ฌอน โอนีล (Sean O’Neill) เกิดและเติบโตในรัฐนิวยอร์ก ก่อนเข้ารับราชการในกระทรวงการต่างประเทศ เขาเคยทำงานเป็นทนายความด้านตลาดทุน ทั้งในนิวยอร์กและโตเกียว สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีสาขาศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยทูเลน และจบการศึกษาด้านกฎหมายในระดับปริญญาเอก (J.D.) จากคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยฟอร์ดแฮม
ตลอดเส้นทางอาชีพ โอนีลได้เรียนรู้และใช้ภาษาต่าง ๆ หลายภาษาในเอเชีย ได้แก่ ไทย จีน พม่า เบงกาลี และญี่ปุ่น และเป็นเจ้าหน้าที่อาวุโสประจำกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ในสำนักกิจการเอเชียตะวันออกและแปซิฟิก ตั้งแต่เดือนมกราคม 2568 มีประสบการณ์โชกโชน ด้านการทูตกว่า 20 ปี ในภูมิภาคอินโดแปซิฟิก
เคยประจำการในหลายประเทศ ไม่ว่าจะเป็น บังกลาเทศ ปากีสถาน เมียนมา ฮ่องกง และประเทศไทย โดยเคยดำรงตำแหน่งกงสุลใหญ่สหรัฐฯ ประจำจังหวัดเชียงใหม่ และหัวหน้าหน่วยการเมือง-การทหารที่สถานเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ กรุงเทพฯ

ฌอน โอนีล ว่าที่ทูตสหรัฐฯ ประจำไทย เคยทำอะไรมาก่อน ?
ความคุ้นเคยกับประเทศไทยและทักษะภาษาไทยของเขา ถือเป็นจุดแข็งสำคัญในการสร้างความสัมพันธ์เชิงลึกกับผู้นำและชุมชนในพื้นที่ ทั้งยังเคยเป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายนิติบัญญัติประจำประธานคณะกรรมาธิการต่างประเทศของสภาผู้แทนราษฎร และเป็นที่ปรึกษานโยบายต่างประเทศของผู้บัญชาการนาวิกโยธินสหรัฐฯ ซึ่งสะท้อนความสามารถในการเชื่อมโยงการทูตกับประเด็นด้านความมั่นคง
โอนีล สามารถพูดได้หลายภาษาในเอเชีย รวมถึงไทย จีน เมียนมา เบงกาลี และญี่ปุ่น ความเข้าใจวัฒนธรรมท้องถิ่นของเขาถูกยกย่องว่าเป็นจุดแข็งด้านการทูต โดยเฉพาะในบริบทเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ฌอน โอนีล ชี้ปมความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไม่เป็นผลดีต่อความสัมพันธ์กับสหรัฐฯ
เมื่อถูกถามถึงแนวทางในการทำให้ข้อตกลงหยุดยิงระหว่างไทยกับกัมพูชาเป็นไปอย่างยั่งยืนและนำไปสู่สันติภาพถาวร โอนีล ระบุว่า สิ่งแรกที่เขาจะทำคือชี้ให้รัฐบาลไทย ซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรตามสนธิสัญญาที่สำคัญของสหรัฐฯ ในเอเชีย ตระหนักว่าสงครามหรือความขัดแย้งลักษณะนี้ไม่ก่อประโยชน์ใด ๆ ต่อประชาชน ไม่ช่วยเสริมสร้างพันธมิตรระหว่างสองประเทศ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหาร่วมกัน กลับกลายเป็นเพียงการสูญเสียชีวิตและทรัพยากรอย่างไร้ความจำเป็น
โอนีลยังกล่าวเพิ่มเติมว่า ไทยไม่ควรให้ความชอบธรรมกับรัฐบาลทหารของเมียนมา โดยเน้นย้ำจุดยืนของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ที่ไม่สนับสนุนการจัดการเลือกตั้งปลอม ซึ่งรัฐบาลทหารเมียนมามีแผนจะจัดขึ้นในฤดูใบไม้ร่วงนี้
“หากได้รับการแต่งตั้ง ผมจะสนับสนุนให้ไทยไม่ยอมรับการเลือกตั้งที่ประชาชนมากกว่าครึ่งประเทศไม่มีส่วนร่วม ขณะที่ผู้นำฝ่ายค้านส่วนใหญ่ยังถูกควบคุมตัวอยู่”