ภายหลังการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินของประชาชนรายย่อย เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายนที่ผ่านมา นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ กล่าวถึงภาพรวมหนี้สินของข้าราชการว่า ปัจจุบัน มีข้าราชการที่อยู่ในระบบเงินกู้สหกรณ์ทั้งสิ้น 3 ล้านคน ส่วนใหญ่อยู่กระทรวงศึกษาธิการประมาณ 800,000 คน กระทรวงสาธารณสุข 200,000 คน และข้าราชการตำรวจ 230,000 คน

สำหรับแนวทางการแก้ไขหนี้สินของข้าราชการนั้น นายกิตติรัตน์กล่าวว่า “รัฐบาลจะดูแลข้าราชการในระบบสวัสดิการและดูแลเรื่องการหักเงินเดือนให้ทุกหน่วย ส่วนหนี้ที่เหลือทุกประเภท หากมีแนวทางหลักการครบถ้วนก็พร้อมที่จะนำเสนอนายกรัฐมนตรีต่อไป”

นายกิตติรัตน์กล่าวเสริมว่า นายกรัฐมนตรีจะแถลงเรื่องหนี้สินทั้งหมดครบทุกประเภทเพื่อความชัดเจนในวันที่ 12 ธันวาคม 2566

ทางด้าน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ในฐานะรองประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ เปิดเผยว่า ตามที่ได้มีการรับฟังและเก็บข้อมูลนำมาวิเคราะห์พบว่า การหักเงินเดือนหรือการชำระหนี้ยังไม่เป็นไปตามเจตนารมณ์ของระบบสินเชื่อสวัสดิการ ทำให้เกิดปัญหาข้าราชการมีเงินเดือนไม่ถึง 30% ดังนั้น หลักการที่คณะกรรมการได้พิจารณาร่วมกันคือ ทำให้ข้าราชการไม่ว่าประเภทใดให้คงเหลือเงินเดือนไม่น้อยกว่า 30% ของเงินเดือนก่อนชำระหนี้

สำหรับแนวทางในการพิจารณาแก้ไขเรื่องหนี้สินของข้าราชการจะมีการลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง โดยเป็นการลดความเสี่ยงจากการที่รัฐบาลเป็นผู้ที่รับผิดชอบในการจ่ายเงินเดือนให้กับข้าราชการอยู่แล้ว ซึ่งการลดอัตราดอกเบี้ยจะทำให้ผู้เป็นหนี้แบกภาระเรื่องหนี้สินลดลงโดยอัตโนมัติ ซึ่งในส่วนนี้เชื่อมั่นว่าจะมีข้าราชการจำนวน 1 ใน 3 ที่สามารถปลดหนี้ได้ในระยะเวลาอันรวดเร็ว

แต่ถ้าบางรายไม่สามารถทำให้เงินเหลือมากกว่า 30% ของเงินเดือนได้ จะใช้วิธีการขยายงวดชำระเงินต้นออกไปให้อายุถึง 75 ปี ซึ่งจะส่งผลให้เงินต้นลดลงโดยอัตโนมัติ และเป็นสิ่งที่คณะกรรมการได้กำหนดแนวทางที่ 2 ในการขยายเวลาการชำระเงินต้น ที่จะทำให้กลุ่มข้าราชการสามารถมีเงินเดือนเหลือได้อีก

หลังจากนั้นถ้าเงินเดือนยังเหลือไม่ถึง 30% จะใช้วิธีการหาเงินกู้พิเศษหรือใช้เงินกู้จากสถาบันที่เป็นทุนเดิมของหุ้น จากสหกรณ์ออมทรัพย์ของตนเอง ซึ่งไม่ขัดต่อคำวินิจฉัยของศาลปกครอง นำมาเป็นเงินกู้ของตนเองในอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิมที่ได้กำหนดกรอบไว้ จะทำให้การแก้ปัญหา ผ่อนปรนภาระของการชำระเงินให้ข้าราชการไปอีกระดับหนึ่ง

พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ยังกล่าวอีกว่า “แล้วถ้าหากยังเหลือเงินไม่ถึง 30% อีก ซึ่งเชื่อว่าจะเหลือแค่บางรายเท่านั้น เราจะนำมาวิเคราะห์และแก้ไขเฉพาะราย เพื่อให้เกิดการปลดหนี้และอยู่ในคุณภาพชีวิตที่อยู่ได้ โดยคาดว่าจะมีผลลัพธ์เกิดขึ้นในเดือนมกราคม 2567 เป็นต้นไป” 

รองประธานการประชุมคณะกรรมการกำกับการแก้ไขหนี้สินฯ กล่าวทิ้งท้ายว่า การกำหนดแนวทางต่าง ๆ ต้องขอความร่วมมือกับกลุ่มนายจ้างคือ กรมบัญชีกลางและส่วนราชการซึ่งเป็นต้นสังกัดของข้าราชการนั้น ๆ

ที่มา : สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส