ย้อนเวลากลับไปในอดีตที่แนวเกมในตลาดยุคก่อนนั้น ยังมีแนวเกมให้เลือกเล่นไม่เยอะเมื่อเทียบกับตอนนี้ และหนึ่งในแนวเกมที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างมากในอดีตคือเกมแนวต่อสู้ ที่ครั้งหนึ่งมันเคยเรียกว่ายุครุ่งเรื่องของเกมต่อสู้ ที่ไม่ว่าเราจะหันไปทางไหนก็จะเห็นคนเล่นเกมแนวนี้กัน จนมีเกมต่อสู้ออกมาอย่างมากมายให้เราได้เลือกเล่น แต่แล้ววันหนึ่งเกมแนวนี้ก็ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมจนมีหลายเกมที่ไม่ได้ไปต่อ วันนี้เราเลยไปรวบรวมเกมต่อสู้น้ำดีในอดีตที่น่าสนใจมานำเสนอ เพื่อให้เด็กยุคใหม่ได้รู้ว่าในอดีตนั้นเคยมีเกมต่อสู้สนุก ๆ ออกมามากมาย ส่วนนักเล่นเกมยุคเก่าจะได้หวนรำลึกอดีตกัน จะมีเกมอะไรบ้างนั้นมาดูกันเลย

Pocket Fighter

Pocket Fighter

เริ่มต้นเกมแรกกับเกมแนวเฮฮาน่ารักสนุกเบาสมอง แต่มีระบบการเล่นที่ลึกซึ่งกับเกม ‘Pocket Fighter’ ที่วางจำหน่ายครั้งแรกบนเกมตู้ในปี 1997 ก่อนจะย้ายมาลงบน PlayStation  1 ในปีเดียวกัน โดยตัวเกมจะเป็นแนวต่อสู้รวมตัวละครจากเกมต่าง ๆ ในค่าย Capcom มาต่อสู้กันด้วยการทำคอมโบต่อเนื่องที่เป็นเอกลักษณ์ แต่แฝงไปด้วยความน่ารักเฮฮาที่ทีมพัฒนาใส่ลงไป ในส่วนของระบบการเล่นนั้นจะเป็นเกมต่อสู้ที่ใช้การควบคุมแบบเกมต่อสู้ในยุคนั้น แต่สิ่งที่พิเศษกว่าเกมต่อสู้อื่น ๆ คือความตลกของตัวละครที่ใช้คอมโบด้วยการกดปุ่มเตะต่อยสลับไปมาตามที่เกมกำหนด เราจะได้เห็นท่าแปลก ๆ ที่ตัวละครใช้ที่มีทั้งการคอสเพลย์เป็นตัวละครอื่น ไปจนถึงการทำท่าตลก ๆ ที่เล่นไปขำไป และข้อเสียคือตัวละครที่มีให้เลือกเล่นน้อยไปหน่อยเท่านั้น ใครที่อยากหาเกมต่อสู้น่ารัก ๆ เอาใจสาว ๆ ไม่ควรพลาด

Pocket Fighter

Bloody Roar

Bloody Roar

ย้อนกลับไปในอดีตช่วงที่เกมต่อสู้กำลังเป็นที่นิยมในตอนนั้น มีเกมแนวต่อสู้ออกมามากมายทั้งแบบ 2D ลายเส้นการ์ตูน กับแบบ 3D ที่กราฟิกแม้จะไม่สวยสมจริงอย่างในยุคนี้เมื่อเทียบกับแบบ 2D ที่มีภาพกราฟิกที่สวยกว่า แต่เกมแนว 3D ก็ทดแทนด้วยมิติการควบคุมที่กว้างกว่าแถมยังลื่นไหลพร้อมขยับท่าทางตัวละครที่สมจริงกว่าแบบ 2D ที่เรียกว่ามีทั้งดีทั้งเสียต่างกันไป และหนึ่งในเกมที่ถูกสร้างออกมาแล้วถูกอกถูกใจนักเล่นเกมในยุคนั้นก็คือเกม ‘Bloody Roar’ โดยความสนุกของเกมนี้ที่นอกจากการทำคอมโบที่รวดเร็วต่อเนื่องตามการรัวปุ่มของเราแล้ว เรายังสามารถแปลงร่างเป็นสัตว์ครึ่งมนุษย์ ที่ตัวละครจะถูกเพิ่มท่วงท่าและพลังจะเปลี่ยนไปเป็นอีกตัวในทันที  แถมการแปลงร่างนั้นยังสามารถทำลายการคอมโบของอีกฝ่ายได้ด้วย ตัวเกมถูกสร้างออกมาหลายภาคก่อนจะเสื่อมความนิยมไปอย่างช้า ๆ ที่จนถึงตอนนี้ถ้าคุณหยิบเกมนี้มาเล่นแม้จะเป็นมือใหม่ก็สามารถสนุกกับเกมนี้ได้ ไม่เชื่อลองหามาเล่นดูแล้วคุณจะรู้

Bloody Roar

Bushido Blade

Bushido Blade

คุณเคยเล่นเกมต่อสู้แบบสมจริงไหม คำถามง่าย ๆ ที่นักเล่นเกมหลายคนอาจจะสงสัยว่าความสมจริงของเกมต่อสู้คืออะไร แต่คนที่เล่นเกม ‘Bushido Blade’ ต่างทราบดีว่าความจริงที่ว่านี้คือระบบของเกมที่จะเน้นความสมจริงในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นความหนักของอาวุธที่ถือ การกวัดแกว่งดาบในการร่ายรำของท่าที่จะอ้างอิงความเป็นจริงในการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็น katana, nodachi, long sword, saber, broadsword, naginata, rapier ไปจนถึง sledgehammer ไม่ใช่ตัวละครที่ใช้ดาบใหญ่แต่ฟันได้เร็วราวกับดาบใหญ่นั้นเบา แต่เกมนี้จะอ้างอิงทุกอย่างตามของจริง รวมถึงอาการบาดเจ็บที่ตัวเกมจะไม่มีขีดวัดค่าพลังชีวิตแบบเกมอื่น แต่จะนับค่าความเสียหายที่เรียกว่า ‘Body Damage System’ ที่ถ้าฟันโดนขาซ้ายเราก็จะเดินไม่ตรงทันที ถ้าฟันโดนแขนเราก็จะใช้แขนส่วนนั้นไม่ได้ ซึ่งถ้าใครโดนฟันจนไม่สามารถต่อสู้ได้ก็จะแพ้ไปในทันที เรียกว่าแปลกและน่าสนใจแถมยังมีเนื้อเรื่องที่น่าติดตาม ตัวเกมมีทั้งหมด 2 ภาคใครสนใจไปหามาเล่นกันดูบน PlayStation 1

Bushido Blade

Rival Schools

Rival Schools

เชื่อว่าหลายคนที่เป็นนักเล่นเกมยุคใหม่อาจจะไม่ทราบมาก่อน ว่าในอดีตนั้นค่าย Capcom เคยขึ้นชื่อว่าเจ้าพ่อแห่งเกมต่อสู้ เพราะนอกจากเกมซีรีส์ ‘Street Fighter’ แล้วก็มีเกมต่อสู้ออกมาอีกมากมายหลายเกม แถมแต่ละเกมก็มีเอกลักษณ์ระบบการเล่นและตัวละครที่น่าสนใจ หนึ่งในนั้นก็คือเกม ‘Rival Schools’ เกมที่จะให้เราเป็นนักเรียนในชมรมต่าง ๆ มาต่อสู้กัน ซึ่งแต่ละครนั้นก็จะมีเอกลักษณ์ประจำชมรมอย่างชมรมว่ายน้ำก็จะมีท่าต่อสู้แบบท่าว่ายน้ำ ชมรมฟุตบอลก็จะมีท่าต่อสู้ของฟุตบอลที่ดัดแปลงออกมาได้น่าสนใจ และที่เป็นจุดน่าสนใจของเกมนี้คือระบบคู่หูที่เราสามารถเรียกคู่หูมาใช้ท่าประสานกันได้ด้วย และถ้าเนื้อเรื่องคู่ไหนเป็นพวกเดียวกันก็จะมีท่าพิเศษเพิ่ม ตัวเกมเป็นแบบ 3D แต่ระบบการเล่นที่รวดเร็วตัวละครมีเอกลักษณ์จึงทำให้หลายคนชื่นชอบ และที่ดีงามไปกว่านั้นเกมนี้มี ‘Sakura’ ซากุระ จาก ‘Street Fighter EX’ มาร่วมสู้ด้วย ตัวเกมเล่นง่ายแถมสนุกที่เอามาเล่นตอนนี้ก็ยังคงสนุกไม่เปลี่ยนแปลง

Rival Schools

Street Fighter EX

Street Fighter EX

ต่อเนื่องจากหัวข้อที่แล้วที่เราได้พูดถึงเกม ‘Street Fighter EX’ ที่พอพูดถึงชื่อนี้เชื่อว่านักเล่นเกมหลายคนคงจะไม่รู้จักเกมนี้กัน เพราะถึงแม้ตัวเกมจะออกมาแล้วหลายภาคและได้รับเสียงชื่นชมจากคนเล่น กับการเปลี่ยนตัวเกม ‘Street Fighter’ ที่เป็นแบบ 2D การ์ตูนที่สวยงามมาเป็นกราฟิก 3D กับการควบคุมที่เปลี่ยนเป็นเล็กน้อย แต่ก็ยังคงความเป็น ‘Street Fighter’ เอาไว้อย่างครบถ้วน แถมด้วยตัวละครชุดใหม่กับตัวละครเก่าที่ถูกปรับให้เป็นเหมาะสมกับ 3D ตัวเกมมีการออกภาค Plus Alpha กับภาค EX2 Plus และ 3 ที่วางจำหน่ายบน PlayStation 2 ออกมาก่อนที่กระแสจะค่อย ๆ จางหายไป แต่นั่นก็คือการปูทางไปสู่ ‘Street Fighter lV’ ที่เป็นลูกครึ่งเป็น 2.5D ที่เราได้เห็นตอนนี้นั่นเอง

Street Fighter EX

World Heroes

World Heroes

เปลี่ยนจากเกมต่อสู้บน PlayStation 1 มาที่เกมต่อสู้ที่เก่ากว่านั้นบนเครื่อง Neo Geo ที่วางจำหน่ายเมื่อปี 1992 กับเกมรวมนักรบจากทั่วโลกรวมถึงมวยไทยมาต่อสู้กันในเกม ‘World Heroes’ เกมต่อสู้แบบ 2D  ที่เราจะได้เลือกตัวละครที่มาจากประเทศต่าง ๆ มาต่อสู้กัน โดยแต่ละประเทศนั้นก็จะมีศิลปะการต่อสู้ที่เป็นเอกลักษณ์ของตนเองมาประชันความเป็นหนึ่ง ซึ่งความพิเศษของเกมนี้คือปุ่มที่ใช้ควบคุมเกมนี้จะมีเพียง 3 ปุ่ม คือเตะต่อยแล้วก็จับทุ่ม แต่ตัวเกมก็ถูกทดแทนด้วยการกดปุ่มค้างจะเป็นการเพิ่มความแรงและเปลี่ยนท่าการโจมตี  จึงทำให้เป็นเกมที่มีระบบการเล่นที่ใช้ชั้นเชิงในการควบคุมเมื่อเทียบกับเกมต่อสู้เกมอื่น ตัวเกมออกมาทั้งหมดแค่ 2 ภาคหลักกับหนึ่งภาคเสริมอย่าง ‘World Heroes Perfect’ ในปี 1995 ใครสนใจอยากเล่นเกมนี้ก็ลงบน PlayStation 2 ด้วยในภาค ‘Perfect’ ที่การควบคุมจะถูกเปลี่ยนเป็น 6 ปุ่มแทนแบบเก่าที่อยู่บนเครื่อง Neo Geo อีกด้วย

World Heroes

Ehrgeiz God Bless the Ring

Ehrgeiz God Bless the Ring

ถ้า Capcom คือเจ้าพ่อแห่งเกมต่อสู้ในยุคที่เกมต่อสู้รุ่งเรื่อง ค่าย Square ก็คือเจ้าพ่อแห่งเกม RPG ที่เรียกว่าจับเกมแนว RPG เกมไหนก็ขายดิบขายดีไปหมด(แต่หลายเกมก็ออกมาภาคเดียวแล้วหายไปเลยก็มี) แต่ด้วยความที่ยุคนั้นเป็นยุคของเกมต่อสู้ 3D ทาง Square เลยอยากจะมีส่วนร่วมในตลาดนี้ด้วย จึงส่งเกม  ‘Ehrgeiz God Bless the Ring’ ออกมา ด้วยการร่วมมือกับ Namco ที่ก็พอมีประสบการณ์ในการสร้างเกมต่อสู้ 3D มาบ้างมาช่วยกันสร้างจนออกมาเป็นเกมนี้ โดยตัวเกมนั้นก็คือเกมต่อสู้ 3D ทั่วไปที่ก็ไม่มีอะไรพิเศษหรือน่าสนใจ ซึ่งทาง Square ก็น่าจะทราบเรื่องนี้ดีจึงขนเอาตัวละครจากเกม ‘Final Fantasy Vll’ อย่าง ‘Cloud’ คลาวด์ และ ‘Tifa’ ทิฟา มาร่วมต่อสู้ในฉบับเกมตู้ จนเมื่อเกมถูกย้ายมาลงบน  PlayStation 1 ตัวเกมก็เพิ่ม ‘Sephiroth’ เซฟิรอส, ‘Yuffie’ ยูฟี่, ‘Vincent’ วินเซนต์ และ ‘Zack’ แซค ลงไปด้วยเพื่อเพิ่มความน่าสนใจ  รวมถึงโหมดการเล่นอื่น ๆ ที่นอกจากเกมต่อสู้ลงไป แต่ถึงแบบนั้นตัวเกมก็ถูกสร้างออกมาเพียงแค่ภาคเดียวก็หายไปเลยจนถึงตอนนี้

Ehrgeiz God Bless the Ring

Vampire Hunter

Vampire Hunter

ถ้าเอ่ยชื่อเกม ‘Vampire Hunter’ เชื่อว่าหลายคนคงจะไม่รู้จัก แต่ถ้าเปลี่ยนเป็นชื่อ  ‘Darkstalkers’ หรือ ‘Vampire’ หลายคนคงจะรู้จักกันในทันที เพราะครั้งหนึ่งเกมซีรีส์นี้เคยโด่งดังมาก ๆ ขนาดที่ว่าไปที่ไหนก็จะเจอเกมตู้ของเกมนี้ตั้งอยู่และมีคนเล่นกันตลอด  จนมาถึงเครื่องคอนโซลเกมในซีรีส์ ‘Vampire Hunter’ ก็เปลี่ยนมาเป็น ‘Darkstalkers’ แต่ยังคงเค้าโครงเดิมนั่นคือการนำภูติผีปีศาจจากทั่วโลกมาต่อสู้กันในสงครามโลกปีศาจ ที่มีเหล่าหมอผีมาร่วมต่อสู้ด้วย ตัวเกมเป็นแนว 2D ที่มีกราฟิกสวยงามระบบการเล่นที่รวดเร็วและมีเอกลักษณ์ แต่ในภาคหลัง ๆ ดูเหมือนตัวเกมจะขาดความแปลกใหม่ที่แม้จะมีการเพิ่มตัวละครใหม่ ๆ ที่น่าสนใจลงไปมากมาย แต่ก็ไม่สามารถดึงความนิยมของเกมชื่อนี้ได้ สุดท้ายเกมซีรีส์รวมภูตผีก็หายไปพร้อมความนิยมของเกมต่อสู้ในยุคนั้น

Vampire Hunter

Fatal Fury

Fatal Fury

อย่างที่เราได้บอกไปในหัวข้อที่แล้วว่า Capcom คือเจ้าพ่อแห่งเกมต่อสู้ ซึ่งแน่นอนว่าในตลาดก็ย่อมต้องมีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ ที่สร้างเกมต่อสู้ออกมาแข่งกับ Capcom นั่นก็คือค่าย SNK ที่ในอดีตนั้นค่ายนี้ก็เข็นเกมต่อสู้ของตนเองออกมามากมาย หนึ่งในนั้นที่เรียกว่าคู่ฟัดกับ ‘Street Fighter’ ได้ก็คือเกม ‘Fatal Fury’ หรือที่บ้านเรารู้จักในชื่อ ‘ตำนานหมาป่าการโร่’ ที่ตัวเกมนั้นก็คือเกมต่อสู้ 2D แต่จะมีความต่างกับ ‘Street Fighter’ ตรงที่เกมนี้จะให้เราเดินหลบขึ้นมาอีกฝั่งได้ ทำให้การต่อสู้ของเกมนี้มีมิติที่น่าสนใจกว่าเกมต่อสู้ 2D ทั่วไปในยุคนั้น แถมด้วยตัวละครที่มีเอกลักษณ์เป็นที่จดจำของคนเล่น แต่ด้วยวันเวลาที่ผ่านเลยไปชื่อของ ‘Fatal Fury’ ก็ค่อย ๆ เสื่อมความนิยมแม้จะพยายามมีภาคใหม่เปลี่ยนตัวเอกออกมา แม้จะได้รับเสียงตอบรับจากแฟน ๆ แต่ก็ไม่มากพอที่จะยื้อให้เกมซีรีส์นี้ไปต่อ จนต้องเอาตัวละครมารวมในเกมซีรีส์ ‘The King of Fighters’ บวกกับการล้มละลายของ SNK จึงมีแต่เกมซีรีส์ ‘The King of Fighters’ เท่านั้นที่ยังไปต่อ  ขณะที่ตำนานหมาป่ายังคงแน่นิ่งในภาคล่าสุดอย่าง ‘Garou Mark of the Wolves’ ในปี 1999 บนเครื่อง Neo Geo เท่านั้นนับว่าน่าเสียดายมาก ๆ

Fatal Fury

JoJo’s Bizarre Adventure

JoJo's Bizarre Adventure

‘JoJo’s Bizarre Adventure’ คืออีกหนึ่งเกมที่คนเล่นเกมบน PlayStation 1 ยุคนั้นจดจำและชื่นชอบ ยิ่งใครที่ได้อ่านการ์ตูนเรื่องนี้จะยิ่งอินกับการเล่นมาก ๆ เพราะเกมนี้จะให้เรารับบทเป็นตัวละครในเรื่อง ‘JoJo’s Bizarre Adventure’ หรือในชื่อไทยที่เรารู้จักอย่าง ‘หน้ากากทมิฬ’ กับ ‘โจโจ้ ล่าข้ามศตวรรษ’ ที่ตัวเกมได้หยิบยกเรื่องราวของการ์ตูนภาคที่ 3 มาทำเป็นเกม โดยระบบการเล่นก็จะเป็นเกมต่อสู้แต่ความพิเศษของเกมนี้คือระบบ  Stand ที่เป็นเหมือนพลังที่มีอยู่ในตัวละครของเกมที่สามารถเรียกมาช่วยต่อสู้ได้ แถม Stand แต่ละคนนั้นก็จะมีพลังความสามารถที่ต่างกันตามแบบในการ์ตูน ที่เรียกว่าเล่นสนุกสะใจ เพราะได้ทีมพัฒนา ‘Street Fighter III’ มาทำจึงได้เกมที่สนุกสุดยอดขนาดนี้ ซึ่งหลังจากนั้นแม้จะมีเกมในซีรีส์ ‘JoJo’s Bizarre Adventure’ ออกมาแต่ก็ไม่สนุกเท่าเกมต่อสู้เกมนี้อีกเลย ไม่เชื่อลองไปหามาเล่นดูแล้วคุณจะรู้ว่าทำไมเกมนี้ถึงถูกพูดถึงคนของนักเล่นเกมต่อสู้รุ่นเก่า

JoJo's Bizarre Adventure

SNK vs. Capcom และ Capcom vs. SNK

SNK vs. Capcom และ Capcom vs. SNK

อย่างที่เราได้บอกไปเมื่อหัวข้อก่อนเรื่อง SNK ที่เป็นคู่แข่งของ Capcom ที่ต่อสู้กันไปสู้กันมาด้วยเกมต่าง ๆ มากมาย จนวันหนึ่งทั้งคู่ก็หันมาจับมือกันด้วยการส่งตัวละครของทั้งสองค่ายของตนเองมาต่อสู้กันในชื่อ ‘SNK vs. Capcom’ และ ‘Capcom vs. SNK’ ที่ต่างฝ่ายต่างเอาตัวละครของอีกฝ่ายมาทำเกมของตนเองด้วยระบบต่อสู้ของตนเอง ที่ทาง Capcom ก็จะใช้ระบบต่อสู้การควบคุมและคนออกแบบของตนเอง ขณะที่ทาง SNK ก็จะทำเหมือนกัน ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วทางฝั่ง ‘Capcom vs. SNK’ จะได้รับความนิยมมากกว่าและออกมาถึง 2 ภาค ต่างกับทาง ‘SNK vs. Capcom’ ที่ระบบการเล่นจะช้ากว่าตัวละครไม่หลากหลาย ซึ่งสิ่งที่ยากของทีมพัฒนาคือเกมของทั้งสองค่ายนั้นมีระบบต่อสู้การควบคุมที่ต่างกัน ซึ่งแม้จะพยายามเอาตัวละครของอีกฝ่ายมาดัดแปลงให้เป็นในแบบของตนเองก็ยากที่จะเล่นได้สนุก จนสุดท้ายแล้วเกมซีรีส์นี้ก็หายไปจากตลาดที่ไม่ว่าจะด้วยเหตุใดก็ตาม แฟน ๆ ต่างก็รอคอยว่าจะมีเกมที่สองค่ายนี้มารวมตัวสู้กันอีกครั้งในอนาคต

SNK vs. Capcom และ Capcom vs. SNK

Tobal NO 1

Tobal NO 1

ด้วยความที่ตลาดเกมต่อสู้ในยุคนั้นค่อนข้างจะเป็นไปได้สวยทาง Square จึงไม่ยอมแพ้ขอเข็นเกมต่อสู้ออกมาอีกหนึ่งเกมกับ Tobal NO 1 ที่คราวนี้ทางค่ายได้อาจารย์ ‘Akira Toriyama’ อากิระ โทริยามะ ผู้วาดการ์ตูนกับเกมชื่อดังอย่าง ‘Dragon Ball’ และ ‘Dragon Quest’ มาออกแบบตัวละครให้ ตัวเกมเป็นแนว 3D ที่มีรูปแบบการเล่นและควบคุมที่น่าสนใจแปลกใหม่ แถมด้วยตัวละครที่ออกแบบมาได้แปลกแหวกแนวเกมต่อสู้เกมอื่นในยุคนั้น จนทำให้เกมนี้ได้ไปต่อในภาคที่ 2 พร้อมด้วยระบบการเล่นที่ถูกเพิ่มมากับการลุยใน Dungeon ที่จะมีศัตรูออกมาให้สู้ในทางเขาวงกต แต่ด้วยความที่ภาค 2 แทบไม่มีการพัฒนาให้ต่างไปจากเดิม เกมซีรีส์นี้จึงตายอย่างรวดเร็วในภาคที่ 2 เหลือทิ้งไว้เพียงตำนานกับการออกแบบในเกมนี้เท่านั้น

Tobal NO 1

Red Earth

Red Earth

ยังคงอยู่กับค่าย Capcom (บอกแล้วว่าค่ายนี้เป็นเจ้าพ่อของเกมต่อสู้) ที่ถูกทิ้งไปอย่างน่าเสียดายกับเกมแนวแฟนตาซีที่ต่างกับเกมต่อสู้ทั่วไปในยุคนั้น กับเกม ‘Red Earth’ หรือเกม ‘War-Zard’ ในภาษาญี่ปุ่น ที่ตัวเกมจะมี 2 โหมดหลัก ๆ คือโหมด Quest ที่จะเป็นการเล่นคนเดียวเพื่อต่อสู้กับศัตรูในแบบเกมต่อสู้ โดยเราจะได้เลือกเป็นหนึ่งในสี่ตัวละครที่มีท่วงท่าพลังและความสามารถที่ต่างกันที่สู้กับศัตรูไปเรื่อย ๆ หรือจะเป็นโหมด Versus ที่จะเป็นการต่อสู้กันเองแต่จะมีตัวละครให้เลือกใช้แค่ 4 คนเท่านั้น ซึ่งด้วยความที่มันมีตัวละครน้อยก็เลยทำให้เกมนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม แต่ในแง่ของการออกแบบตัวละครเรียกว่ากินขาดสวยงามดูเป็นแฟนตาซีแบบสุด ๆ ใครที่อยากหามาสะสมก็ต้องใช้แรงกันหน่อยเพราะค่อนข้างหายาก แต่ถ้าได้เล่นรับรองเลยว่าจะไม่ผิดหวัง

Red Earth

Battle Arena Toshinden

Battle Arena Toshinden

ในยุคที่เกม PlayStation 1 เพิ่งมาตีตลาดในบ้านเราพร้อมกับความสามารถในการเล่นแผ่นเกมเถื่อน หนึ่งในเกมที่ได้รับความนิยมไปตามร้านเกมต่าง ๆ ที่ทุกคนต่างเล่นกันนั่นคือเกม ‘Battle Arena Toshinden’ หรือที่หลายคนเรียกเกมนี้ว่า ‘Toshinden’ เฉย  ๆ กับตัวเกมที่เป็นแนว 3D กราฟิกที่สวยงาม แถมการต่อสู้ในเกมนั้นก็รวดเร็วว่องไวถูกใจคนที่เล่นเกมในยุคนั้น ที่หลายคนมักจะมาโชว์ความเทพในร้านเช่ากัน ตัวเกมได้รับความนิยมในบ้านเราเป็นอย่างมากในภาคแรกก่อนที่จะมีเกมอื่น ๆ ที่น่าสนใจออกตามมา จนสุดท้ายเกมนี้ก็หายไปจากบ้านเรา แต่ตัวเกมยังออกมาจนถึงภาค 4 ภาคหลักกับ 1 ภาค spin-off ในชื่อ ‘Battle Arena Nitoshinden’ ที่นักเล่นเกมหลายคนยังจดจำได้จนถึงตอนนี้ แม้จะเป็นเพียงแค่ภาคแรกก็ตาม

Battle Arena Toshinden

Street Fighter X Tekken

Street Fighter X Tekken

ปิดท้ายกับเกมที่ใหม่ที่สุดในบทความนี้ กับการร่วมมือกันของสองค่ายเกมต่อสู้ยักษ์ใหญ่ที่ยังคงเหลือรอดอยู่ในตอนนี้อย่าง Capcom ที่มี ‘Street Fighter’ เป็นหัวเรือใหญ่ในเกมต่อสู้แนว 2D(2.5D) กับค่าย Namco ที่มีเกมต่อสู้ 3D อย่างซีรีส์ ‘Tekken’ ที่ให้เราได้เล่นตอนนี้ และครั้งหนึ่งนั้นสองค่ายนี้ก็ร่วมมือกันส่งตัวละครมาต่อสู้กันในเกม ‘Street Fighter X Tekken’ ที่เป็นการนำตัวละครจากฝั่ง ‘Tekken’ มาดัดแปลงให้เป็นเกมต่อสู้แบบ 2.5D ที่เล่นสนุกถูกใจแฟน ๆ แต่ตัวเกมกลับทำออกมาแค่ภาคเดียวก็ไม่มีการทำต่อ  ขณะที่ทางฝั่ง Namco ก็ไร้วี่แว่วการทำเกม ‘Tekken X Street Fighter’ ที่เป็นการนำตัวละครฝั่ง ‘Street Fighter’ มาต่อสู้ในแบบเกม ‘Tekken’ ออกมา จะมีเพียงการนำ ‘Akuma’ อาคูม่า มาเป็นแขกรับเชิญใน ‘Tekken 7’ เท่านั้นซึ่งน่าเสียดายมาก ๆ

Street Fighter X Tekken

เป็นอย่างไรกันบ้างกับ 15 เกมต่อสู้น้ำดีที่ตอนนี้ไม่มีภาคต่อออกมาที่เราหยิบยกมานำเสนอ หวังว่าจะถูกใจกันไม่มากก็น้อย ซึ่งเอาจริง ๆ ก็ยังมีเกมแนวต่อสู้ที่ถูกลืมอีกมากมายแต่เราพยายามคัดเกมที่ไม่เก่ามาก โดยจะเน้นไปที่ PlayStation 1 เป็นหลักเพื่อให้หลายคนที่เคยผ่านตาได้คิดถึงอดีตกัน ซึ่งถ้าใครสนใจเกมไหนก็ลองไปหามาเล่นกันดู เพราะบางเกมก็ยังมีขายตามร้านเกมมือสอง หรือสามารถซื้อโหลดได้จาก Store ตามเครื่องเกมต่าง ๆ ที่ค่ายเกมเอามาขายใหม่ให้เราได้เล่น และถ้าใครมีเกมต่อสู้เก่า ๆ ที่สนุกน่าสนใจอีกก็บอกกันมาได้ ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับอะไรก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส