ในยุคที่โลกทั้งใบเชื่อมต่อกันได้ง่ายเพียงปลายนิ้ว โซเชียลมีเดียทำให้เรารู้สึกใกล้ชิดและมีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนอยู่ตลอดเวลา ทั้งการสนทนาผ่านแชต การกดไลก์ คอมเมนต์กันในโลกออนไลน์อย่างสนุกสนาน แต่ทำไมถึงยังรู้สึกเหงาอยู่
ยิ่งใกล้ ยิ่งไกลกัน
แม้โซเชียลมีเดียจะทำให้เรารู้สึกว่าเรามีปฏิสัมพันธ์กับผู้คนผ่านโลกออนไลน์ เห็นชีวิตมากมายของการอัปเดตเรื่องราวผ่านหน้าจอ แต่การกดไลก์ หรือคอมเมนต์สั้น ๆ อาจเป็นเพียงภาพลวงตาที่ทำให้เรารู้สึกว่าเราได้ใกล้ชิดกันมากขึ้น แต่ในทางกลับกันการสื่อสารแบบเจอหน้ากัน (Face-to-face) ที่มีการพูดคุยผ่านน้ำเสียงและภาษากาย จะกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารออกซิโทซิน (Oxytocin) หรือที่เรียกกันว่า ฮอร์โมนแห่งความผูกพัน ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการสร้างความรู้สึก เชื่อใจ และผูกพันกัน ที่ลึกซึ้งกว่าการอ่านตัวอักษรผ่านหน้าจอ

ที่มาของความเหงายุคดิจิทัล
เมื่อโซเชียลมีเดียแทบจะหลอมรวมไปกับชีวิตของผู้คน การอยู่ใกล้กับสิ่งเหล่านี้มากเกินไปอาจทำให้เราไม่สามารถมองเห็นเหลี่ยมมุมและความแหลมคมของมันได้อย่างชัดเจน
- ภาพลวงตาที่สะท้อนผ่านหน้าจอ จริงอยู่ที่โซเชียลมีเดียทำให้เรารับรู้ชีวิตของผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา แม้อยู่ไกลกันก็สามารถให้กำลังใจผ่านการกดไลก์สตอรีไอจี หรือคอมเมนต์แสดงความยินดีทำให้เรารู้สึกว่าเรายังเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตกันและกัน แต่ความสัมพันธ์บนโลกออนไลน์ก็ไม่ยังไม่สามารถทดแทนความรู้สึกได้เท่ากับการมีปฏิสัมพันธ์กันจริง ๆ ผ่านการพูดคุยแบบเจอหน้า
- เหยื่อของชีวิตดี ๆ ใน IG Story บนโลกออนไลน์ผู้คนต่างคัดเลือกและนำเสนอชีวิตด้านที่สวยงามและสมบูรณ์แบบให้ผู้อื่นเห็น ทำให้เกิดการเปรียบเทียบและรู้สึกว่าชีวิตของตัวเองขาดหาย บกพร่อง หรือไม่ดีพอ ซึ่งอาจนำไปสู่การตั้งคำถามถึงคุณค่าในตัวเอง เกิดความรู้สึกโดดเดี่ยว และแปลกแยกขึ้น
- FOMO (Fear of Missing Out) การเห็นคนอื่นทำกิจกรรมผ่านหน้าจอ ทำให้เกิดความกลัวที่จะตกกระแสหรือพลาดโอกาสสำคัญ ความรู้สึกนี้สร้างความวิตกกังวลและยิ่งตอกย้ำความรู้สึกโดดเดี่ยวเมื่อเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของเหตุการณ์นั้น
- ความสัมพันธ์และความรู้สึกที่ถูกแทนที่ ยิ่งเราใช้เวลาไปกับการไถฟีดหรือสนทนาออนไลน์มากเท่าไหร่ ความสัมพันธ์กับคนรอบข้างก็ยิ่งน้อย ทั้งการพบปะพูดคุย ทำกิจกรรมร่วมกัน
- AI เพื่อนที่ปรึกษา ยิ่งไปกว่านั้น การเกิดขึ้นของ AI ที่สามารถเป็นเพื่อนคุย ปลอบโยน หรือให้คำปรึกษาได้ ยิ่งอาจทำให้การเชื่อมต่อระหว่างมนุษย์จริง ๆ ลดความสำคัญลงไปอีก

แม้เทคโนโลยีจะมอบความสะดวกสบายในการเชื่อมต่อ แต่การใช้งานอย่างไม่สมดุลอาจนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่เปราะบางและห่างเหิน การกลับมาให้ความสำคัญกับการมีปฏิสัมพันธ์ในโลกแห่งความเป็นจริงจึงเป็นสิ่งจำเป็น เพื่อเติมเต็มความรู้สึกผูกพันและเอาชนะความเหงาในยุคดิจิทัลได้ เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดในการสื่อสารของมนุษย์ คือการได้พบปะพูดคุยผ่านบทสนทนา การสบตา มีปฏิสัมพันธ์ผ่านกิจกรรม อาจถึงเวลาที่เราต้องลองวางสมาร์ตโฟนในมือลง เพื่อโฟกัสคนรอบข้างมากขึ้น ก่อนที่ความเหงาในโลกดิจิทัลจะกลืนกินเราไปมากกว่านี้