ภาคแรกปี 1996 สร้างปรากฎการณ์ไว้มาก จากทุนสร้างเพียง 75 ล้านเหรียญ หนังทำเงินถล่มทลายไปถึง 817 ล้านเหรียญ ไม่ต้องคำนวณกันเลยว่าได้กำไรไปกี่เท่า และแน่นอนว่าหนังได้เงินขนาดนี้ทางค่ายต้องอยากทำภาคต่อแน่นอน แต่ทำไมถึงเว้นช่วงตั้ง 20 ปีล่ะ เหตุเพราะเจ้าของเรื่อง ดีน เดฟลิน คู่หูของผู้กำกับ โรแลนด์ เอมเมอริช รับเงินค่าจ้างล่วงหน้าก้อนโตมาแล้วจาก ทเวนตี้ เซนจูรี่ ฟอกซ์ แล้วก็เขียนบทภาค 2 เสร็จแล้วด้วย แต่ด้วยคุณธรรมอันแรงกล้า ไม่พอใจเรื่องของตัวเอง ว่ามันไม่ได้ดีเท่าภาคแรก ก็เลยหอบเงินไปคืน ฟอกซ์ ผ่านไป 15 ปี ดีน ก็ไปหา โรแลนด์ บอกว่าเขาคิดพล็อตสดใหม่ให้ภาค 2 ได้แล้ว นั่นทำให้เหตุการณ์ภาค 2 ถึงตามหลังภาคแรกถึง 20 ปี ตอนนี้ ดีน เขียนบทภาค 3 ซึ่งเป็นภาคจบไว้แล้ว แต่ทางฟอกซ์ รอดูรายได้ภาค 2 ก่อนที่จะไฟเขียวให้สร้างภาค 3

independence-day-resurgence

ด้วยความที่เป็นหนังภาค 2 ตัวละครเก่ากลับมาเกือบครบ หนังเลยใส่เกียร์เดินหน้าได้เต็มกำลัง ไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวละครหลัก ๆ กัน มีแค่ต้องแนะนำตัวละครรุ่นลูก 3 คนเท่านั้น เลียม เฮล์มเวิร์ธ ในบท เจค มอริสัน พระเอกของภาคนี้ในบทนักบินฝีมือดีของกองกำลังป้องกันโลก ESD (Earth Space Defense) แพททริเซีย มอนโร ลูกสาวของอดีตประธานาธิบดี วิธมอร์ และเป็นคู่หมั้นของเจค และ ดีแลน ฮิลเลอร์ ลูกชายของ สตีเวน ฮิลเลอร์ บทเดิมของ วิล สมิธ ที่เรียกค่าตัวถึง 50 ล้านเหรียญสำหรับภาคต่อ 2 และ 3 ทางค่ายเลยเลือกทางออกด้วยการเขียนบทให้ สตีเวน ฮิลเลอร์ ตายไปซะแล้วดันตัวลูกให้ขึ้นมาเป็นบทนำแทน  แถมด้วย แองเจล่า เบบี้ ดาราสาวจากจีนมาโชว์หน้าสวย ๆ ทำหน้าที่เป็นสีสันให้ภาคนี้ ด้วยเหตุนี้หนังเลยไม่มีดาราระดับแม่เหล็ก มีแต่ดาราเบอร์กลาง ๆ หลาย ๆ คนถ้าไม่โผล่หน้ามาในเรื่องนี้ก็แทบไม่มีหนังเล่นเลย อย่าง บิล พูลแมน ในบทประธานาธิบดี วิธมอร์ ที่เป็นบทที่เท่ที่สุดในชีวิตการแสดงของเขาแล้ว มาถึงภาคนี้บทก็ยังเขียนให้ วิธมอร์ ได้เหมาฉากเท่ ๆ ไปเช่นเดิม เจฟฟ์ โกลด์บลัม ฮีโร่จากภาคก่อนมาภาคนี้ก็ได้รับบทเด่นขึ้นกว่าเดิมเป็นฮีโร่ในด้านมันสมองของโลกมนุษย์วางแผนกลยุทธ์แล้วลุยคู่กับฝ่ายบู๊พระเอกรุ่นลูก เจค มอริสัน

2F592DE800000578-0-image-m-91_1450051596136

เนื้อหาหนังมีการอ้างถึงเหตุการณ์และวีรกรรมต่าง ๆ ของตัวละครในภาคที่แล้วค่อนข้างมาก ถ้าใครเคยดูหรือจำเรื่องราวในภาคก่อนได้ ก็จะเกาะตามเรื่องราวของหนังไปได้อย่างราบรื่น แต่ถ้าเกิดไม่ทันหรือลืมไปแล้วก็ไม่ถึงกับจะดูไม่รู้เรื่องนะ หลาย ๆ จุดที่เพิ่มมาใหม่ในภาคนี้ อย่างแรกคือความอัดแน่นของฉากแอ็คชั่น อย่างที่กล่าวคือหนังไม่ต้องเสียเวลาแนะนำตัวละครก็เลยเขียนให้เอเลี่ยนบุกโลกกันตั้งแต่เริ่มเรื่องเลย เป็นหนังน้อยเรื่องที่เดินหน้ากันแบบนี้ ใส่สถานการณ์ต่อเนื่อง 120 นาทีเต็มแบบไม่ต้องผ่อนคันเร่งแทบไม่มีฉากตัวละครมานั่งคุยกันเลย ซัดกันอย่างเดียว บวกกับบทที่เขียนให้มนุษย์โลกดึงวิทยาการของเอเลี่ยนมาใช้หลังจากชนะศึก โลกมนุษย์ในภาคนี้เลยมีทั้งปืนแสง ยานบิน ยานรบ ที่ไปกลับโลกและดวงจันทร์ภายในไม่กี่นาที มนุษย์โลกเข้าใจภาษาเอเลี่ยน นักบินมนุษย์ขับยานเอเลี่ยนได้ ก็ล้วนเป็นเหตุผลที่มาเติมแต่งให้หนังใส่ฉากสนุก ๆ ได้มากขึ้น ฉากซีจีในภาคนี้สเกลใหญ่ขึ้นเพราะวิทยาการทางด้านภาพที่พัฒนามาใน 20 ปีให้หลังก็เลยจัดเต็ม ฉากถล่มทลายมากขึ้น คลื่นลูกโตมากขึ้น ยานต่างดาวลำใหญ่มากขึ้นในเรื่องบอกว่ากว้างถึง 4,800 กิโลเมตร ลงจอดทีครอบคลุมตั้งแต่จีนถึงสหรัฐอเมริกาเลย มองเห็นชัดเจนเลยว่านี่คือหนังที่ใช้งบ 200 ล้านเหรียญหมดไปกับงานภาพอย่างแท้จริง เพราะหนังใช้บริการดาราเบอร์กลาง ๆ ก็เลยไม่ต้องแบ่งไปจ่ายค่าตัวดาราแพง ๆ

Independence Day Resurgence

ถึงแม้ภาคนี้จะอัดแน่นไปด้วยฉากแอ็คชั่นแต่ก็ยังไม่มีฉากไหนที่ไปถึงจุดพีคได้อย่างที่ภาคก่อนเคยทำไว้ได้ อย่างฉาก วิล สมิธ ลากคอเอเลี่ยนมาต่อยหน้า ยังจำได้ว่าฉากนี้ได้ใจคนดูจนมีเสียงเฮในโรง และฉากพูดปลุกใจของประธานาธิบดีวิธมอร์ ที่ดูแล้วยังรู้สึกฮึกเหิมตามไปด้วย แต่ก็ดูออกว่าบทภาคนี้ก็พยายามแล้วล่ะ ทั้งบทพูดเท่ ๆ การเขียนให้ตัวละครบางตัวตายเพื่อบิลท์อารมณ์ดราม่า และการเขียนอวยฝ่ายมนุษย์ให้เก่ง ฉลาด เหนือเอเลี่ยนจนแทบไม่ต้องรู้สึกเอาใจช่วยเลย ฉากต่อสู้ถึงแม้มันส์แต่ก็ขาดอารมณ์ตื่นเต้นไม่ได้ลุ้นไปกับชะตากรรมของตัวละคร อาจจะเพราะเดาได้อยู่แล้วกับบทลงเอยของหนัง

354374EB00000578-0-image-m-18_1465915237915

แองเจล่า เบบี้ ในบทสมาชิก ESD จากจีน

อีกจุดที่เห็นได้ชัดกับเจตนาของผู้สร้างที่หวังผลการตลาดในจีน ด้วยการใส่ตัวละครจีนและบทบาทของประเทศจีนลงไปในเรื่องราว เพราะหลัง ๆ มานี่รายได้จากหนังฮอลลีวู้ดที่ไปฉายในจีนเริ่มจะมากกว่ารายได้ในสหรัฐแล้ว แล้วยิ่งเขียนเรื่องให้อวยประเทศจีนแบบนี้ ยิ่งกวาดเงินได้อีกมหาศาล ถึงแม้หนังจะทั้งเวอร์ทั้งโม้ตามแบบฉบับหนังฮอลลีวู้ดทุนสูง แต่โดยรวมก็ได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นหนังที่สนุกถูกใจตลาดวงกว้างทำกำไรแน่นอน ในไทยน่าจะผ่าน 100 ล้านบาทได้ในอาทิตย์แรก ลืม ๆ เหตุผลความสมจริงไปซะเปิด โหมดเสพหนังตลาดแล้วจะดูหนังได้สนุก หนังทุนสูงอัดแน่นด้วยงานซีจีแบบนี้ เสียตังค์ดู IMAX ไปเลยครับ คุ้มแน่นอน

Play video