ยุคสมัยเปลี่ยนไป ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของผู้คนก็เปลี่ยนตาม แน่นอนว่าไลฟ์สไตล์ของเด็กรุ่นใหม่ก็เช่นกัน เมื่อเติบโตมาพร้อมกับเทคโนโลยีและสิ่งเร้ามากมาย ความสนใจก็ย่อมต่างออกไปจากคนยุคก่อน ความสนใจของคนเจนก่อน ๆ คงหนีไม่พ้นทีวี แต่สมัยนี้คือแท็บเล็ตไปหมดแล้ว มองไปทางไหน ตั้งแต่วัยรุ่นไปจนถึงเด็กเล็ก ก็ต่างมีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง ราวกับอุปกรณ์เหล่านี้กลายเป็นอวัยวะส่วนหนึ่งของร่างกายไปแล้ว
เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี กว่า 40% มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง
ข้อมูลล่าสุดจาก Common Sense Media สหรัฐฯ รายงานว่า เด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี กว่า 40% หรือเด็ก 4 คนจาก 10 คน มีแท็บเล็ตเป็นของตัวเอง หากอ่านแบบผิวเผินอาจดูเป็นเรื่องปกติของสังคมยุคปัจจุบัน แต่แท้จริงแล้วการติดแท็บเล็ตตั้งแต่อายุไม่ถึง 2 ปี น่ากังวลและร้ายแรงมากกว่านั้น เพราะอาจทำให้เด็กเสี่ยงเป็น ‘ภาวะออทิสติกเทียม’

ทำความรู้จัก “ออทิสติกเทียม”
ออทิสติกเทียม (Pseudo Autism) เป็นภาวะที่เกิดจากการขาดพัฒนาการที่เหมาะสมในวัยเด็กเล็ก โดยมีสาเหตุหลักมาจากการที่เด็กได้รับสิ่งกระตุ้นทางเดียว เช่น การดูหน้าจอมากเกินไป จนขาดการสื่อสารสองทางกับคนอื่น ส่งผลให้พัฒนาการด้านภาษาและการเข้าสังคมล่าช้า
ออทิสติกเทียมเกิดจากปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การเลี้ยงดูที่ไม่เหมาะสม และอาการสามารถดีขึ้นได้หากได้รับการแก้ไขอย่างถูกวิธี ซึ่งต่างจากออทิสติกแท้ที่เกิดจากความผิดปกติของสมองที่เกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิดและอาการจะคงอยู่ตลอดไป
อาการของออทิสติกเทียม จะคล้ายกับออทิสติกแท้ แต่จะเริ่มแสดงอาการหลังจากที่เด็กใช้เวลาอยู่กับหน้าจอมากเกินไป หรือเกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพแวดล้อมอย่างกะทันหัน ซึ่งต่างจากออทิสติกแท้ที่แสดงอาการตั้งแต่อายุยังน้อย อาการที่พบได้บ่อย ได้แก่
- หลีกเลี่ยงการสบตา
- มีปัญหาในการสื่อสารและการแสดงออกทางอารมณ์
- ไม่สามารถบอกความต้องการของตัวเองได้ จึงแสดงออกด้วยการร้องไห้หรืออาละวาด
- พูดช้า หรือพูดคำที่ไม่มีความหมาย
- ปรับตัวเข้ากับเด็กคนอื่นได้ยาก

แนวทางการรับมือกับออทิสติกเทียมจากแท็บเล็ต
การป้องกันและรักษาภาวะออทิสติกเทียมต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายฝ่าย โดยมีแนวทางหลักดังนี้
- ควบคุมเวลาหน้าจอ : สำหรับเด็กอายุต่ำกว่า 2 ปี ไม่ควรให้ดูจอทุกชนิด ส่วนเด็กอายุ 2-5 ปี ควรจำกัดเวลาไม่เกินวันละ 1 ชั่วโมง และต้องมีผู้ปกครองดูแลอย่างใกล้ชิด
- ส่งเสริมการมีปฏิสัมพันธ์ : ผู้ปกครองควรพูดคุยและสื่อสารกับเด็กอย่างสม่ำเสมอ ฝึกให้เด็กมองหน้า สบตา และทำกิจกรรมที่ช่วยกระตุ้นพัฒนาการร่วมกัน เช่น อ่านหนังสือ, ระบายสี หรือเล่นกลางแจ้ง
- สร้างสภาพแวดล้อมที่ดี : สภาพแวดล้อมที่เหมาะสมจะช่วยให้เด็กมีพัฒนาการที่ดีขึ้น และควรพาเด็กไปเข้าสังคมหรือทำกิจกรรมร่วมกับเด็กในวัยเดียวกัน
- สังเกตพัฒนาการ : หากพบความผิดปกติใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญด้านพัฒนาการเด็กทันที เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและการช่วยเหลือที่ถูกต้อง
อย่างไรก็ตาม ภาวะนี้สามารถป้องกันและแก้ไขได้ หากผู้ปกครองนึกถึงความสำคัญของการให้เวลาและสร้างกิจกรรมร่วมกับลูกอย่างสม่ำเสมอ หัวใจสำคัญของการเลี้ยงดูในยุคดิจิทัล คือการสร้างสมดุลระหว่างโลกออนไลน์และโลกแห่งความจริง เมื่อสังเกตุได้ว่าลูกเริ่มติดแท็บเล็ต ผู้ปกต้องก็ต้องรู้จักที่จะบาลานซ์ ยิ่งลูกอายุต่ำกว่า 2 ปี ทางที่ดีก็ยังไม่ควรใช้แท็บเล็ตให้เป็นส่วนหนึ่งในการเลี้ยงดู
อย่าลืมปัจจัยสำคัญที่ว่าไม่มีเทคโนโลยีใด จะสามารถทดแทนความรัก ความอบอุ่น และปฏิสัมพันธ์จากครอบครัวได้ การใช้เวลาที่มีคุณภาพกับลูกไม่ใช่เพียงแค่การลดความเสี่ยง แต่เป็นการสร้างรากฐานที่แข็งแกร่งที่สุด เพื่อให้พวกเขาสามารถเติบโตขึ้นอย่างสมบูรณ์ทั้งกายและใจ