีนภูเขาไฟ ‘Fuji’ ที่สวยงาม โดยในอดีตมีตำนานเล่าว่าคนญี่ปุ่นสมัยโบราณจะอดอยากมาก ๆ พอพ่อแม่แก่เฒ่าที่ทำประโยชน์ไม่ได้ก็จะถูกลูกหลานเอามาทิ้งในป่าให้อดตาย วิญญาณพ่อแม่ปู่ย่าตาทวดที่ตายในป่าเลยรวมตัวกันเป็นวิญญาณแค้น เรียกคนให้มาฆ่าตัวตายที่ป่านี้เป็นจำนวนมากจนถึงปัจจุบัน ที่พอเรารู้ว่าชื่อของเจ้ากิ้งก่ามีความหมายแบบนี้ก็แอบหลอนขึ้นมาเลย

Pokemon

บ้านผีสิงในป่า Hakutai อ้างอิงมาจาก Coffin Mansion

เชื่อว่าหลายคนที่เคยเล่นเกม ‘Pokemon Diamonds and Pearls’ มาคงจะเคยไปและรู้จักบ้านผีสิงประจำภาคนี้ ที่หลายคนต่างตั้งข้อสงสัยว่าบ้านผีสิงหลังนี้คืออะไร ทำไมถึงมีวิญญาณคนอยู่ที่นั่น หลายคนที่สงสัยเลยพยายามไปหาคำตอบ จนทราบว่าตัวเกมภาคนี้ที่เรียกว่าภูมิภาค ‘Sinnoh’ นั้นเป็นการจำลองมาจากจังหวัด ‘Hokkaido’ ของญี่ปุ่น และพอมีคนเอาจุดที่บ้านผีสิงในป่า ‘Hakutai’ มาเทียบกับเกาะ ‘Hokkaido’ ก็จะตรงกับจุดที่บ้านผีสิงในเมือง ‘Asahikawa’ ที่เรียกว่า “Coffin Mansion” โรงแรมสไตล์ตะวันตกที่มีการฆาตกรรมอันน่าสยดสยองเกิดขึ้น โดยโรงแรมนี้มีชื่อว่า ‘Shosen-en’ และแถวนั้นก็มีคฤหาสน์ร้างกลางป่าที่เรียกว่า “คฤหาสน์โลงศพ” ตั้งอยู่ในเมืองใกล้ ๆ กัน แฟน ๆ เลยคิดว่าทีมงานคงจะเอาทั้งสองสถานที่มารวมกันอย่างแน่นอน เมื่อดูจากรูปคฤหาสน์โลงศพของจริงกับในเกมที่คล้ายกันมาก แต่พอเข้าไปข้างในกลับเป็นโรงแรม หลายคนจึงคิดว่าวิญญาณในโรงแรมนี้อาจจะเหยื่อที่ถูกฆ่าตายจากฆาตกรโรคจิตก็เป็นได้

Pokemon

Regice, Registeel, Regrock และ Regigigas ตัวแทนแห่งการสูญเสียในสงครามโลกครั้งที่ 2

อย่างที่เราได้ทราบแล้วว่าเกม ‘Pokemon Diamonds and Pearls’ อ้างอิงมาจากเกาะ ‘Hokkaido’ และที่เกาะแห่งนี้ในอดีตก็เคยมีการต่อสู้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 มาก่อน พอทีมงานมาสร้างภาคนี้จึงให้ความสำคัญในแง่ของการไว้อาลัย และสิ่งต่าง ๆ ที่เกี่ยวสงครามซึ่งซ่อนอยู่ในเกมภาคนี้ หนึ่งในนั้นคือเรื่องของเรือป้องกันชายฝั่งลำดับที่ 112 ของหน่วย ‘Soya Defense’ ที่ถูกจมลงในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยหน่วยนี้ได้ป้องกันชายฝั่งเส้นทางเรือข้ามฟากจากแผ่นดินใหญ่มายังเกาะ ‘Hokkaido’ โดยเรือที่ชื่อว่า ‘Soya Maru’ และลูกเรืออีก 152 ได้สละชีวิตเพื่อปกป้องน่านน้ำและหมู่เกาะนี้เอาไว้ โดยตัวเรือ ‘Soya Maru’ ถูกเรือดำน้ำสหรัฐฯ ยิงตอร์ปิโดใส่ทุกคนบนเรือเสียชีวิตทั้งหมด จนมีการสร้างอนุสาวรีย์เอาไว้ที่วัด ‘Kisaki’ ที่ในเกมก็มีศาลเจ้านี้อยู่ด้วย คราวนี้มาถึงชื่อของ ‘Pokemon’ ในตำนานทั้งสามตัวอย่าง เรจิสตีล (Registeel) เรจิร็อค (Regrock) และ เรจิกัซ (Regigigas) ทั้งสามตัวนั้นมีคำว่า “Regi” ที่แปลว่า “เหยื่อ” อยู่ในนั้น ซึ่งอ่านดูก็ไม่ค่อยเห็นความเชื่อมโยงเกี่ยวกับสงครามเลย แต่ถ้าใครได้เล่นเกมภาคนี้ก่อนที่เราจะได้เจอ ‘Pokemon’ ทั้งสาม เราจะได้เห็นอักษรเบรลล์แถวสถานที่นั้น ซึ่งถ้าเราแปลจากอักษรเบรลล์ก็จะได้ประโยคที่หมายถึงการไว้อาลัยของเหล่าทหารและผู้เสียชีวิตในสงครามนั่นเอง ลึกซึ้งสุด ๆ

Pokemon

Genesect อ้างอิงเครื่องบินชนตึก World Trade Center

จากทั้งหมดที่กล่าวมาซึ่งเกี่ยวข้องกับตำนานคนเมืองในเกมซีรีส์ ‘Pokemon’ คงจะมีแค่เรื่องราวของ ‘Pokemon’ เกโนเซ็กท์ (Genesect) ที่ปรากฏตัวครั้งแรกในภาคภาพยนตร์ตอนที่ชื่อว่า “Kamihoku no Genesect Mewtwo Awakening” ที่ถ้าเราดูรูปร่างของเจ้าตัวนี้ดี ๆ มันก็คล้ายเครื่องบินอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว แต่นั่นก็ยังไม่เป็นประเด็นเท่ากับสถานที่ในภาพยนตร์ภาคนี้ที่ชื่อว่า ‘Pokemon Hills’ ที่อ้างอิงมา ‘Central Park’ ของ ‘Newyork’ ที่เคยเกิดเหตุโศกนาฏกรรมเครื่องบินชนตึก ‘World Trade Center’ พอดี และชื่อท่าของเกโนเซ็กท์ที่เมื่อเราพัฒนาจนไปถึง ‘Level 77’ จะได้ชื่อท่าว่า ‘Lock-On’ ที่ตรงกับชื่อเที่ยวบินที่ชนตึก ‘World Trade Center’ ที่เป็นเที่ยวบินที่ 77 พอดี แต่ทางทีมพัฒนาเกมออกมาบอกว่ามันเป็นแค่ความบังเอิญเท่านั้น อันนี้ต้องใช้วิจารณญาณในการอ่านแล้วกัน

Pokemon

เรื่องเศร้ากับความบังเอิญของ Jirachi

อันนี้คือเรื่องน่าเศร้าที่ต้องสูญเสียนักพากย์มากฝีมือของวงการไปอย่างไม่มีวันกลับ กับ โทมิโกะ ซูซูกิ (Tomiko Suzuki) ที่ให้เสียงตัวละครดังมากมายในอนิเมะ หนึ่งในนั้นคือตัวละคร ‘Pokemon’ ในตำนานอย่าง จิราชิ (Jirachi) ‘Pokemon’ ในตำนานที่ทุก ๆ 1000 ปีจะมาบนโลกครั้ง ในอนิเมะฉบับภาพยนตร์ชื่อภาคว่า ‘Jirachi Wishing Star of the Seven Nights’ ซึ่งตัวของซูซูกินั้นเสียชีวิตในวันที่ 7 กรกฎาคม 2003 ซึ่งตรงกับวันทานาบาตะที่เกี่ยวกับ ‘Pokemon’ จิราชิพอดี และเธอก็เสียชีวิตก่อนจะได้ชมภาพยนตร์เรื่องนี้ไม่กี่สัปดาห์ นับเป็นเรื่องเศร้าที่บังเอิญมาตรงกันพอดี

Pokemon

Pururiru ไม่ใช่แมงกะพรุนแต่เป็นวิญญาณของเด็กที่ตายก่อนได้เกิด

ปิดท้ายกับตำนานความเศร้าของการคิดชื่อของเหล่า ‘Pokemon’ อีกหนึ่งคู่กับ พูรูริรู (Pururiru) ‘Pokemon’ ประเภทน้ำกับผีที่ปรากฏตัวครั้งแรกในภาค ‘Black and White’ ที่ตัวผู้และตัวเมียมีสีต่างกัน (ตัวผู้สีฟ้าตัวเมียสีชมพู) ถ้าใครเห็นก็คิดว่าเจ้าคู่นี้ต้องมีต้นแบบมาจากแมงกะพรุนไม่ก็ผลไม้ดอกไม้อะไรสักอย่างแน่นอน แต่ความจริงแล้วตัวของพูรูริรูนั้นมีต้นแบบมาจาก ‘Mizuko’ หรือวิญญาณทารกในครรภ์ที่ไม่สามารถเกิดได้ของชาวญี่ปุ่น ที่ถ้าเราดูดี ๆ จะเห็นรูปทรงของเด็กชายหญิงที่เหมือนรูปปั้น ‘Mizuko’ (รูปประกอบด้านล่าง) ซึ่งตัว ‘Pokemon’ คู่นี้ก็จะลอยไปมาอย่างไร้จุดหมายประหนึ่งตัวเองเป็นวิญญาณที่ไม่มีที่อยู่ เพราะตัวเองเป็นวิญญาณที่ตายก่อนจะได้มาเกิดบนโลก เลยไม่รู้ว่าจะต้องไปที่ไหน นับเป็นการออกแบบที่น่าหดหู่จริง ๆ สำหรับคู่นี้

Pokemon

ก็จบกันไปแล้วกับ 8 ตำนานคนเมืองที่เกม ‘Pokemon’ แอบใส่จงใจใส่ตั้งใจใส่ลงไปเพื่อแฝงอะไรหลาย ๆ อย่าง โดยที่ทางทีมงานไม่ได้บอกเราคนเล่นตรง ๆ แต่คนเล่นตาดีไปหาจนเจอ ที่พอเรารู้ความหมายของสิ่งเหล่านี้ ก็แอบหดหู่แอบเศร้าไปกับเรื่องราวเหล่านี้เหมือนกัน และนอกจากทั้ง 8 เรื่องนี้แล้วยังมีเรื่องราวอื่น ๆ อีกมากมายที่เกี่ยวกับ ‘Pokemon’ เอาไว้มีโอกาสเราจะหยิบมานำเสนออีกแน่นอนรอติดตามได้เลย ส่วนใครที่มีตำนานคนเมือง ‘Pokemon’ หลอน ๆ อีกก็เอามาพูดคุยกันได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรในวงการเกม ก็ติดตามที่แบไต๋ได้เลยรับรองว่าคุณจะไม่พลาดทุกข่าวสารบทความที่น่าสนใจในวงการเกมแน่นอนติดตามเอาไว้ได้เลย เพราะที่แบไต๋ครบจบทุกความบันเทิงเพื่อคุณ

ที่มา https://ranky-ranking.net/I0002119/&page=0

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส