เรามักจะเคยได้เห็นได้ยินข่าวของประเทศแห่งเทคโนโลยีและวัฒนธรรมอย่างญี่ปุ่นอยู่เสมอ เมื่อมีความผิดพลาดเกิดขึ้นจนเกิดผลกระทบที่รุนแรง จะมีผู้ออกมาแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์หรือสถานการณ์นั้น ๆ โดยที่ไม่ต้องรอให้ถูกกดดันเลยด้วยซ้ำ อะไรที่ทำให้ประเทศญี่ปุ่นโดดเด่นเรื่องจิตสำนึกในความละอายต่อความผิดขนาดนี้

วันนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักกับ “วัฒนธรรมความละอาย” (Culture of Shame) เบื้องหลังของวัฒนธรรมนี้คืออะไร แล้วทำไมถึงมีอยู่แค่ในญี่ปุ่น ?

จุดกำเนิดของวัฒนธรรมแห่งความละอาย

“วัฒนธรรมแห่งความละอาย” ในญี่ปุ่นมีรากฐานจากประวัติศาสตร์อันยาวนานของการเน้นกลุ่มเป็นศูนย์กลาง และการให้ความสำคัญกับความสามัคคีในกลุ่ม

สิ่งนี้สืบทอดมาจากอิทธิพลของขงจื๊อ ซึ่งเน้นการทำหน้าที่และปฏิบัติตามบทบาทของตนในระบบลำดับชั้นของสังคม

ในสังคมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิม คุณค่าของแต่ละบุคคลถูกตัดสินจากความสามารถในการทำหน้าที่ในกลุ่มว่าทำได้ดีแค่ไหน

การแสดงออกของวัฒนธรรมแห่งความละอาย

วัฒนธรรมแห่งความละอายในญี่ปุ่นปรากฏชัดผ่านการให้ความสำคัญกับการ “รักษาหน้า” (face) ทั้งต่อตัวเองและกลุ่ม

คำว่า “mentsu” (面子) หมายถึง “ศักดิ์ศรี” หรือ “หน้าตา” คล้ายกับแนวคิด “reputation” แบบตะวันตก แต่มีนัยลึกกว่า

ผู้คนจะระมัดระวังอย่างมากว่าการกระทำของตนจะถูกผู้อื่นมองอย่างไร และจะพยายามหลีกเลี่ยงทุกอย่างที่อาจทำให้ตนหรือกลุ่มอับอาย

ผลก็คือ คนญี่ปุ่นมักลังเลที่จะโดดเด่น แสดงความเห็นต่าง หรือยอมรับความผิดพลาดในที่สาธารณะ

การนำความอับอายมาสู่ตนเอง ถือเป็นการละเลยหน้าที่และหักหลังกลุ่ม นำไปสู่การเสียหน้า และอาจถูกกีดกันออกจากสังคม

วัฒนธรรมแห่งความละอายถูกปลูกฝังอย่างไร ?

เด็กญี่ปุ่นจะถูกฝึกให้มีความรู้สึกไวต่อ “ความละอาย” ตั้งแต่ยังเล็ก และเรียนรู้ให้คำนึงถึงความรู้สึกของผู้อื่นอยู่เสมอ

ในวัฒนธรรมองค์กรญี่ปุ่น พนักงานมักถูกคาดหวังให้ให้ความสำคัญกับบริษัทมากกว่าความต้องการของตนเอง

ความภักดี การทำงานหนัก และการยึดถือบรรทัดฐานของกลุ่มคือสิ่งที่มีค่า การเบี่ยงเบนจากค่านิยมเหล่านี้ถือเป็นความน่าละอายต่อตนเองและองค์กร

สิ่งนี้ทำให้วัฒนธรรมแห่งความละอายฝังรากลึก และทำให้ยากต่อการหลุดพ้นจากกรอบเหล่านี้

ตัวอย่างเหตุการณ์ที่ถูกพูดถึงเรื่องวัฒนธรรมความละอายของคนญี่ปุ่น

มีหลากหลายเหตุการณ์ที่เรามักจะได้เห็นการแสดงความรับผิดชอบของผู้นำประเทศและผู้นำองค์กรของประเทศญี่ปุ่น จนเป็นข่าวใหญ่และเป็นที่พูดถึงไปทั่วโลก 

Shina Abe Japan former prime minister
REUTERS/Yuya Shino
  • นายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่นประกาศลาออกจากตำแหน่งด้วยเหตุผลเรื่องสุขภาพ ไม่ต้องการให้อาการป่วยส่งผลกระทบต่อการตัดสินใจในการบริหารประเทศ และกล่าวขอโทษชาวญี่ปุ่นที่ไม่สามารถทำหน้าที่จนครบวาระได้ (สิงหาคม 2020)
  • โคอิชิโร มิยาฮาระ ประธานกรรมการตลาดหลักทรัพย์โตเกียว ยื่นลาออกเพื่อรับผิดชอบ กรณีที่ระบบซื้อขายขัดข้อง ส่งผลให้นักลงทุนไม่สามารถซื้อขายหุ้นได้ตลอดทั้งวันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ (ธันวาคม 2020)
  • อิตารุ นากามูระ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติของญี่ปุ่น ประกาศลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบจากความบกพร่องในการดูแลรักษาความปลอดภัยให้กับชินโซ อาเบะ อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถูกลอบยิงเสียชีวิต (สิงหาคม 2022)
  • นายกรัฐมนตรี ฟูมิโอะ คิชิดะ ของญี่ปุ่นประกาศจะลาออกจากตำแหน่ง ยุติการทำหน้าที่ผู้นำประเทศหลังรัฐบาลเผชิญมรสุมข่าวอื้อฉาวทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง เปิดทางให้ผู้นำคนใหม่เข้ามาแก้ไขปัญหาค่าครองชีพที่พุ่งสูง (สิงหาคม 2024)

แม้ว่าความละอายยังคงเป็นองค์ประกอบสำคัญของวัฒนธรรมญี่ปุ่น แต่ปัจจุบันก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ที่หันมาเน้นปัจเจก (เฉพาะบุคคล) มากขึ้น และลดความสำคัญของ “ตัวตนแบบรวมหมู่” (Collective self)

เมื่อผู้คนรู้สึกว่าไม่สามารถพึ่งพากลุ่มหรือได้รับการสนับสนุนแบบเดิมได้อีกต่อไป พวกเขาจะรู้สึกไม่มั่นคงและไม่แน่ใจในเส้นทางของตน ระบบแห่งความละอายที่เคยเป็นกรอบกำกับพฤติกรรมอย่างชัดเจนเริ่มอ่อนตัวลง แต่ความคาดหวังในความรับผิดชอบของแต่ละบุคคลก็เพิ่มขึ้น สิ่งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกหลงทาง และเกิดความเครียดในการใช้ชีวิตในสังคมที่ยังคงมีบรรทัดฐานที่เข้มงวดสูงอยู่