เป็นเรื่องน่ากังวลใจสำหรับใครหลาย ๆ คน โดยเฉพาะสาว ๆ หากตื่นขึ้นมาแล้วสังเกตเห็นว่าตนเองมีปัญหารอยคล้ำใต้ตา แม้ว่ารอยคล้ำใต้ตามักไม่ค่อยสร้างความกังวลเกี่ยวกับปัญหาด้านสุขภาพ เป็นเพียงปัญหาด้านความงามเท่านั้น แต่ถึงอย่างนั้นหากคุณสังเกตเห็นความคล้ำที่ใต้ตาทุกวัน อาจทำให้คุณรู้สึกหงุดหงิดหรือสูญเสียความมั่นใจได้

รอยคล้ำใต้ตามักถูกอ้างว่าเป็นสัญญาณของการนอนดึก นอนไม่พอ แต่คุณอาจสงสัยว่าอะไรเป็นสาเหตุของรอยคล้ำใต้ตากันแน่ เกิดจากการนอนไม่พอจริง ๆ หรือมีสาเหตุอื่น ? ที่สำคัญที่สุดคุณสามารถรักษารอยคล้ำใต้ตาได้อย่างไรบ้าง ?

รอยคล้ำใต้ตาคืออะไร ?

จากการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน The Journal of Clinical and Aesthetic Dermatology เผยว่ารอยคล้ำใต้ตาเป็นเหตุการณ์ปกติ และแม้ว่าอาการจะไม่ค่อยบ่งชี้ถึงภาวะทางการแพทย์ที่ร้ายแรง แต่ก็สามารถมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อสุขภาพทางอารมณ์ และคุณภาพโดยรวมของบุคคล

รอยคล้ำจะปรากฏแตกต่างกันไปในแต่ละคน ขึ้นอยู่กับประเภทผิว อายุ และสิ่งที่ทำให้รอยคล้ำนั้นก่อตัวขึ้น สิ่งที่คุณอาจสังเกตได้คือผิวของคุณคล้ำขึ้นในบริเวณใต้ตา และส่งผลให้รูปลักษณ์ของคุณดูเหนื่อยล้า ขณะเดียวกันถุงใต้ตาอาจทำให้ดูแก่กว่าวัยด้วย

โดยปกติแล้วรอยคล้ำใต้ตาจะมีสีน้ำตาล แต่ก็สามารถปรากฏเป็นสีแดงหรือสีม่วงได้เช่นกัน บ่อยครั้งที่รอยคล้ำใต้ตามาพร้อมกับถุงใต้ตา บางครั้งรอยคล้ำใต้ตาก็อาจเกิดจากเงาที่เกิดจากรอยกรีดจากถุงใต้ตาด้วย

สาเหตุที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา ?

ผิวใต้ตาของเรานั้นบอบบางและมีแนวโน้มที่จะถูกทำลายได้ง่ายกว่าส่วนอื่น ๆ ของใบหน้า เนื่องจากผิวหนังส่วนนั้นมีต่อมน้ำมันน้อยกว่า และมีคอลลาเจนน้อยกว่าส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย จากการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน Advanced Biomedical Research พบว่าปัจจัยเหล่านี้อาจเป็นสาเหตุว่าทำไมบริเวณใต้ดวงตาของเราจึงเกิดริ้วรอย ร่องลึก และหมองคล้ำ ได้ง่ายขึ้น

เมื่อเรานึกถึงรอยคล้ำใต้ตา เรามักจะนึกถึงปัญหาการนอนเป็นอันดับแรก เช่น นอนดึก อดนอน ตื่นบ่อย และนอนหลับไม่สนิทตลอดคืน ในขณะที่ปัญหาการนอนเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ และคำตอบคือ ใช่! การนอนหลับมีผลต่อรอยคล้ำใต้ตาจริง ๆ แต่ทั้งนี้สาเหตุของรอยคล้ำใต้ตามีหลายประการ ได้แก่

1.อดนอน

การนอนหลับไม่เพียงพอเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งของรอยคล้ำใต้ตา เมื่อคุณนอนหลับไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด และการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น และเมื่อเส้นเลือดใต้ตาขยายตัว ก็จะทำให้เกิดสีน้ำเงินเข้มใต้ตา

บางครั้งเงาจากเปลือกตาล่างที่บวม ซึ่งมักเกิดจากการอดนอนอาจทำให้ดูเหมือนคุณมีรอยคล้ำใต้ตา แต่อาจเป็นเงาที่เกิดจากเปลือกตาล่างที่บวมนั่นเอง

2.อายุ

อายุที่มากขึ้นเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา เพราะปกติเราจะมีเนื้อเยื่อและไขมันตามธรรมชาติที่อยู่ระหว่างเบ้าตาและโหนกแก้ม เมื่ออายุมากขึ้นเนื้อเยื่อนี้มีแนวโน้มที่จะจมและหายไป

เมื่อผิวหนังใต้ตาของเราเปลี่ยนแปลงไปอันเป็นผลจากกระบวนการตามธรรมชาติของอายุที่เพิ่มขึ้น ความไม่สมบูรณ์ก็ปรากฏชัดขึ้น ผิวของเราจะบางลง และเส้นเลือดดำใต้ตาจะชัดเจนมากขึ้น ทำให้เกิดเป็นขอบตาคล้ำ

3.กรรมพันธุ์

กรรมพันธุ์ดูเหมือนจะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้บางคนมีรอยคล้ำใต้ดวงตาได้ง่ายกว่าคนอื่น ๆ แม้ว่าจะต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมเพื่อทำความเข้าใจว่าสิ่งนี้ทำงานอย่างไร งานวิจัยที่เก่าแก่ชิ้นหนึ่งพบว่าการมีเม็ดสีใต้ตามากขึ้นมักจะสังเกตเห็นได้ครั้งแรกในวัยเด็ก และจะแย่ลงเรื่อย ๆ เมื่อเวลาผ่านไป 

4.โรคภูมิแพ้

การแพ้เป็นสาเหตุของรอยคล้ำใต้ตาได้ และไม่ใช่แค่อาการแพ้เท่านั้นที่สามารถทำให้เกิดรอยคล้ำได้ การแพ้ตามฤดูกาล เช่น ไข้ละอองฟาง อาจทำให้ผิวคล้ำขึ้นเนื่องจากการถูและการระคายเคือง ซึ่งเป็นสาเหตุของการบาดเจ็บที่ผิวหนัง

5.ผิวหนังอักเสบ

การระคายเคืองหรือการอักเสบของผิวหนังบริเวณใกล้ดวงตาอาจทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ดวงตาได้เช่นกัน จากการศึกษาพบว่ารอยคล้ำนั้นพบได้บ่อยในผู้ที่มีโรคภูมิแพ้ผิวหนัง เช่น โรคกลาก หรือผิวหนังอักเสบจากภูมิแพ้ เพราะผิวหนังอักเสบอาจทำให้หลอดเลือดใต้ผิวหนังขยายตัว ซึ่งอาจมีส่วนทำให้สีผิวคล้ำได้

6.ปัจจัยด้านไลฟ์สไตล์

นอกจากนี้ยังมีปัจจัยในการดำเนินชีวิตบางอย่างที่มีส่วนทำให้เกิดรอยคล้ำใต้ตา เช่น

  • ภาวะขาดน้ำ
  • ความเครียด
  • การบริโภคเกลือมากเกินไป
  • การขยี้ตามากเกินไป
  • บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
  • สูบบุหรี่

รอยคล้ำใต้ตาบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพหรือไม่ ?

รอยคล้ำใต้ตาไม่ค่อยบ่งบอกถึงปัญหาด้านสุขภาพ แต่ถ้าอาการของคุณมาพร้อมกับอาการอื่น ๆ รวมถึงการน้ำหนักลดอย่างกะทันหัน ซึ่งอาจทำให้บริเวณใต้ตาดูกลวงและคล้ำขึ้น อาจเป็นสัญญาณปัญหาสุขภาพ เช่น โรคมะเร็งบางชนิด เอชไอวี หรือภาวะภูมิต้านทานผิดปกติได้ ดังนั้น หากถุงใต้ตาเกิดขึ้นในช่วงเวลาที่รวดเร็ว ควรให้แพทย์ประเมินอาการทันที

วิธีรักษารอยคล้ำใต้ตา

รอยคล้ำใต้ตาเป็นหนึ่งในอาการที่พบบ่อย ปัจจุบันมีตัวเลือกมากมายสำหรับการรักษารอยคล้ำ รวมถึงการรักษาที่บ้านและการรักษาทางการแพทย์อื่น ๆ ดังนี้

1.การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต

หากคุณต้องการลดรอยคล้ำใต้ตา ให้เริ่มจากการใช้ชีวิตที่ดีต่อสุขภาพ และที่สำคัญที่สุดคือการพักผ่อนให้มากขึ้นเป็นกุญแจสำคัญ เพราะการอดนอนเป็นสาเหตุหลักของรอยคล้ำใต้ตา 

ควรนอนให้ได้ 7-9 ชั่วโมงในแต่ละคืน เพื่อกำจัดถุงใต้ตาหรือรอยคล้ำใต้ดวงตาของคุณ นอกจากนี้ยังแนะนำให้นอนหนุนหมอนสูงเพื่อลดอาการบวมที่สะสมบริเวณดวงตาขณะนอนหลับ 

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตอื่น ๆ ที่อาจช่วยลดรอยคล้ำใต้ดวงตาของคุณ ได้แก่ อย่าลืมใช้ครีมกันแดดเป็นประจำ ลดความเครียดในชีวิตของคุณซึ่งสามารถช่วยให้คุณนอนหลับได้ดีขึ้นด้วย และลดการใช้แอลกอฮอล์

2.รักษารอยคล้ำใต้ตาที่บ้าน

วิธีรักษาพื้นบ้านบางอย่างที่คุณอาจเคยได้ยินว่าใช้จัดการกับรอยคล้ำใต้ตาได้ผลดี เช่น นำแตงกวามาวางทับที่รอบดวงตา เนื่องจากแตงกวาช่วยลดอาการบวมและให้ความชุ่มชื้นแก่ผิว

รวมถึงการใช้ประคบเย็นเพื่อลดรอยคล้ำใต้ตาก็ทำงานได้ดีเช่นกัน คุณสามารถใช้ผ้าขนหนูจุ่มน้ำเย็นได้ หรือแช่ลูกประคบในชา เพราะชามีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ 

3.การรักษาทางการแพทย์

หากไลฟ์สไตล์และวิธีแก้ปัญหาที่บ้านไม่เหมาะกับคุณ และรอยคล้ำใต้ดวงตาของคุณยังคงทำให้คุณรู้สึกแย่ อาจถึงเวลาไปพบแพทย์ผิวหนังเพื่อวางแผนการดำเนินการลดหรือขจัดปัญหา มีวิธีการรักษามากมายที่สามารถช่วยบรรเทาความหมองคล้ำโดยขึ้นอยู่กับความรุนแรง ตั้งแต่ยาเฉพาะทางการแพทย์ไปจนถึงเลเซอร์ และการฉีดสารเติมเต็ม

อย่างไรก็ตาม ความหมองคล้ำใต้ดวงตาเป็นเรื่องปกติและเกือบจะไม่เป็นพิษเป็นภัย แต่นั่นอาจจะรบกวนจิตใจของคุณ ที่สำคัญอาจส่งผลต่อความมั่นใจในตนเองได้ อย่าลืมที่จะเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตในเชิงบวก เช่น การพักผ่อนให้มากขึ้น รวมถึงการหลีกเลี่ยงความเครียดเป็นสิ่งที่ดีสำหรับทั้งการลดรอยคล้ำใต้ตาและการดูแลสุขภาพโดยรวม

ที่มา sleep , healthline

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส