ดูเหมือนปี 2025 จะไม่ใช่ปีที่สดใสเท่าไหร่สำหรับอาณาจักรการลงทุนของวอร์เรน บัฟเฟตต์ เมื่อหุ้น Berkshire Hathaway ยังตามหลังดัชนี S&P 500 ด้วยช่องว่างที่กว้างที่สุดในรอบปี หลังจากบัฟเฟตต์ประกาศเซอร์ไพรส์ว่าเตรียมวางมือจากตำแหน่งซีอีโอภายในสิ้นปีนี้
แม้หุ้น Berkshire จะพยายามดีดกลับกว่า 7.2% จากระดับต่ำสุดในเดือนสิงหาคม แต่เมื่อเทียบกับ S&P 500 ที่ยังพุ่งแรงต่อเนื่องจากแรงหนุนตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ออกมาต่ำกว่าคาด ทำให้ Berkshire ยังห่างอยู่พอสมควร และดูเหมือน “ตำนานนักลงทุนแห่งโอมาฮา” จะกำลังเจอช่วงเวลาที่ยากอีกครั้งในสนามตลาดหุ้น
ข้อมูลล่าสุดระบุว่า หุ้น Berkshire Hathaway Class B เพิ่มขึ้น 8.6% ตั้งแต่ต้นปี ส่วนหุ้น Class A ขยับขึ้น 8.5% ขณะที่ S&P 500 กลับทะยานขึ้นถึง 15.5% ในช่วงเดียวกัน ทำให้ช่องว่างผลตอบแทนระหว่างทั้งสองอยู่ที่ 6.9 จุดเปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นระดับที่มากที่สุดในปีนี้
หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ Berkshire ตามหลังตลาด คือการตัดสินใจขายหุ้น Apple สินทรัพย์ชิ้นทองที่เคยเป็นหัวใจหลักของพอร์ตโฟลิโอ โดย Berkshire ลดสัดส่วนถือครองหุ้น Apple ลงถึง 69% จาก 916 ล้านหุ้น เหลือเพียง 280 ล้านหุ้น ณ วันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา ทั้งที่ราคาหุ้น Apple พุ่งขึ้นกว่า 50% จากช่วงปลายปี 2023 มาปิดที่ 262.82 เหรียญต่อหุ้น ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุดใหม่ตลอดกาล
นักวิเคราะห์จาก Barron’s คำนวณว่า หาก Berkshire ยังถือหุ้น Apple ไว้ทั้งหมด มูลค่าพอร์ตจะอยู่ที่ราว 241,000 ล้านเหรียญ แทนที่จะเหลือเพียง 74,000 ล้านเหรียญอย่างในปัจจุบัน หมายความว่าบัฟเฟตต์อาจพลาดกำไรไปราว 167,000 ล้านเหรียญ หรือพูดง่าย ๆ คือ “ขายหมู” ครั้งใหญ่ในชีวิตการลงทุน แม้จะได้กำไรจริงราว 96,000 ล้านเหรียญก่อนหักภาษี แต่ก็ต้องเสียภาษีไปอีกราว 20,000 ล้านเหรียญ
ขณะที่สาเหตุการขาย บัฟเฟตต์เคยตอบสั้น ๆ ในงานประชุมผู้ถือหุ้นว่า เขาคาดว่าภาษีกำไรจากการลงทุนจะเพิ่มสูงขึ้นในอนาคต จึงเลือกทยอยขายในช่วงที่อัตราภาษียังต่ำ
อย่างไรก็ตาม การขายดังกล่าวกลับเกิดก่อนที่ราคาหุ้น Apple จะพุ่งแรง จนทำให้หลายฝ่ายตั้งคำถามว่าครั้งนี้ “ออราแห่งอัจฉริยะการลงทุน” ของบัฟเฟตต์อาจเริ่มจางลงหรือไม่