ใครจะไปคิดว่า อนิเมะและมังงะ ของญี่ปุ่น จะมีอิทธิพลขนาดนี้ ล่าสุดผลวิจัยเผยว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติแห่กันไปเยือนสถานที่จริงที่ปรากฏในอนิเมะและมังงะสุดฮิต จนกลายเป็น แหล่งทำเงินสำคัญ ให้กับเศรษฐกิจท้องถิ่นของญี่ปุ่นไปแล้ว นี่คือสัญญาณชัดเจนว่า “ซอฟต์พาวเวอร์” ของญี่ปุ่นกำลังทำงานอย่างเต็มที่

สถาบันวิจัย Meiji Yasuda Research Institute รายงานว่าในปี 2024 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 3 ล้านคน หรือคิดเป็น 8.1% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด 36.87 ล้านคนที่มาญี่ปุ่น น่าจะเดินทางไปเยือนสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์หรืออนิเมะ ตัวเลขนี้พุ่งขึ้นจากปี 2016 ที่มีเพียง 4.8% หรือประมาณ 1.15 ล้านคน จากนักท่องเที่ยวทั้งหมด 24.04 ล้านคน

เท่านั้นยังไม่พอ ยอดซื้อสินค้าที่เกี่ยวข้องกับอนิเมะและมังงะเมื่อปีที่แล้วก็สูงถึง 5.43 หมื่นล้านเยน (ประมาณ 372 ล้านเหรียญ) ซึ่งเพิ่มขึ้นถึง 53% จากปี 2016 บ่งบอกชัดเจนว่าอุตสาหกรรมอนิเมะของญี่ปุ่นกำลังเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2023 ผู้บริโภคทั่วโลกใช้จ่ายไปกับอนิเมะมากกว่า 3 ล้านล้านเยน และภาพยนตร์อนิเมะยังครองแชมป์รายได้บ็อกซ์ออฟฟิศในประเทศมาตลอดหลายปีที่ผ่านมา

ปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “Seichi Junrei” (聖地巡礼) หรือที่แปลตรงตัวว่า “แสวงบุญในสถานที่ศักดิ์สิทธิ์” ได้กลายเป็นเหมือน “พิธีกรรม” ที่แฟน ๆ ทั่วโลกต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง พวกเขาจะเดินทางไปเยือนสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจ หรือเป็นฉากหลังในชีวิตจริงของอนิเมะและมังงะยอดนิยม

เทรนด์นี้เริ่มโดดเด่นขึ้นอย่างมากหลังจากความสำเร็จถล่มทลายของภาพยนตร์อนิเมะญี่ปุ่นเรื่อง “your name.” ในปี 2016

หนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของแฟน ๆ ทั่วโลกคือ ศาลเจ้าโฮมังงุ คามาโดะ (Homangu Kamado Shrine) ในจังหวัดฟุกุโอกะ ซึ่งเชื่อมโยงกับซีรีส์อนิเมะและมังงะเรื่องดังอย่าง “Demon Slayer: Kimetsu no Yaiba” (ดาบพิฆาตอสูร นั่นเอง) คุณ Takafumi Fujita นักเศรษฐศาสตร์จาก Meiji Yasuda Research บอกว่าจังหวัดทางตะวันตกเฉียงใต้แห่งนี้ติดอันดับ 5 ของประเทศในด้านจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติเลยทีเดียว

นอกจากผลกระทบเชิงบวกต่อเศรษฐกิจท้องถิ่นแล้ว ความนิยมของเนื้อหาบันเทิงญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นเกมหรือภาพยนตร์ ที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องในต่างประเทศ ยังมีศักยภาพที่จะ ช่วยลดการขาดดุลการค้าดิจิทัล ของประเทศได้อีกด้วย

แม้ญี่ปุ่นจะขาดดุลการค้าดิจิทัลสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 6.8 ล้านล้านเยนในปี 2024 เนื่องจากบริษัทในประเทศต้องพึ่งพาเทคโนโลยีจากบริษัทยักษ์ใหญ่ด้านไอทีของสหรัฐฯ แต่การส่งออกเนื้อหาบันเทิงของญี่ปุ่น ซึ่งมีมูลค่าถึง 4.7 ล้านล้านเยนในปี 2022 ก็สามารถชดเชยการขาดดุลได้มาก หากอุตสาหกรรมนี้ยังคงเติบโตต่อไป

อย่างไรก็ตาม ประโยชน์เหล่านี้ก็มาพร้อมกับข้อเสียบางอย่าง คุณ Fujita ชี้ว่ารัฐบาลท้องถิ่นจำเป็นต้องจัดการกับปัญหา “นักท่องเที่ยวล้นเกิน” (Overtourism) ที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านที่อาศัยอยู่ใกล้สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม

“เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวจำนวนมาก รวมถึงนักท่องเที่ยวจากต่างประเทศ หน่วยงานท้องถิ่นจำเป็นต้องพัฒนาระบบเพื่อรองรับภาษาต่างๆ และฝึกอบรมอาสาสมัครด้านการท่องเที่ยวในท้องถิ่น” คุณ Fujita กล่าวเสริม

สรุปแล้ว Soft Power ของอนิเมะและมังงะญี่ปุ่นถือว่าทรงพลังสุด ๆ จนสร้างเม็ดเงินมหาศาลให้กับประเทศได้จริง แต่ก็ต้องมีการจัดการที่ดีเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้สัมผัสประสบการณ์ที่ดี และคนในพื้นที่ก็ไม่ได้รับผลกระทบจากการท่องเที่ยวที่ล้นเกิน