ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวลดลงอย่างแรงในคืนวันอังคารที่ผ่านมา หลังมีข่าวความขัดแย้งระหว่างอิหร่านและอิสราเอลเริ่มคลี่คลาย โดยทั้งสองฝ่ายประกาศหยุดยิง ส่งผลให้ความต้องการทองคำในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยลดน้อยลง

ราคาทองคำสปอตลดลงถึง 2% แตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์ ก่อนที่จะรีบาวด์ขึ้นมาปิดลบ 1.4% ที่ 3,319.96 เหรียญ หรือประมาณ 109,559 บาทต่อออนซ์ ขณะที่สัญญาทองคำล่วงหน้า (Future COMEX) -1.8% ที่ 3,333.90 เหรียญ (ราว 110,019 บาท) โดยนักวิเคราะห์ระบุว่า ทองมีแนวรับสำคัญที่ระดับ 3,300 เหรียญ และอีกแนวรับหนึ่งที่ 3,250 เหรียญ

ปีเตอร์ แกรนท์ นักกลยุทธ์อาวุโสจาก Zaner Metals กล่าวว่า “การคลี่คลายความตึงเครียดในตะวันออกกลางเป็นตัวการหลักที่ฉุดราคาทองในรอบนี้ เพราะแรงซื้อจากความกลัว (safe-haven bid) ได้ลดลงไป นักลงทุนหันไปถือสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น เช่น หุ้น” อย่างไรก็ตาม เขายังมองว่าทองไม่น่าจะร่วงลึกมากนัก เว้นแต่จะมีเสถียรภาพมากขึ้นจากการเมืองโลก

ในอีกด้านหนึ่ง ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) นายเจอโรม พาวเวลล์ ให้การต่อสภาคองเกรสว่า Fed ยังต้องการเวลาในการประเมินว่าภาษีนำเข้าที่เพิ่มขึ้นจะกระทบเงินเฟ้อหรือไม่ ก่อนจะตัดสินใจลดดอกเบี้ย ซึ่งตลาดคาดว่า Fed อาจเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนตุลาคม และรวมแล้วลดลง 0.50% ภายในสิ้นปีนี้

ซึ่งหากเป็นจริงจะเป็นปัจจัยบวกระยะกลางต่อราคาทอง เพราะทองเป็นสินทรัพย์ที่ไม่ให้ผลตอบแทน (zero-yielding) จึงได้ประโยชน์ในภาวะดอกเบี้ยต่ำ

ฝั่งตลาดโลหะมีค่าตัวอื่น ๆ ราคาโลหะเงินร่วงลง 0.8% ปิดที่ 35.83 เหรียญ (ประมาณ 1,182 บาทต่อออนซ์) ขณะที่แพลทินัมกลับพุ่งขึ้น 1.6% อยู่ที่ 1,314.91 เหรียญ ส่วนพาลาเดียมปรับลง 1.5% ปิดที่ 1,061.90 เหรียญ