หลายครั้งที่เลื่อนผ่านโซเชียลมีเดีย เรามักพบโพสต์การขอความช่วยเหลือการขอรับบริจาคเลือดเพื่อการรักษาโรค ใจความของโพสต์ส่วนใหญ่ คือ การบริจาคเลือดเพื่อรักษาให้กับคลังของโรคพยาบาลเพื่อให้แพทย์สามารถดึงเลือดสำรองในคลังมาใช้รักษา

ปัญหาการขาดแคลนเลือดสำรองในธนาคารเลือดไม่ได้เกิดขึ้นแค่กับประเทศไทย แต่ในประเทศขนาดใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกาก็พบปัญหานี้เช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ระบบสาธารณสุขของสหรัฐฯ เลือกที่จะไม่รับเลือดจากผู้ชายที่เป็นเกย์ตลอดช่วงชีวิตของคนนั้น ตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นที่มีการระบาดของการติดเชื้อเอชไอวีและโรคเอดส์ หรือราว 40 ปีก่อนหน้านี้

เนื่องจากว่าสัดส่วนของผู้ป่วยเอชไอวีกว่า 70 เปอร์เซ็นต์เป็นผู้ชายที่มีเซ็กซ์กับเพศเดียวกัน ซึ่งรวมถึงไบเซ็กชวลด้วย และข้อมูลทางการแพทย์ก็ชี้ว่าการมีเซ็กซ์ผ่านประตูหลังนั้นมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์ได้มากกว่า

อีกทั้งเทคโนโลยีทางการแพทย์ในการตรวจสมัยนั้นยังไม่สามารถตรวจจับเชื้อได้แม่นยำ และมีประสิทธิภาพมากนัก ในยุคหลังเริ่มมีการผ่อนผันนโยบายให้เกย์และผู้ชายที่รักเพศเดียวกัน แต่เพียงบางส่วนเท่านั้น นโยบายดังกล่าวสร้างความเจ็บป่วยให้กลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศเป็นเวลาหลายปี

แต่ในปี 2023 นโยบายการบริจาคเลือดของสหรัฐฯ กำลังจะเปลี่ยนไป เพราะสำนักคณะกรรมการอาหารและยาหรือ FDA ร่วมกับสภากาชาดของสหรัฐฯ จะเปลี่ยนเกณฑ์ในการรับบริจาคจากที่เคยประเมินด้วยการตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับรสนิยมทางเพศ มาเป็นการประเมินด้วยพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศแทน ซึ่งอยู่ในช่วงพัฒนาระบบคัดกรอง และฝึกสอนบุคลากร คาดว่ามาตรการใหม่อาจเริ่มใช้ได้ก่อนสิ้นปีนี้ โดยเริ่มจากศูนย์บริจาคเลือดของรัฐก่อน

เพราะถึงแม้ว่าในอดีตสัดส่วนของผู้ป่วยเอชไอวีจะเป็นเกย์เสียส่วนใหญ่ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่าชายจริงหญิงแท้หรือเพศอื่น ๆ นั้นก็มีความเสี่ยงที่จะได้รับเชื้อเอชไอวีและการติดเชื้ออื่นได้เช่นเดียวกันหากมีพฤติกรรมทางเพศที่ไม่เหมาะสม (ต่อสุขภาพ) เช่น การมีเซ็กซ์โดยไม่ป้องกัน การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย การมีคู่นอนหลายคน การใช้สารเสพติด และอื่น ๆ

โดยเกณฑ์การประเมินผู้บริจาคเลือดที่เปลี่ยนไปเปิดโอกาสให้เกย์และกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศที่มีความต้องการบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น และมีคุณสมบัติสอดคล้องกับเกณฑ์การประเมินแบบใหม่สามารถบริจาคเลือดได้ ซึ่งจะช่วยแก้วิกฤตขาดแคลนเลือดที่สหรัฐฯ กำลังเผชิญอยู่ได้

หลายครั้งที่มีกราดยิงและโศกนาฏกรรมในสหรัฐฯ ที่ต้องการเลือดสำรองในปริมาณมหาศาล แต่คนที่เป็นเกย์กลับถูกกีดกันจากการบริจาคเลือดเพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อย่างไรก็ตาม เรื่องเหล่านี้กำลังเปลี่ยนไปแล้ว

แม้นโยบายเรื่องเกณฑ์การประเมินผู้บริจาคจะยืดหยุ่นมากขึ้น แต่ในด้านของความปลอดภัยและความรับผิดชอบต่อสุขภาพของผู้คนยังคงเป็นไปอย่างเข้มข้น FDA ของสหรัฐฯ ไม่อนุญาตให้คนที่เปลี่ยนคู่นอนใหม่ หรือมีคู่นอนมากกว่า 1 คนในช่วง 3 เดือน การมีเซ็กซ์ผ่านทวารหนักในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังมีมาตรการการคัดกรองอื่น ๆ ที่เข้มงวดด้วยเช่นกัน

นโยบายที่เปลี่ยนไปนี้อาจช่วยเพิ่มสัดส่วนของเลือดสำรองในธนาคารเลือดได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่ายังไม่เพียงพอ จากการสำรวจมีคนอเมริกันเพียง 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นที่บริจาคเลือด ส่วนหนึ่งมาจากมาตรการการคัดกรองที่เข้มงวดที่ได้กล่าวไป ซึ่งทำให้คนเหล่านั้นต้องเลื่อนระยะเวลาในการบริจาคเลือดออกไป แต่ก็เป็นเหตุผลด้านความปลอดภัยต่อสุขภาพ

อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในหน้าประวัติศาสตร์สุขภาพของสหรัฐฯ และช่วยลดความขุ่นข้องหมองใจของกลุ่มคนที่มีความหลากหลายทางเพศที่ถูกกีดกันจากการช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ นอกจากนี้ ทาง FDA ยังมีแผนสร้างมาตรการในการเปิดโอกาสให้ผู้ที่ใช้ PrEP และ PEP หรือยาป้องกันเอชไอวีที่ได้รับการตรวจสุขภาพอย่างถี่ถ้วนให้สามารถบริจาคเลือดได้ด้วย

สำหรับในประเทศไทยยังคงเป็นนโยบายเดิมของสหรัฐฯ คือ การห้ามให้ผู้ชายที่เป็นเกย์บริจาคเลือด ซึ่งในไทยก็ประสบปัญหาขาดแคลนเลือดในธนาคารเลือดเช่นเดียวกัน การปรับเกณฑ์และวิธีคัดกรองให้เป็นระบบและมีมาตรฐานอาจช่วยลดบรรเทาปัญหานี้ในประเทศไทยได้เช่นเดียวกัน

ที่มา: CNN

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส