บริษัทผู้ผลิตยาชื่อดังระดับโลกอย่าง Pfizer (PFE) ได้ทำข้อตกลงเพื่อเข้าซื้อกิจการของบริษัทพัฒนาด้านยาอย่าง Metsera (MTSR) ในข้อตกลงที่อาจมีมูลค่าสูงถึง 7,300 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งรวมถึงเงินส่วนแบ่งตามผลงานในอนาคต
การเข้าซื้อครั้งนี้นับเป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า Pfizer ต้องการช่วงชิงส่วนแบ่งในตลาดการรักษาโรคอ้วน ที่มีมูลค่าการเติบโตสูงถึง 150,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ในช่วงต้นปี 2030
ตลาดนี้ถูกขับเคลื่อนด้วยยาในกลุ่ม GLP-1 ที่กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงจากบริษัทคู่แข่งหลักอย่าง Novo Nordisk และ Eli Lilly ซึ่งแต่ละบริษัทต่างกำลังเร่งพัฒนาการรักษาเจเนอเรชันถัดไป รวมถึงฮอร์โมนที่ช่วยให้ผู้ป่วยลดไขมันในร่างกายพร้อมกับรักษามวลกล้ามเนื้อไปพร้อมกัน
การเข้าซื้อกิจการในครั้งนี้จะทำให้ Pfizer ได้ครอบครองพอร์ตโฟลิโอของยาที่ Metsera กำลังพัฒนาอยู่ โดยยาที่น่าสนใจที่สุดคือ MET-097i ซึ่งเป็นยาฉีดในกลุ่ม GLP-1 และ MET-233i ที่เลียนแบบการทำงานของฮอร์โมนในตับอ่อนอย่างอะมิลิน (Amylin) ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ในช่วงทดลองในระยะแรก ทั้งในรูปแบบการใช้เป็นยาเดี่ยวแบบเดือนละครั้ง และแบบใช้ควบคู่กับยา MET-097i
ผู้บริหารของ Pfizer มั่นใจว่า ตารางการให้ยาแบบเดือนละครั้งของยา MET-233i จะสร้างความได้เปรียบในการแข่งขัน เนื่องจากยาจะยังคงอยู่ในร่างกายผู้ป่วยเป็นเวลานานพอสมควร ทำให้ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลเรื่องผลข้างเคียงระหว่างช่วงเวลาที่เว้นห่างจากการให้ยาในแต่ละครั้ง ซึ่งนักวิเคราะห์จาก Leerink Partners คาดการณ์ว่า ยาของ Metsera อาจมียอดขายรวมสูงสุดถึง 5,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ
นอกจากนี้ การเข้าซื้อกิจการ Metsera ยังเป็นอีกก้าวสำคัญของ Pfizer หลังจากที่ยา Danuglipron ซึ่งเป็นยาเม็ดสำหรับลดน้ำหนักของบริษัทเองต้องเจอกับความล้มเหลวในการพัฒนา ทั้งในรูปแบบวันละ 2 ครั้ง และวันละครั้ง เนื่องจากผู้เข้าร่วมการทดลองบางรายมีปัญหาเรื่องผลข้างเคียงที่เกี่ยวกับตับ