เมื่อพูดถึงเรื่องราวในวงการเกม ก็คงจะเปรียบได้กับวงการระดับโลกแบบอื่น ๆ ที่มีทั้งคนที่ชื่นชอบบางสิ่งมาก ๆ จนเป็นแฟนคลับ กับอีกฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่แฟนคลับเป็น เมื่อตัวเกมหรือซีรีส์เกมนั้นเปลี่ยนแปลงไปหรือทำภาคต่อออกมาไม่ดี หรือทางค่ายเกมทำอะไรบางอย่างที่ทำให้คนเล่นเกมเสียงแตกออกไปสองทาง จนเกิดการถกเถียงที่ไม่ใช่แค่ในบ้านเรา แต่เป็นทั้งโลกที่พร้อมใจกันเสียงแตกออกเป็นสองทาง ทั้งเรื่องของเกมที่อีกฝ่ายว่าสนุกอีกฝ่ายบอกไม่สนุก รวมถึงเรื่องราวต่าง ๆ ในวงการเกม จนเกิดเป็นเรื่องราวถกเถียงกันบ่อยครั้ง วันนี้เลยไปหยิบยกเรื่องราวต่าง ๆ ในวงการเกมที่มีเสียงแตกออกไปสองทางมานำเสนอ จะมีเกมอะไรเรื่องไหนในวงการเกมที่สร้างกระแสบ้างนั้นมาดูไปพร้อมกันเลย

คำเตือน เนื้อหาในบทความไม่ได้ชี้นำหรืออยู่ฝั่งใดทั้งหมดเป็นเพียงการบอกให้ทราบว่าวงการเกมก็มีเรื่องราวแบบนี้อยู่

The Last of Us Part II ปล่อยวางหรือโกรธแค้น

The Last of Us Part II

เริ่มต้นเรื่องแรกที่เป็นกระแสอย่างรุนแรง ตั้งแต่ที่ตัวเกมหลุดเนื้อเรื่องสำคัญของเกมออกมา จากผู้ไม่หวังดี ทำให้หลายคนที่ได้ติดตามข่าวสารได้รู้เนื้อเรื่องที่เกิดขึ้น จนเป็นกระแสเกิดขึ้นทั่วโลกอยู่ช่วงหนึ่ง และเมื่อเกมวางจำหน่ายคนที่รอดพ้นการเปิดเผยเนื้อเรื่องในตอนนั้น ก็ได้รับรู้สิ่งที่เป็นกระแสในตอนนั้น กับเรื่องราวการเสียชีวิตของตัวละครสำคัญในเกม ‘The Last of Us Part II’ ที่มาจากการแก้แค้นของตัวละครใหม่อย่าง แอ็บบี้ (Abby) ที่เป็นคนฆ่าตัวละครสำคัญคนนั้น แถมตัวเกมยังให้เราเล่นเป็นตัวละครแอ็บบี้ในฐานะตัวละครใหม่ คู่ไปกับตัวละครหลักชุดเดิม ยิ่งเป็นการจุดชนวนความไม่พอใจให้แฟน ๆ ที่รักและชื่นชอบตัวละครที่เสียชีวิตไป จนหลายคนออกมาเรียกร้องไปทางทีมพัฒนาเกมให้ทำเกมนี้ใหม่ เพราะทนที่จะเล่นเป็นคนที่ฆ่าตัวละครที่ตนเองรักไม่ได้ ขนาดที่มีนักเล่นเกมบางคนหักแผ่นเกม ‘The Last of Us Part II’ ก็มี ขณะที่อีกฝ่ายก็เล่นเกมนี้จนจบ (อีกฝ่ายที่ไม่พอใจก็เล่นจบ) ก็เข้าใจบริบทของตัวละครว่าเป็นอย่างไร ทำไมเขาถึงต้องแก้แค้นและผลของการแก้แค้นมันคืออะไร  จนเกิดเป็นเสียงที่แตกออกมาสองทางอย่างชัดเจน กับฝ่ายที่เข้าใจเนื้อเรื่องตัวละครว่าสมเหตุผลอย่างที่ควรเป็น กับอีกฝ่ายที่ไม่ยอมรับกับเรื่องราวแบบนี้ ขนาดที่ว่าเกม ‘The Last of Us Part’ ได้รางวัลยังมีเสียงคัดค้านออกมาเลยว่าไม่เหมาะสม ใครที่ไม่เคยเล่นซีรีส์นี้แนะนำให้หาภาคแรกมาเล่นก่อน แล้วค่อยเล่นภาคที่ 2 แล้วคุณจะเข้าใจว่าทำไมคนถึงเสียงแตกแบบนี้

The Last of Us Part II

Console หรือ PC อยู่ฝั่งไหนดี

Console หรือ PC

มาต่อกันที่ปัญหาโลกแตกในวงการเกม ที่นักเล่นเกมถกเถียงเรื่องนี้กันมายาวนาน ตั้งแต่สมัยที่เครื่อง ‘PC’ หรือคอมพิวเตอร์ตามบ้านสามารถเล่นเกมได้เทียบเท่า (หรือดีกว่า) เครื่องเกมคอนโซล จึงทำให้เกิดคนสองกลุ่มขึ้นมา (ความจริงก็ 3 กลุ่มนั่นคือคนที่เล่นทั้งสองเครื่องแต่กลุ่มนี้ไม่มีปัญหา) นั่นคือการถกเถียงในเรื่องต่าง ๆ เช่นกราฟิกของเกมเดียวกันที่เมื่อเทียบกันฝ่ายไหนสวยกว่า ไปจนถึงราคาเครื่องเกมกับการประกอบคอมเพื่อให้เล่นได้เท่าคอนโซลต้องใช้เงินเท่าใด รวมถึงความไหลลื่นในการเล่นที่อันไหนดีกว่า ที่ถ้าใครอยู่ในวงการนี้มาอย่างยาวนาน จะทราบว่าเรื่องราวนี้มีถกเถียงกันมานาน ตั้งแต่สมัยที่ทางบ้านต้องเขียนจดหมายเพื่อถกเถียงกันในนิตยสารเกม ในคอลัมน์ตอบจดหมายจากทางบ้านเลยทีเดียว มาจนถึงตอนนี้เรื่องราวเหล่านี้ก็ยังมีการถกเถียงกันอยู่เป็นระยะ ซึ่งเราก็ไม่สามารถบอกได้ว่าระหว่างคอนโซลกับ ‘PC’ แบบไหนจะเหมาะกับการเล่นเกมกว่ากัน

Console หรือ PC

ซื้อจากพ่อค้าที่ขายโก่งราคาหรือรอต้นสังกัดเอามาขายอย่างเป็นทางการแต่รอนาน

PlayStation 5

คราวนี้มาดูปัญหาการถกเถียงแบบใหม่ ๆ ที่มีเสียงแตกไปสองทางกันบ้าง กับเรื่องราวการซื้อเครื่องเกม ‘PlayStation 5’ ที่หลายคนน่าจะทราบดี ว่าตอนนี้ตัวเครื่องในบ้านเรากำลังขาดตลาด พอทาง ‘Sony’ ประกาศจองอย่างเป็นทางการตัวเครื่องก็ถูกร้านค้าที่ใช้โปรแกรมดักจองไปจนหมด ทำให้คนที่รอกดสินค้าไม่ได้ตามที่หวัง พอของมีน้อยคนต้องการจำนวนมากจึงเกิดการขายแบบโก่งราคาเกินจริงขึ้นมา ซึ่งนั่นประเด็นที่คนถกเถียงในเรื่องนี้มีอยู่สองเรื่อง นั่นคือเรื่องของร้านค้าที่เอามาขายราคาแพง กับคนที่ยอมจ่ายราคาแพงเพื่อไปซื้อเครื่องจากร้านเหล่านี้มาเล่น ซึ่งทางฝ่ายที่ไม่สนับสนุนให้ซื้อจากร้านที่โก่งราคา ก็เพราะมันจะเป็นการสนับสนุนให้ร้านทำแบบนี้เรื่อย ๆ จนสุดท้ายคนที่อยากได้เครื่องไปเล่นที่บ้านต้องรอนานไปอีก  กับอีกฝ่ายที่บอกว่าเขามีเงินมันเงินเขาจะซื้อก็เรื่องของเขา จนกลายเป็นการถกเถียงใหญ่โตอยู่ช่วงหนึ่งเลยทีเดียว ซึ่งสงครามนี้ยังคงมีการถกเถียงกันเป็นระยะจนกว่าที่ทาง ‘Sony’ จะเอาเครื่อง ‘PlayStation 5’ มาขายตามปกติ เราก็จะได้เห็นเรื่องราวการถกเถียงนี้ต่อไปเรื่อย ๆ อย่างแน่นอน

PlayStation 5

Resident Evil 5 และ 6 สนุกไม่สนุก

Resident Evil 5
Resident Evil 6

ย้อนเวลากลับไปเมื่อตอนที่เกม ‘Resident Evil 4’ เริ่มเปลี่ยนตัวเองจากเกมแนวสยองขวัญ ที่ใช้ความน่ากลัวกระสุนจำกัดและการเอาชีวิตรอดจากซอมบี้สัตว์ประหลาด มาเป็นเกมแอ็กชันยิงแหลกแจกกระสุน และไม่ได้สู้กับซอมบี้แต่เป็นคนติดเชื้อปรสิตที่มีความคิด แถมเกมยังมีความน่ากลัวผสมกับแอ็กชันได้แบบลงตัว จนเมื่อตัวเกมก้าวเข้าสู่ภาคที่ 5 ของซีรีส์ ทางทีมพัฒนาก็ใช้ไอเดียเดิมในการสานต่อตัวเกม แต่ผลที่ออกมามันคือเกมแอ็กชันยิงแหลกมากกว่าเกมแอ็กชันสยองขวัญที่เกมภาคที่ 4 เคยทำได้ จนแฟน ๆ ต่างออกมาบ่นถึงความไม่เป็น ‘Resident Evil’ อย่างที่มันควรเป็น ขณะที่อีกฝั่งก็บอกว่าเกม ‘Resident Evil 5’ มันก็สนุกดี แถมยอดขายเกมภาคนี้ก็ขายดีมาก ๆ ซึ่งเป็นการยืนยันในเรื่องนี้เป็นอย่างดี จนมาถึง ‘Resident Evil 6’ ที่ทางทีมพัฒนาก็ฟังเสียงแฟน ๆ ว่าต้องการแอ็กชัน สยองขวัญ หนีตาย แก้ปริศนา แบบที่แฟน ๆ ต้องการ แต่ผลที่ออกมาก็ไม่ต่างกับภาคที่ 5 นั่นคือแฟน ๆ ไม่พอใจกับการใส่ทุกอย่างที่แฟน ๆ ต้องการแต่กลับไม่ดีตามที่มันควรเป็น ขณะที่อีกฝ่ายที่ชื่นชอบก็บอกในส่วนที่ดีของเกมนี้ว่าสนุกตรงไหน จนเกิดเป็นกระแสถกเถียงกันของสองฝ่ายที่ต่างก็หยิบส่วนที่ดีและชอบของตัวเองมานำเสนออยู่ช่วงหนึ่ง ซึ่งจนถึงตอนนี้ถ้ามีคนไปเปิดประเด็นเรื่องนี้ตามกลุ่ม คงต้องมีการถกถียงกันขึ้นมาอย่างแน่นอน แล้วคุณละอยู่ฝั่งไหนของทั้งสองเกมนี้

Resident Evil 5
Resident Evil 6

วิดีโอเกมคือความรุนแรงหรือความสนุกไม่มีพิษภัย

GTA

ในส่วนของเรื่องนี้ที่มีการถกถียงกันว่า “วิดีโอเกมคือความรุนแรงหรือเพียงแค่ความสนุกไม่มีพิษภัย” นั้นไม่ใช่การถกเถียงของคนในวงการเกม แต่เป็นการถกเถียงกันของผู้ใหญ่ที่ไม่ได้เล่นเกม ซึ่งใช้สื่อในบ้านเราโยงเรื่องราวความรุนแรงต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในเด็กและเยาวชนว่ามาจากการเล่นเกมที่รุนแรง จนเป็นการสั่งสอนปลูกฝังให้เด็กใช้ความรุนแรง จนกลายเป็นการถกเถียงผ่านสื่อต่าง ๆ อย่างรุนแรง จนฝ่ายคนเล่นเกมต้องงัดข้อมูลต่าง ๆ ออกมาอย่างมีเหตุผล ทำให้ผู้ใหญ่หลายคนที่เคยค้านเริ่มเข้าใจ ว่าวิดีโอเกมนั้นไม่ใช่สื่อสร้างความรุนแรง แต่ความรุนแรงมันเกิดขึ้นจากการเลี้ยงดูของผู้ใหญ่ในครอบครัวสังคมที่เด็กอยู่ มากกว่าจะมาโทษเกมที่เป็นแค่ปลายเหตุ จนสุดท้ายเรื่องราวแบบนี้ก็เงียบหายไปจนไม่มีสื่อไหนเอาเรื่องราวนี้มาเล่นอีกเลย

GTA

Death Standing สนุกไม่สนุก

Death Standing

เพิ่งออกฉบับ ‘Director’s Cut’ ออกมาเลย กับเกมเสียงแตกถึงความสนุกไม่สนุกเกี่ยวกับเกมเดินส่งของในเกม ‘Death Standing’ สำหรับคนที่ไม่รู้จักหรือเคยเล่นเกมนี้จะให้เรารับบทเป็นนักเดินส่งของในตำนาน ที่รับหน้าที่เดินส่งของด้วยเท้าจากที่หนึ่งไปอีกที่หนึ่ง ซึ่งในเกมนี้โลกปกติจะถูกปกคลุมไปด้วยฝนเร่งเวลา ที่เมื่อใครโดนจะแก่ตายอย่างรวดเร็ว  แถมยังมีพวกผีวิญญาณคนตายที่ออกมาบนโลก ซึ่งถ้ามีคนตายและผีวิญญาณมาเข้าร่างที่ตายจะเกิดการระเบิด ผู้คนจึงแอบอยู่ตามหลุมหลบภัย และจ้างนักขนของให้ช่วยขนส่งสิ่งต่าง ๆ ให้ โดยตัวเกมก็จะมีเนื้อเรื่องว่าทำไมโลกถึงเป็นแบบนี้ พร้อมภารกิจช่วยอเมริกากับการเชื่อมต่อระบบสื่อสารให้เชื่อมกัน ซึ้งกว่า 90% ของเกมนี้คือการเดินจากจุดหนึ่งไปอีกจุดหนึ่งด้วยเท้าหรือรถในสถานที่ต่าง ๆ ซึ่งนั้นคือจุดแยกของคนที่เล่นแล้วชอบมาก ๆ กับพวกที่บอกว่าเกมนี้ไม่สนุกน่าเบื่อ ทั้งเกมเอาแต่เดินวนไปวนมาส่งของ จนต่างฝ่ายต่างงัดข้อดีข้อเสียของเกมออกมา ซึ่งถ้าใครอยากรู้ว่าเกมนี้สนุกไหม ก็ลองไปอ่านรีวิวของทางแบไต๋เพื่อเป็นการตัดสินใจในการซื้อได้ เมื่อได้เล่นคุณจะรู้เลยว่าตัวเองจะอยู่ฝั่งไหน

Death Standing

เกมฝั่ง Sony PlayStation ไปลง PC

Sony PlayStation

สำหรับเรื่องราวการถกเถียงในครั้งนี้ไม่ใช่แค่ 2 ฝ่ายแต่มีถึง 3 ฝ่าย ที่ต่างก็มีเหตุผลของตนเอง เมื่อจู่ ๆ ทาง ‘Sony’ ก็ประกาศเอาเกมของตนเองบน ‘PlayStation 4’ ไปลงบนเครื่อง ‘PC’ ที่เหมือนเป็นการหักหน้าแฟน ๆ เกมฝั่ง ‘PlayStation’ จนทำให้เกิดเสียงเรียกร้องในความไม่พอใจครั้งนี้ ขณะที่ฝั่ง ‘PC’ ที่ได้ประโยชน์ต่างก็ยินดีที่จะได้เล่นเกมของฝั่ง ‘PlayStation’ ที่อยากเล่นมานาน จนเกิดการโต้เถียงขึ้นว่าสิ่งนี้เหมาะสมรึไม่ แต่ประเด็นสำคัญที่สุดคือคนกลุ่มที่ 3 นั่นคือคนของฝั่ง ‘PlayStation’ ที่เห็นด้วยกับการเอาเกมฝั่ง ‘PlayStation’ มาลง ‘PC’ พร้อมให้เหตุผลว่าเกมที่เอามาลงบน ‘PC’ ก็เป็นเกมเก่าเมื่อ 5-6 ปีที่แล้ว ชาว ‘PlayStation’ เราเล่นกันจนเบื่อแล้วจะเอาไปลง ‘PC’ ก็ไม่เห็นเป็นไร จนเกิดเป็นการถกเถียงกันว่ามันเหมาะสมแล้วรึไม่ที่ ‘Sony’ ทำแบบนี้ แล้วคุณที่อยู่ฝั่ง ‘PlayStation’ อยู่ฝ่ายไหนในเรื่องนี้

Sony PlayStation

Dark Souls ยากตอนต้นง่ายตอนปลายหรือยากเสมอต้นเสมอปลายต่างหาก

Dark Souls

ในอดีตสมัยที่เกม ‘Dark Souls’ วางจำหน่ายครั้งแรกบนเครื่อง ‘PlayStation 3’ ตัวเกมได้รับความนิยมระดับสูง ถึงความสนุกและความยากของเกมที่ไม่ปราณีคนเล่น ที่จะทำให้เราตายแล้วตายอีกตายซ้ำตายซากตายอยู่แบบนั้นจนกว่าจะเก่ง และด้วยความยากนี้ก็ทำให้เกิดเกมแนวนี้ออกมาอีกมากมาย จนวันเวลาผ่านเลยไปเกม ‘Dark Souls’ ก็กลับมาอีกครั้งในฉบับ Remastered พร้อมความยากและทุกสิ่งทุกอย่างที่เหมือนเดิม เพิ่มเติมคือกราฟิกที่สวยงามเพราะลงบนเครื่อง ‘PlayStation 5’ ที่ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงกันที่ว่า เกมนี้มันยากแค่ช่วงแรกเท่านั้น กับอีกฝ่ายที่บอกว่าเกมนี้มันยากเสมอต้นเสมอปลาย เพราะตัวเกมให้อิสระเราในการไปเริ่มสู้ที่ไหนก่อนก็ได้ และทุกที่ก็มีระดับความยากที่เท่ากัน จนเมื่อเราผ่านฉากแรก ๆ ไปได้เราก็มีอาวุธชุดเกราะที่ดีและจำรูปแบบของเกมได้ แถมศัตรูก็จะไม่เก่งตามเราเกมมันเลยง่ายขึ้น แต่อีกฝ่ายกลับเห็นต่างและเถียงแบบหลังชนฝาว่า ต่อให้เรามีอาวุธชุดเกราะดีขนาดไหนเกมก็ยังยากสุด ๆ อยู่ดี มันไม่ได้ง่ายขึ้นมาเลยยิ่งเล่นในรอบแรกครั้งแรก หรือเคยเล่นเกมนี้ในฉบับเก่ามาก่อนเกมนี้ก็ยังยากสุด ๆ อยู่ดี แล้วคุณที่เล่นเกมนี้มาแล้วอยู่ฝ่ายไหนกัน

Dark Souls

เล่นแท้หรือเถื่อน

เกมเถื่อน

หนึ่งในประเด็นที่ยังมีการถกเถียงกันในอดีต สมัยที่ยังเป็นนิตยสารเกม ที่คนยุคนั้นจะใช้วิธีเขียนจดหมายหานิตยสารเกม ในช่วงตอบจดหมายเพื่อให้ทางสำนักพิมพ์เอามาลง ในการถกเถียงกันเกี่ยวกับการเล่นแท้และเถื่อนว่ามีข้อดีข้อเสียอย่างไร ที่ในยุคนั้นจะเป็นการถกเถียงเกี่ยวกับเครื่องคอนโซลมากกว่า ‘PC’ ไม่ว่าจะเป็นแผ่นแท้ของเครื่องคอนโซลที่หาซื้อยากราคาแพง ส่วนบน ‘PC’ ก็มีระบบซื้อที่ยุ่งยากต่างกับแผ่นผีที่สามารถหาซื้อได้ง่าย ราคาถูกแถมเล่นได้เท่ากับเกมปกติ ขณะที่ฝั่งเกมแท้ก็จะบอกเกี่ยวกับข้อดีของเกมแท้ว่า ตัวเกมสวยงามคงทน เอามาขายต่อมือสองได้ ซึ่งเรื่องนี้มีการถกเถียงกันยาวนานเป็นปีเลยทีเดียว ใครที่อยู่ในยุคนั้นน่าจะเคยผ่านตามาบ้างกับการถกเถียงนี้ จนเวลาผ่านเลยไปการเล่นเถื่อนบนคอนโซลก็ลดลง  เพราะความยุ่งยากในการเล่นพร้อมข้อจำกัดมากมาย จนผู้คนเริ่มหันมาเล่นแท้มากขึ้น ค่ายเกมที่เล็งเห็นยอดขายในไทย ก็ตอบแทนด้วยซับภาษาไทยในเกมดัง ๆ ขณะที่บน ‘PC’ การเล่นเถื่อนก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ เพราะการโหลดผ่านสื่อต่าง ๆ ที่มีให้โหลดฟรี ๆ ไม่ต้องไปซื้อแผ่นมาลง แต่ถึงจะมีให้โหลดฟรีแต่คนส่วนมากก็หันมาซื้อของแท้กันมากขึ้น จนกลายเป็นค่านิยมให้คนรุ่นใหม่ทำตาม ซึ่งนับเป็นเรื่องดีที่หลายคนเริ่มเห็นคุณค่าของการซื้อแผ่นแท้ถูกลิขสิทธิ์มากขึ้น

เกมเถื่อน

Resident Evil 7 มุมมองบุคคลที่ 1 สมควรหรือแบบเดิมดี

Resident Evil 7

ด้วยความที่ชื่อเกม ‘Resident Evil’ ค่อนข้างมีชื่อเสียงในวงการเกม ดังนั้นเมื่อเกมซีรีส์นี้ขยับหรือทำอะไรย่อมมีสื่อให้ความสนใจในทุกเรื่อง ยิ่งมีการเปลี่ยนตัวระบบจากเดิมที่เกมซีรีส์นี้จะเป็นเกมแนวมุมมองบุคคลที่ 3 ที่เราจะได้เห็นตัวละครตลอดเวลาตอนเล่น มาเป็นมุมมองบุคคลที่ 1 ที่จะเป็นมุมมองแทนสายตาตัวละคร (เห็นเพียงมือกับปืน) พร้อมกับความหลอนสยองขวัญแบบเต็มสูบ ชนิดที่เรียกว่าเอาให้คนเล่นหัวใจวายตายได้เกมนี้ก็คงทำ ซึ่งการเปลี่ยนมาเป็นเกมสยองขวัญมันก็ดีและเป็นสิ่งที่แฟน ๆ ต้องการ แต่การเปลี่ยนมุมกล้องมาเป็นแบบมุมมองบุคคลที่ 1 มันทำให้หลายคนไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นการไม่เห็นตัวละครใหม่ว่าหน้าตาเป็นอย่างไร ไปจนถึงคนเล่นที่ทนมุมกล้องแบบนี้ไม่ได้ เพราะเล่นแล้วจะมึนหัวจนทำให้ต้องข้ามเกมสองภาคล่าสุดไป ซึ่งทางทีมพัฒนาเองก็กลัวในเรื่องนี้เป็นอย่างมากตอนสร้าง ‘Resident Evil 7’ จนเมื่อยอดขายเกมค่อย ๆ เพิ่มขึ้นก็แปลว่ามีคนยอมรับตัวเกมในมุมมองนี้ แต่อีกเสียงที่เล่นเกม ‘Resident Evil 7’ และชอบแต่ก็อยากให้ ‘Resident Evil’ เป็นแบบเดิมก็ยังมีอยู่ไม่น้อย จนทำให้เกิดเสียงแตกออกมาเล็ก ๆ จนเกม ‘Resident Evil Village’ ออกมากระแสนี้ก็กลับมาอีกครั้ง คงต้องรอดูภาคต่อไปว่า ‘Resident Evil’ จะไปไหนทางไหนต่อไป แต่ที่รู้แน่ ๆ คือความหลอนสยองขวัญที่เต็มสูบกว่าเดิมแน่นอน

Resident Evil 7

Esport คือกีฬาหรือแค่เล่นสนุก

Esport

ปิดท้ายกับการถกเถียงที่มาพร้อมกับความสงสัยจากคนนอกวงการเกม เมื่อทางฝ่ายจัดการแข่งขันกีฬาใหญ่ ๆ ระดับโลกเริ่มมีการบรรจุวิดีโอเกมให้เป็นหนึ่งในชนิดกีฬา ซึ่งสำหรับคนที่ยังไม่ทราบตอนนี้ทางผู้จัดแข่งขันซีเกมส์และโอลิมปิก ได้บรรจุ ‘Esport’ หรือการแข่งเกมลงในการแข่งเรียบร้อย จนมีคนออกมาถามพร้อมการถกเถียงกันว่าวิดีโอเกมสามารถรวมเป็นหนึ่งในชนิดกีฬาด้วยหรือ เพราะไม่ว่าจะดูมุมไหนการนั่งเล่นเกมบนหน้าจอ ก็ไม่ได้ออกกำลังส่วนไหนเลยนอกจากนิ้วกับสายตาและสมอง ต่างกับกีฬาทั่วไปที่ใช้แรงกายในการแข่ง จนมีคนอธิบายว่าการเล่นเกมคือกีฬานั้นก็เปรียบกับกีฬาในร่มอื่น ๆ อย่าง หมากรุก สนุกเกอร์ ก็ไม่ได้ใช้แรงกายเหมือนกัน แต่ใช้เพียงนิ้วมือสองตาและสมองในการแข่งเหมือนกัน จึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะเอา ‘Esport’ มาร่วมในการแข่งกีฬา โดยคนที่ตั้งคำถามนี้ก็คือพวกผู้ใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับบ้านเมืองซึ่งยังไม่ทราบเรื่องนี้ และมองว่าการเล่นเกมมันคือความบันเทิงที่เสียเงินเพื่อแลกความสนุกอย่างเดียว ไม่สามารถเอามันมาต่อยอดสร้างรายได้หรือแข่งเป็นกีฬาได้ เรื่องนี้จึงเป็นการถกเถียงกันอยู่ระยะหนึ่ง ก่อนที่จะมีการอธิบายเกี่ยวกับ ‘Esport’ ว่าคืออะไร หลายฝ่ายจะยอมรับในเรื่องนี้ในที่สุด

Esport

ก็จบกันไปแล้วกับประเด็นเสียงแตกเป็นสองทางในวงการเกม หวังว่าจะถูกใจกัน โดยเป้าหมายของบทความนี้ก็เพื่อจะบอกหลายคนในวงการเกม และไม่ได้อยู่ทราบว่าในวงการเกม ว่าวงการนี้ก็มีเรื่องราวต่าง ๆ ที่น่าสนใจไม่แพ้วงการอื่น ซึ่งคนที่ไม่ได้อยู่วงการนี้อาจจะไม่เข้าใจ แต่คนที่อยู่วงการเกมมาตลอดเมื่ออ่านจะเข้าใจในสิ่งเหล่านี้ดี เพราะแม้มันจะเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ สำหรับหลายคน แต่มันคือเรื่องใหญ่ของคนที่ชื่นชอบบางสิ่งมาก ๆ และการถกเถียงก็ใช่ว่าจะมีแต่เรื่องแย่ เพราะเราจะได้รับฟังสิ่งที่เราลืมหรือไม่รู้จากอีกฝ่าย ซึ่งหลายครั้งที่มีการถกเถียงกันคนในวงการเกม เราก็จะพูดด้วยเหตุผลไม่ใช่ด่าทอกัน และหลายครั้งก็จบลงด้วยความเข้าใจของทั้งสองฝ่าย และถ้าใครมีเรื่องราวการถกเถียงจนเสียงแตกเป็นสองทางเรื่องไหนในวงการเกมอีกก็บอกกันมาได้  ส่วนคราวหน้าจะเป็นเรื่องราวอะไรที่เกี่ยวกับวงการเกมก็ติดตามกันได้ที่นี่ที่เดียว

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส