รอบระบบสุริยะของเรามี “เฮลิโอสเฟียร์” ฟองก๊าซพลาสมาขนาดยักษ์ที่เกิดจากลมสุริยะ ทำหน้าที่เป็นเกราะธรรมชาติ ปกป้องโลกและดาวเคราะห์อื่น ๆ จากรังสีคอสมิกพลังงานสูง ล่าสุด NASA ส่งยานสำรวจ IMAP หรือ Interstellar Mapping and Acceleration Probe เพื่อถอดรหัสปรากฏการณ์ลึกลับนี้อย่างละเอียด

นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่าเฮลิโอสเฟียร์มีบทบาทสำคัญต่อการดำรงชีวิตบนโลก และอาจอธิบายเงื่อนไขที่เคยทำให้ดาวอังคารมีสภาพเอื้อต่อสิ่งมีชีวิตได้เช่นกัน ภารกิจใหม่นี้จึงเป็นกุญแจสำคัญในการทำความเข้าใจพลังงานจากดวงอาทิตย์และผลกระทบต่อดาวเคราะห์

IMAP ถูกออกแบบเพื่อตรวจสอบจุดกำเนิดลมสุริยะและการปะทะกับอวกาศระหว่างดวงดาว ขอบเขตเฮลิโอสเฟียร์อยู่ห่างจากโลกถึง 3 เท่าของระยะโลก-พลูโต ยานติดตั้งเครื่องมือ 10 ชุดที่สามารถเก็บข้อมูลความละเอียดสูงกว่าภารกิจก่อนถึง 30 เท่า

เมื่อเดินทางไปยังจุดโคจรห่างจากโลกประมาณ 1,600,000 กิโลเมตร IMAP จะวัดอนุภาคพลังงานและสร้างแผนที่ขอบเขตเฮลิโอสเฟียร์แบบเรียลไทม์ รวมทั้งช่วยคาดการณ์พายุสุริยะซึ่งส่งผลต่อระบบสื่อสาร ดาวเทียม และโครงข่ายไฟฟ้าบนโลก

ก่อนหน้านี้เรามีข้อมูลเพียงบางส่วนจากยาน Voyager 1 และ 2 ที่เคยทะลุขอบเฮลิโอสเฟียร์ออกสู่อวกาศระหว่างดวงดาว และดาวเทียม IBEX ที่ทำแผนที่เบื้องต้นตั้งแต่ปี 2008 การมาของ IMAP จึงเป็นก้าวกระโดดสำคัญในด้านความละเอียดและความครอบคลุมของข้อมูล

นักวิทยาศาสตร์คาดว่า IMAP จะช่วยตอบคำถามใหญ่ เช่น รูปทรงที่แท้จริงของเฮลิโอสเฟียร์และวิธีที่มันป้องกันรังสีคอสมิก ซึ่งอาจนำไปสู่ความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับ “แอสโตรสเฟียร์” รอบดาวฤกษ์ดวงอื่น ๆ ในจักรวาล

ด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัยและความร่วมมือจากหลายหน่วยงาน ภารกิจ IMAP ไม่เพียงช่วยคาดการณ์สภาพอากาศอวกาศที่ส่งผลต่อชีวิตประจำวันบนโลก แต่ยังเปิดประตูสู่การทำแผนที่เกราะจักรวาลรอบระบบสุริยะอย่างละเอียดที่สุดในประวัติศาสตร์ ช่วยมนุษย์เข้าใจ “บ้าน” ของเราภายในกาแล็กซีทางช้างเผือกได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น